Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

ยื่นเพิ่มเติมภ.พ.30 รายได้ขายยกเว้น / หลักในการใช้อัตราแลกเปลี่ยน ซื้อใช้ขาย ขายใช้ซื้อ
| เรื่อง | ยื่นเพิ่มเติมภ.พ.30 รายได้ขายยกเว้น / หลักในการใช้อัตราแลกเปลี่ยน ซื้อใช้ขาย ขายใช้ซื้อ |
| แหล่งที่มา | Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ |
| วันที่ | วันที่ถาม 01/11/2024 - วันที่ตอบ 29/12/2024 |
| ประเภทภาษี | ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม |
| ข้อกฎหมาย | สั่งกรมสรรพากรที่ ป. 132/2548 |
| ปุจฉา | 1. หากยื่นยอดขายใน ภ.พ.30 ไว้เกิน แต่เป็นยอดขายที่ได้รับยกเว้น ลองเข้าไปยื่นเพิ่มติ๊กว่ายื่นขายเกิน แต่ระบบคำนวณภาษีขายขึ้นมาให้เองนะคะ ซึ่งรายการนี้จะไม่มีภาษีขาย เพราะได้รับยกเว้น ต้องยื่นแบบอย่างไรคะ หรือต้องไปยื่นเป็น paper ที่กรมสรรพากรคะ 2. แนะนำหลักการจำในการหยิบอัตราแลกเปลี่ยนมาใช้ได้ไหมคะ ตอนนี้สับสนคะ ที่เค้าพูดกันว่า ซื้อใช้ขาย ขายใช้ซื้อน่ะค่ะ หลักการจริง ๆ คืออะไรคะ |
| วิสัชนา | 1. หากยื่นยอดขายใน ภ.พ.30 ไว้เกิน แต่เป็นยอดขายที่ได้รับยกเว้น ให้แสดงเป็นยอดติดลบ และแสดงรายการรายได้ที่ได้รับยกเว้น ด้วยตัวเลขธรรมดา 2. หลักการใช้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นตามข้อ 2 และข้อ 3 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 132/2548 เรื่อง การคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามมาตรา 9 มาตรา 65 ทวิ (5) มาตรา 65 ทวิ (8) และมาตรา 79/4 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2548 “ข้อ 2 กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนอกจากธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่นตามที่รัฐมนตรีกำหนดมีเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศที่เหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวคำนวณค่าหรือราคาของเงินตราหรือทรัพย์สินเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ และให้คำนวณค่าหรือราคาของหนี้สินเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ขาย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 ทวิ (5) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร... อนึ่ง ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีปี 2562 เป็นต้นมา ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 65 ทวิ (5) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล คำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณ ได้อีกวิธีหนึ่ง โดยต้องขออนุมัติการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ต่ออธิบดีกรมสรรพากร เว้นแต่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นใหม่ ข้อ 3 กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้รับมาหรือจ่ายไปซึ่งเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สิน ซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินเป็นเงินตราไทยตามราคาตลาดในวันที่รับมาหรือจ่ายไปนั้น ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 ทวิ (5) วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ราคาตลาดตามวรรคหนึ่ง กรณีการบันทึกบัญชี ณ วันที่เกิดรายการทรัพย์สิน หรือหนี้สิน หมายถึง (1) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อหรืออัตราขาย) หรือ (2) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ยหรืออัตราขายถัวเฉลี่ย) ราคาตลาดตามวรรคหนึ่ง กรณีการได้รับเงินหรือจ่ายเงินเป็นเงินตราต่างประเทศ หมายถึง อัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นจริงในทางปฏิบัติจากการนำเงินสกุลบาทไปแลกเป็นเงินสกุลต่างประเทศ หรือเกิดจากการนำเงินสกุลต่างประเทศไปแลกเป็นเงินสกุลบาท” ทั้งนี้ อาจสรุปเป็นหลักในการใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ดังนี้ (1) สำหรับเงินตราต่างประเทศที่ได้รับมาหรือจ่ายไปในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีให้ใช้ตามอัตราแลกเปลี่ยนที่ธนาคารพาณิชย์แจ้งมายังกิจการ ทั้งกรณีรับชำระหนี้เข้ามา และจ่ายชำระหนี้ออกไป (2) สำหรับเงินแห้ง (เครดิต) ทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ กรณีลูกหนี้ ซึ่งเกิดจากการขายสินค้า เช่น การส่งออกสินค้า หรือการให้บริการ ให้ใช้อัตราถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ กรณีเจ้าหนี้ ซึ่งเกิดจากการซื้อสินค้า เช่น การนำเข้าสินค้า หรือการรับบริการจากต่างประเทศ ให้ใช้อัตราถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ขาย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ เข้าใจตามทีเค้าพูดกันว่า ซื้อใช้ขาย ขายใช้ซื้อ แล้วนะครับ ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ |