Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

จ่ายค่าเดินทาง ค่ารถและค่าน้ำมัน ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ให้พนักงานที่เดินทางไปปฏิบัติงาน


เรื่อง จ่ายค่าเดินทาง ค่ารถและค่าน้ำมัน ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ให้พนักงานที่เดินทางไปปฏิบัติงาน
แหล่งที่มา Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วันที่ วันที่ถาม 19/02/2024 - วันที่ตอบ 16/03/2024
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา,ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ข้อกฎหมาย มาตรา 42 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 59/2538ฯ
ปุจฉา
ขอรบกวนสอบถามดังนี้ค่ะ 
1. กรณีบริษัทฯ ได้เช่ารถยนต์เพื่อใช้การปฏิบัติงานในกิจการบริษัทฯ และเป็นรถยนต์ประจำหน่วยงาน ซึ่งมีระเบียบการใช้รถยนต์ประจำหน่วยงานดังกล่าว (การปฏิบัติงานรวมถึงการขับขี่จากที่พักมาสำนักงานสำหรับผู้จัดการหน่วยงานขึ้นไป และผู้บริหารระดับกรรมการผู้จัดการ) ทั้งนี้ บริษัทฯ จะจัดน้ำมันให้ใช้ในการปฏิบัติงานสำหรับรถยนต์ประจำหน่วยงานนี้ (กรรมการผู้จัดการเบิกได้ตามจริง, ผู้จัดการหน่วยงาน เบิกได้ไม่เกิน 300 ลิตรต่อเดือน หรือโดยเฉลี่ยไม่เกิน 3,600 ลิตรต่อปี เป็นต้น) โดยใช้บัตร fleet card ของบริษัทฯ (ระบุทะเบียนรถยนต์) 
    จากข้อ 1. บริษัทฯ ได้นำค่าเช่ารถยนต์และค่าน้ำมัน (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) หักเป็นรายจ่าย ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามจำนวนที่จ่ายจริง (ค่าเช่าไม่เกินคันละ 36,000 บาทต่อเดือน) และไม่ถือเป็นเงินได้ของพนักงาน บริษัทฯ ปฏิบัติได้ถูกต้องแล้วใช่ไหมคะ

2. จากข้อ 1. หากต่อมาบริษัทฯ ได้ยกเลิกรถยนต์ประจำหน่วยงานสำหรับผู้จัดการ และให้ผู้จัดการใช้รถยนต์ส่วนตัวของตนเอง โดยบริษัทฯ จะปฏิบัติดังนี้
    2.1 บริษัทฯ จะจ่ายเงินชดเชยหรือเงินช่วยเหลือค่าสึกหรอ/ค่าบำรุงรักษารถให้แก่พนักงานเป็นรายเดือน (เป็นจำนวนเงินคงที่ เท่ากันทุกเดือน และเท่ากันทุกคนสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการ) และสำหรับเงินช่วยเหลือค่าน้ำมัน บริษัทฯ จะจ่ายให้พนักงานตามจริงโดยคำนวณจากระยะทาง (วัดโดย google map) จากที่พักของผู้จัดการแต่ละท่านมาที่สำนักงาน คูณด้วยอัตราเฉลี่ยค่าน้ำมันของแต่ละเดือน 
         จากข้อ 2.1 บริษัทฯ สามารถนำเงินที่จ่ายให้พนักงานทั้งค่ารถและค่าน้ำมัน มาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และถือเป็นเงินได้ของพนักงานเฉพาะในส่วนของค่ารถ เข้าใจถูกต้องไหมคะ
    2.2 บริษัทฯ จะจ่ายเงินชดเชยหรือเงินช่วยเหลือทั้งค่าสึกหรอ/ค่าบำรุงรักษารถและค่าน้ำมัน เดือน (เป็นจำนวนเงินคงที่ เท่ากันทุกเดือน และเท่ากันทุกคนสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการ ไม่ว่าจะบ้านใกล้หรือไกลต่างกัน) 
         จากข้อ 2.2 บริษัทฯ สามารถนำเงินที่จ่ายให้พนักงานทั้งหมด มาหักเป็นรายจ่าย ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และถือเป็นเงินได้ของพนักงานทั้งหมด เข้าใจถูกต้องไหมคะ
    จากข้อ 2. มีข้อกฎหมายที่ต้องคำนึงถึงเพิ่มเติม หรือควรปฏิบัติอย่างไร เพื่อให้บริษัทฯ สามารถนำมาเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลคะ

3. นอกเหนือจากข้อ 1. และข้อ 2. กรณีรถยนต์ประจำหน่วยงานหรือรถส่วนกลางไม่ว่างและพนักงานจำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางไปปฏิบัติงานหรือไปพบลูกค้า บริษัทฯ จะจ่ายเงินชดเชยค่าพาหนะเดินทางกิโลเมตรละ 6 บาทสำหรับการเดินทางภายในกรุงเทพและปริมณฑล สำหรับจังหวัดอื่นกิโลเมตรละ 4 บาท (วัดระยะทาง โดยใช้ google map)
    จากข้อ 3. บริษัทฯ ได้นำค่าชดเชยยานพาหนะที่จ่ายให้พนักงานหักเป็นรายจ่าย ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามจำนวนที่จ่ายให้พนักงาน และไม่ถือเป็นเงินได้ของพนักงาน ซึ่งไม่แน่ใจว่า ที่ถูกต้องแล้ว บริษัทฯ จะต้องนำเงินชดเชยค่าพาหนะในส่วนที่เกิน 4 บาท (เกินอัตราค่าสูงสุดที่ทางราชการกำหนด) มาถือเป็นเงินได้พนักงานไหมคะ ทั้ง ๆ ที่บริษัทฯ เห็นว่าการเดินทางภายในกรุงเทพและปริมณฑล ค่อนข้างหนาแน่นและการจราจรติดขัด จึงเป็นเหตุที่ให้เงินชดเชยสูงกว่าจังหวัดอื่น
วิสัชนา
1. กรณีตามข้อ 1 บริษัทฯ ปฏิบัติถูกต้องดีงามแล้ว

2. ตามสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 59/2538 เรื่อง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 42 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2538 อธิบดีกรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางในกรณีที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่นอกสำนักงานหรือนอกสถานที่เป็นครั้งคราว ซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ตามมาตรา 42 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้ 
    “ข้อ 1 ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางที่ลูกจ้างหรือผู้มีหน้าที่หรือตำแหน่งงาน หรือผู้รับทำงานให้ ได้รับเนื่องจากการเดินทางไปปฏิบัติงานตามหน้าที่ในประเทศหรือต่างประเทศเป็นครั้งคราว ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องเข้าลักษณะดังนี้ 
         (1) ต้องเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคลดังกล่าวได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่จะต้องปฏิบัติการตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น 
         (2) ในกรณีบุคคลดังกล่าวได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงในอัตราไม่เกินอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการ ตามพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วย ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ ในประเทศหรือต่างประเทศ แล้วแต่กรณี ตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายในลักษณะเหมาจ่าย ให้ถือว่าค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าว เป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคลดังกล่าวได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น โดยไม่ต้องมีหลักฐานการจ่ายเงินมาพิสูจน์ 
         (3) ในกรณีบุคคลดังกล่าวได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงในอัตราเกินกว่าอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงตาม (2) และบุคคลดังกล่าวไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้นให้ถือว่าค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคลนั้นได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็น เพียงเฉพาะในส่วนที่ไม่เกินอัตราตาม (2)
     ข้อ 2 การเดินทางไปปฏิบัติงานตามหน้าที่ ตามข้อ 1 ต้องมีหลักฐานการได้รับอนุมัติให้เดินทางไปปฏิบัติงานนอกสำนักงานหรือนอกสถานที่จากนายจ้างหรือผู้จ่ายเงินได้ โดยต้องระบุลักษณะงานที่ทำและระยะเวลาในการปฏิบัติงานตามหน้าที่แล้วแต่กรณีด้วย” 
     กรณีตามข้อ 2.1 บริษัทฯ สามารถนำเงินที่จ่ายให้พนักงานทั้งค่ารถและค่าน้ำมัน มาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และส่วนที่จะได้รับยกเว้นไม่ถือเป็นเงินได้ของพนักงานต้องเป็นไปตามมาตรา 42 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 59/2538ฯ ดังกล่าวข้างต้น 
     กรณีตามข้อ 2.2 บริษัทฯ สามารถนำเงินที่จ่ายให้พนักงานทั้งหมด มาหักเป็นรายจ่าย ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และถือเป็นเงินได้ของพนักงานทั้งหมด เข้าใจถูกต้องดีงามแล้ว

3. กรณีตามข้อ 3. บริษัทฯ ได้นำค่าชดเชยยานพาหนะที่จ่ายให้พนักงานหักเป็นรายจ่าย ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามจำนวนที่จ่ายให้พนักงาน และส่วนที่จะได้รับยกเว้นไม่ถือเป็นเงินได้ของพนักงานต้องเป็นไปตามมาตรา 42 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 59/2538ฯ ดังกล่าวข้างต้น เท่านั้น



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ