Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

เงื่อนไขเกี่ยวกับค่ารับรองหรือค่าบริการ
เรื่อง | เงื่อนไขเกี่ยวกับค่ารับรองหรือค่าบริการ |
แหล่งที่มา | Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ |
วันที่ | วันที่ถาม 22/07/2021 - วันที่ตอบ 30/07/2021 |
ประเภทภาษี | ภาษีเงินได้นิติบุคคล |
ข้อกฎหมาย | มาตรา 65 ตรี (4) แห่งประมวลรัษฎากร, กฎกระทรวง ฉบับที่ 143 (พ.ศ. 2522) |
ปุจฉา | ขอสอบถามเกี่ยวกับกรณี การบันทึกค่ารับรองที่สามารถเป็นรับรู้เป็นค่ารับรองได้ต้องเข้าเกณฑ์อะไรบ้างค่ะ สามารถรับรองคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกค้าได้ไหม และกรณีมีการซื้อสุราให้ลูกค้าสามารถลงเป็นค่าใช้จ่ายได้ไหมค่ะ |
วิสัชนา | ตามมาตรา 65 ตรี (4) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 143 (พ.ศ. 2522) ได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับค่ารับรองหรือค่าบริการ ที่สามารถนำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลไว้ดังนี้ 1. ต้องเป็นค่ารับรองหรือค่าบริการอันจำเป็นตามธรรมเนียมประเพณีทางธุรกิจทั่วไป 2. บุคคลที่รับการรับรองต้องไม่ใช่ลูกจ้าง เว้นแต่ลูกจ้างจะมีหน้าที่หรือมีส่วนเข้าร่วมในการรับรองหรือบริการนั้นด้วย มีการกำหนดเงื่อนไขตัวบุคคลที่จะได้รับการเลี้ยงรับรองหรือรับบริการว่า ต้องเป็นบุคคลภายนอกที่มิใช่พนักงานหรือลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีการรับรองหรือบริการ แต่ก็ยังเปิดช่องไว้ให้พนักงานหรือลูกจ้างที่มีหน้าที่หรือมีส่วนโดยตรงต่อการรับรองหรือบริการก็ให้มีส่วนเข้าร่วมในงานเลี้ยงรับรองหรือบริการนั้นได้ 3. ลักษณะของค่ารับรองหรือค่าบริการ (1) ค่ารับรองหรือค่าบริการต้องเป็นค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับการรับรองหรือการบริการที่จะอำนวยประโยชน์แก่กิจการ เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ค่าดูมหรสพ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการกีฬา เป็นต้น (2) ในกรณีที่เป็นค่าสิ่งของที่ให้แก่บุคคลซึ่งได้รับการรับรองหรือรับบริการ ต้องมีจำนวนไม่เกิน 2,000 บาท/คน/คราวที่มีการรับรองหรือการบริการ (3) กรณีที่ค่ารับรองหรือค่าบริการ ตลอดจนค่าสิ่งของที่ให้แก่ผู้ที่ได้รับการรับรองดังกล่าวมีภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีซื้อ ให้นำค่าภาษีซื้อมารวมเป็นรายจ่ายค่ารับรองหรือค่าบริการด้วย 4. หลักฐานและการอนุมัติ (1) ค่ารับรองหรือค่าบริการต้องมีใบรับ หรือหลักฐานของผู้รับ หรือหลักฐานอื่นในกรณีที่ไม่มีใบรับ อาทิ รายงานการเดินทาง ประกอบการบันทึกรายจ่าย (2) ค่ารับรองหรือบริการ ต้องมีการอนุมัติหรือสั่งจ่าย โดยกรรมการหรือผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากบุคคลดังกล่าว อันเป็นการควบคุมภายใน เพื่อพิสูจน์แสดงว่ามิใช่รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัวหรือการให้โดยเสน่หา ซึ่งถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม 5. จำนวนเงินค่ารับรองหรือค่าบริการที่จะนำมาถือเป็นรายจ่าย ให้เปรียบเทียบจำนวนค่ารับรองหรือค่าบริการที่ผ่านหลักเกณฑ์ข้างต้น (ค่ารับรอบหรือค่าบริการทางบัญชี) กับจำนวนจำนวนเงินค่ารับรองหรือค่าบริการทางภาษีอากร และให้นำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรหรือขาดทุนสุทธิทางภาษีอากรได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 0.3 ของยอดรายได้หรือยอดขายที่ต้องนำมาคำนวณกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายใดๆ ในรอบระยะเวลาบัญชีหรือของเงินทุนชำระแล้วเพียง ณ วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีแล้วแต่อย่างไรจะมากกว่า ทั้งนี้ รายจ่ายที่จะนำมาหักได้จะต้องมีจำนวนสูงสุดไม่เกินสิบล้านบาท ยอดรายได้หรือยอดขายที่ต้องนำมาคำนวณกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายใดๆ ในรอบระยะเวลาบัญชี หมายถึง ยอดรายได้หรือยอดขายภายหลังจากที่หักรายการรายได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเช่น รายได้เงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรตามมาตรา 65 ทวิ (10) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นต้น ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า บริษัทฯ สามารถรับรองคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกค้าได้ หากเป็นการรับรองหรือการบริการที่จะอำนวยประโยชน์แก่กิจการ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับค่ารับรองหรือค่าบริการดังกล่าวข้างต้น กรณีบริษัทฯ ซื้อสุราให้ลูกค้า สามารถลงเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีได้ แต่ในทางภาษีหากจะนำมาถือเป็นค่ารับรองหรือค่าบริการต้องพิจารณาว่ามีเหตุผลในการมอบสุราให้แก่ลูกค้า เป็นค่ารับรองฯ เพียงใด เพราะมีสโลแกนของ สสส. ว่า “ให้เหล้าเท่ากับแช่ง” จึงเห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะมอบสุราให้ในการรับรอง เว้นแต่ในการเลี้งอาหาร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ |