เหตุใดหลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือจึงมีความสำคัญ เมื่อมีการฟ้องร้องดำเนินคดี

คดีแรงงาน เรื่อง หลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4306/2565

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653, ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

            โจทก์และจำเลยรู้จักกันและเริ่มทำธุรกิจร่วมกันเมื่อประมาณปี 2553 โดยร่วมกันรับซื้อฝากที่ดินมือเปล่าตามต่างจังหวัดที่ผู้ขายต้องชำระเงินคล้ายดอกเบี้ยเป็นงวดแก่ผู้ซื้อจนกว่าจะรับซื้อคืน ซึ่งเงินดังกล่าวเป็นผลปรนะโยชน์ที่โจทก์และจำเลยนำมาแบ่งกัน ก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์กับจำเลยร่วมกันซื้อที่ดินหลายแปลงและมีการโอนเงินเข้าบัญชีระหว่างกันจากการทำธุรกิจดังกล่าวหลายครั้ง 

            โจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้ ขอให้จำเลยชำระเงิน 400,000 บาท ที่โจทก์ได้โอนให้จำเลยเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2555 เข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ธนาคาร ก. โดยอ้างว่าเป็นเงินที่จำเลยกู้ยืมไปจากโจทก์ ซึ่งโจทก์รับว่าไม่ได้ทำสัญญากู้ยืมกันไว้ และโจทก์ได้นำส่งสำเนารายการเดินบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคาร ก. ที่แสดงรายการรับเงินของจำเลยในวันดังกล่าว สำเนาใบแจ้งรายการบัญชีออมทรัพย์ธนาคาร ท. ของโจทก์ที่มีการถอนเงินในวันเดียวกันเพื่อเป็นหลักฐานการกู้ยืมเงิน ประกอบกับจำเลยเบิกความไว้ในคดีอื่น มีข้อความว่า เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2555 มีรายการฝากเงินเข้ามา 400,000 บาท เป็นเงินที่โจทก์โอนเข้ามาบัญชีของตนตามข้อตกลงว่าหากได้เงินจากผู้ขายที่ดินคืนของนางอภิญญา ให้นำมาหักกลบกันไป 

            การกู้ยืมเงินตั้งแต่สองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องบังคับไม่ได้นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่ง ศาลเห็นว่า หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือดังกล่าวต้องมีข้อความให้รับฟังได้ว่าผู้ยืมได้กู้ยืมเงินไปจากผู้ให้กู้ยืมหรือมีข้อความว่าจะใช้คืนให้ อันเป็นสาระสำคัญที่บ่งชี้ให้เห็นว่าผู้ยืมได้กู้ยืมเงินจากผู้ให้กู้ยืมหรือเป็นหนี้กับผู้ให้กู้ยืม หากไม่มีข้อความดังกล่าวแล้ว ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินได้ เพราะการที่บุคคลหนึ่งมอบหรือโอนเงินให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง ไม่จำเป็นว่าต้องเกิดจากการกู้ยืมกันเสมอไป อาจเป็นเรื่องการมอบหรือโอนเงินให้แก่กันด้วยมูลเหตุอย่างอื่นก็ได้ จากหลักฐานการถอนเงินออกจากบัญชีโจทก์และโอนเงินเข้าบัญชีของจำเลยหรือคำเบิกความของจำเลยในคดีอื่นซึ่งส่งต่อศาลนั้น ไม่มีข้อความใดแสดงให้เห็นว่าเงินที่โจทก์โอนเข้าบัญชีจำเลยจำนวน 400,000 บาท เป็นเงินที่จำเลยกู้ยืมโจกท์และจำเลยจะใช้คืนให้ในภายหลังแต่อย่างใด ดังนั้น เอกสารต่างๆ ที่โจทก์อ้างถึงจึงไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือ 

             เมื่อโจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยมาแสดงต่อศาล โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง ซึ่งหลักฐานแห่งการกู้ยืมดังกล่าวเป็นเรื่องที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง ตามประมวลกฎหมายวิธีจารณาความแพ่ง มาตรา 94 และห้ามไม่ให้ศาลรับฟังพยานบุคคลแทนพยานเอกสาร ดังนั้น โจทก์จึงไม่อาจเบิกความประกอบเอกสารต่างๆ เพื่อให้ศาลรับฟังว่าการโอนเงินเข้าบัญชีจำเลยของโจทก์เป็นการโอนเงินเพื่อให้กู้ยืมเงินได้ ศาลยกฟ้องโจทก์

 ให้การสนับสนุนด้านกฏหมายทั่วไป .!!

สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ แผนกกฏหมาย

(ทนายความ)

ติดต่อโดยตรง : 02-261-8182

E-mail : legal@aapth.com