Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

การจ่ายเงินปันผลประจำปี และเงินปันผลระหว่างกาล
เรื่อง | การจ่ายเงินปันผลประจำปี และเงินปันผลระหว่างกาล |
แหล่งที่มา | Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ |
วันที่ | วันที่ถาม 12/09/2024 - วันที่ตอบ 29/10/2024 |
ประเภทภาษี | ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีเงินได้นิติบุคคล |
ข้อกฎหมาย | มาตรา 40 (4)(ข), มาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากร |
ปุจฉา | ขอสอบถามเกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผล บริษัทฯ เปิดมาตั้งแต่ปี 2547 ไม่เคยจ่ายเงินปันผลเลย แต่ตอนนี้มีนโยบายจะจ่าย ต้องทำอย่างไรบ้างคะ ต้องตั้งสำรองตอนไหน ตอนนี้จ่ายภาษีอัตรา 20% แล้วกำไรสุทธิที่จะจ่ายต้องเลือกจากปีไหนคะ |
วิสัชนา | กรณีบริษัทฯ เปิดดำเนินงานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ยังไม่เคยจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเลย แต่ตอนนี้มีนโยบายจะจ่าย นั้น ต้องดำเนินการดังนี้ 1. กรณีจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ทำอย่างไรบ้างคะ 1.1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1201 วรรคสอง บัญญัติว่า "กรรมการอาจจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งเป็นคราว ในเมื่อปรากฏแก่กรรมการว่าบริษัทมีกำไรสมควรพอที่จะทำเช่นนั้น" (1) "เงินปันผลระหว่างกาล คือ เงินปันผลที่กรรมการบริษัทมีมติจ่ายในระหว่างรอบปีบัญชี เมื่อพิจารณาแล้วว่าบริษัทมีกำไรพอ สมควรที่จะจ่ายได้ ซึ่งจะเห็นว่าการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของบริษัทสามารถกระทำได้โดยมติของกรรมการบริษัท และมีมติให้จ่ายเมื่อไหร่ก็ได้ โดยเมื่อจ่ายแล้วต้องนำไปแจ้งในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีในครั้งถัดไปด้วย ส่วนเงินปันผลประจำปีนั้น (2) การจ่ายปันผลระหว่างกาล: มีกำหนดจ่ายภายใน 1 เดือนนับจากวันที่คณะกรรมการบริษัท มีมติให้จ่ายปันผล ซึ่งต้องรายงานต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในครั้งต่อไป" 1.2 การจ่ายปันผลประจำปี จะสามารถจ่ายได้ต้องผ่านมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี : มีกำหนดจ่ายภายใน 1 เดือนนับจากวันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ 2. การตั้งสำรองตามกฎหมาย 2.1 ตามมาตรา 1202 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดให้บริษัทต้องจัดสรรเงินไว้เป็นทุนสำรองอย่างน้อย 5% ของจำนวนผลกำไรซึ่งบริษัททำมาหาได้จากกิจการของบริษัท ในส่วนที่ยังไม่เคยนำมาจ่ายเงินปันผล จนกว่าทุนสำรองตามกฎหมายนั้นจะมีจำนวนถึงหนึ่งใน 10% ของจำนวนทุนของบริษัทหรือมากกว่านั้น ดังนี้ “มาตรา 1202 ทุกคราวที่แจกเงินปันผล บริษัทต้องจัดสรรเงินไว้เป็นทุนสำรองอย่างน้อยหนึ่งในยี่สิบส่วนของจำนวนผลกำไรซึ่งบริษัททำมาหาได้จากกิจการของบริษัท จนกว่าทุนสำรองนั้นจะมีจำนวนถึงหนึ่งในสิบของจำนวนทุนของบริษัทหรือมากกว่านั้น แล้วแต่จะได้ตกลงกำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัท 2.2 การตั้งสำรองตามกฎหมายให้ตั้งทุกครั้งที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น 3. ในกรณีที่บริษัทฯ ประกอบกิจการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ซึ่งมีอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลหลายอัตรา ให้บริษัทฯ จัดทำบัญชีแยกประเภทกำไรสะสมตามอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยบริษัทฯ มีสิทธิที่จะเลือกจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมในอัตราใดก็ได้ เป็นจำนวนเท่าใดก็ได้ ไม่มีข้อกำหนดว่าจะต้องจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิอย่างใดๆ 4. ตามมาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้บริษัทฯ คำนวณหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ณ ที่จ่าย ในอัตรา 10% ของเงินปันผลที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นแต่ละคน แล้วนำส่ง พร้อมทั้งยื่นแบบ ภ.ง.ด.2 ทางอินเทอร์เน็ต (เท่านั้น) ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนที่จ่ายเงินปันผลดังกล่าว ให้บริษัทฯ ออกหนังสือรับรองการหักภาษ๊เงินได้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยระบุอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลตามบัญชีแยกประเภทกำไรสะสม 5. ในทางภาษีอากร เงินปันผล ทั้งกรณีเงินปันผลประจำปี และเงินปันผลระหว่างกาล นั้น ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร กรณีผู้มีเงินได้เป็นผู้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยและหรือเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย ซึ่งได้รับเงินปันผลตามมาตรา 40 (4)(ข) แห่งประมวลรัษฎากรจากบริษัทจำกัดที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ให้ได้รับเครดิตในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยให้นำอัตราภาษีเงินได้ที่บริษัทนั้น ต้องเสียหารด้วยผลต่างของหนึ่งร้อยลบด้วยอัตราภาษีเงินได้ดังกล่าวนั้น ได้ผลลัพธ์เท่าใดให้คูณด้วยจำนวนเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่ได้รับ ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเครดิตในการคำนวณภาษี ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้จ่ายเงินได้ประกอบกิจการที่ต้องเสียภาษีเงินได้หลายอัตรา ผู้จ่ายเงินได้ต้องระบุในหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้ชัดเจนว่าเงินได้ที่จ่ายนั้นจำนวนใดได้มาจากกิจการที่ต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตราใด ทั้งนี้ ตามมาตรา 47 ทวิ วรรคแรกแห่งประมวลรัษฎากร (ดู คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 118/2545 ประกอบ) ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ |