Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

บริษัทเลิกและแจ้งเสร็จการชำระบัญชีแล้ว แต่ในงบการเงินยังมีที่ดินกับอาคารยังขายไม่ได้ ซึ่งแบ่งให้ผู้ถือหุ้นแล้ว
เรื่อง | บริษัทเลิกและแจ้งเสร็จการชำระบัญชีแล้ว แต่ในงบการเงินยังมีที่ดินกับอาคารยังขายไม่ได้ ซึ่งแบ่งให้ผู้ถือหุ้นแล้ว |
แหล่งที่มา | Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ |
วันที่ | วันที่ถาม 12/10/2022 - วันที่ตอบ 14/10/2022 |
ประเภทภาษี | ภาษีเงินได้นิติบุคคล |
ข้อกฎหมาย | มาตรา 74 (1) แห่งประมวลรัษฎากร |
ปุจฉา | กรณีบริษัทฯ แจ้งเลิกกิจการ แต่มีที่ดินมูลค่า 4 ล้านบาท อาคารมูลค่า 4 แสนบาท ในงบบริษัทฯ จดทะเบียนเสร็จชำระบัญชีแล้ว 13 มิ.ย. 2565 บริษัทฯ แจ้งว่าที่ดินกับอาคารยังขายไม่ได้ และคาดว่าจะขายไม่ได้อีกนาน แบบนี้มีวิธีการอย่างไรแนะนำให้ดำเนินการ เดิมแนะนำให้แบ่งโอนที่ดิน อาคาร ให้แก่หุ้นส่วน แต่บริษัทฯ แจ้งว่าไม่มีเงินชำระภาษี ในส่วนกำไรจากการขายทรัพย์สินอีกค่ะ |
วิสัชนา | ตามมาตรา 74 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดเงื่อนไขในการคำนวณกำไรสุทธิ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เลิกกิจการ ดังนี้ "มาตรา 74 ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเลิกกัน หรือควบเข้ากันกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่น การคำนวณกำไรสุทธิเพื่อคำนวณภาษีให้เป็นไปตามวิธีการในมาตรา 65 มาตรา 65 ทวิ และ มาตรา 66 เว้นแต่ (1) การตีราคาทรัพย์สิน (ก) ในกรณีที่เลิกบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ตีตามราคาตลาดในวันเลิก..." ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า 1. การคำนวณกำไรสุทธิของบริษัทฯ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เลิกกิจการ ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขตามมาตรา 74 แห่งประมวลรัษฎากร โดยเฉพาะการตีราคาที่ดินและอาคาร ที่คงเหลือในงบการเงิน ต้องตีราคาให้เป็นไปตามราคาตลาด ณ วันที่บริษัทฯ แจ้งเลิกกิจการตามมาตรา 72 แห่งประมวลรัษฎากรร หากปรากฏว่ามีกำไรสุทธิทางภาษีอากร บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุุคคล สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีดังกล่าว กรณีที่บริษัทฯ มิได้แจ้งต่อเจ้าพนักงานประเมินทราบการเลิกของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิก ถ้าบุคคลดังกล่าวแล้วไม่ปฏิบัติตาม เจ้าพนักงานประเมินอาจสั่งให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเสียเงินภาษีเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าของจำนวนภาษีที่ต้องเสียตามมาตรา 72 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้ "มาตรา 72 ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเลิกกัน ให้ผู้ชำระบัญชีและผู้จัดการมีหน้าที่ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานประเมินทราบการเลิกของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิก ถ้าบุคคลดังกล่าวแล้วไม่ปฏิบัติตาม เจ้าพนักงานประเมินอาจสั่งให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเสียเงินภาษีเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าของจำนวนภาษีที่ต้องเสีย เงินนี้ให้ถือเป็นค่าภาษี ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเลิกกันดังกล่าวแล้ว เพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษี ให้ถือว่าวันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิกเป็นวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้ผู้ชำระบัญชีและผู้จัดการมีหน้าที่และความรับผิดร่วมกันในการยื่นรายการและเสียภาษีตามแบบ และภายในกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา 68 และมาตรา 69 โดยอนุโลม..." 2. การที่ผู้ชำระบัญชีแจ้งว่า บริษัทฯ เสร็จการชำระบัญชี แล้ว เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ซึ่งหมายถึง การที่ผู้ชำระบัญชีได้แบ่งสินทรัพย์คืนผู้ถือหุ้นหมดสิ้นแล้ว ไม่อาจอ้างได้ว่า ที่ดิน และอาคารยังขายไม่ได้ หากแต่ได้แบ่งสินทรัพย์ดังกล่าว ให้แก่ผู้ถือหุ้นไปหมดสิ้นแล้ว ผู้ชำระบัญชีมีหน้าที่ต้องชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ทางราชการ โดยเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจแจ้งการประเมินให้ผู้ชำระบัญชีเพื่อการดำเนินการเร่งรัดหนี้ภาษีอากรค้างภายใน 2 ปี นับแต่วันเสร็จการชำระบัญชี ตามมาตรา 1272 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนี้ "มาตรา 1272 ในคดีฟ้องเรียกหนี้สินซึ่งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือผู้เป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้น หรือผู้ชำระบัญชีเป็นลูกหนี้อยู่ในฐานเช่นนั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดสองปีนับแต่วันถึงที่สุดแห่งการชำระบัญชี" ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ |