Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

ภาษีซื้อของรายได้ out of scope
เรื่อง | ภาษีซื้อของรายได้ out of scope |
แหล่งที่มา | Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ |
วันที่ | วันที่ถาม 08/10/2024 - วันที่ตอบ 09/10/2024 |
ประเภทภาษี | ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม |
ข้อกฎหมาย | มาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร |
ปุจฉา | รบกวนสอบถามอาจารย์เกี่ยวกับภาษีซื้อของรายได้ out of scope เราสามารถนำมายื่นขอคืนในแบบ ภพ.30 ได้หรือไม่คะ |
วิสัชนา | เกี่ยวกับภาษีซื้อสำหรับรายได้ของผู้ประกอบการจดทะเบียน นั้น 1. กรณีภาษีซื้อสำหรับรายได้จากการประกอบกิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ได้แก่ การขายสินค้าหรือการให้บริการในราชอาณาจักร ไม่ว่าจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7% หรือ 0% ตามมาตรา 80 หรือมาตรา 80/1 แห่งประมวลรัษฎากร หรือกิจกรรม In - In หรือ In - Out Activities แล้วแต่กรณี ให้นำมาเป็นเครดิตหักออกจากภาษีขาย ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระ ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร ได้ทั้งจำนวน 2. กรณีภาษีซื้อสำหรับรายได้ไม่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษีตามมาตรา 79 วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษ๊มูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 40) ฯ นั้น ให้นำมาเป็นเครดิตหักออกจากภาษีขาย ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระ ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร ได้ทั้งจำนวน 3. กรณีภาษีซื้อสำหรับรายได้จากการประกอบกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81 (1) หรือ มาตรา 81/1 แห่งประมวลรัษฎากร รวมทั้งตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ฯ หรือราการรายได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีอื่นใด และภาษีซื่อสำหรับรายรับที่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ หรือได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/2 และมาตรา 91/3 แห่งประมวลรัษฎากร แล้วแต่กรณี นั้น ไม่ให้นำมาใช้เป็นเครดิตหักออกจากภาษีขาย ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร เพราะต้องห้ามตามมาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42) ฯ แต่ยอมให้นำไปถือเป็นรายจ่าย หรือต้นทุนของทรัพย์สินได้ ตามมาตรา 65 ตรี (6 ทวิ) แห่งประมวลรัษฎากร 4. กรณีภาษีซื้อสำหรับการประกอบกิจการ ทั้งประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ซี่งผู้ประกอบการจดทะเบียนได้นำสินค้าหรือบริการที่ได้มาหรือได้รับมาในการประกอบกิจการของตนไปใช้หรือจะใช้ในกิจการทั้งสองประเภท โดยไม่สามารถแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าภาษีซื้อที่เกิดจากสินค้าหรือบริการดังกล่าวเป็นภาษีซื้อของกิจการประเภทใด ให้เฉลี่ยภาษีซื้อตามมาตรา 82/6 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเฉลี่ยภาษีซื้อตามมาตรา 82/6 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2535 5. กรณีภาษีซื้อสำหรับรายได้ที่ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (Out of VAT Scope) ไม่ว่าจะเกิดจากการประกอบกิจการในราชอาณาจักร (In - In) หรือนอกราชอาณาจักร (Out - Out) นั้น แบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้ (1) สำหรับภาษีซื้อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับรายได้ที่ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม นั้น ไม่ให้นำมาใช้เป็นเครดิตหักออกจากภาษีขาย ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร เพราะต้องห้ามตามมาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42) ฯ แต่ยอมให้นำไปถือเป็นรายจ่าย หรือต้นทุนของทรัพย์สินได้ ตามมาตรา 65 ตรี (6 ทวิ) แห่งประมวลรัษฎากร (2) สำหรับภาษีซื้อที่ใช้ร่วมกันของรายได้จากการประกอบกิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ตามข้อ 1 กับรายได้ที่ไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามข้อ 5 นี้ โดยไม่สามารถแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าภาษีซื้อที่เกิดจากสินค้าหรือบริการดังกล่าวเป็นภาษีซื้อของกิจการประเภทใด ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้สิทธินำภาษีซื้อในกรณีนี้มาใช้เป็นเครดิตหักออกจากภาษีขาย ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร โดยไม่ต้องนำรายได้ที่ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีตามข้อ 5 นี้ มาใช้เป็นฐานในการเฉลี่ยภาษีซื้อ ตามข้อ 4 วรรคสอง ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเฉลี่ยภาษีซื้อตามมาตรา 82/6 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2535 ดังนี้ "ข้อ 4 รายได้ตามข้อ 2 และข้อ 3 หมายความว่า (1) รายได้ของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม หมายความว่า มูลค่าของฐานภาษีของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เว้นแต่มูลค่าของฐานภาษีของกิจการให้บริการขนส่งระหว่างประเทศโดยอากาศยานหรือเรือเดินทะเล ในกรณีรับขนคนโดยสาร ให้หมายความรวมถึงมูลค่าของค่าโดยสาร ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดที่เรียกเก็บ นอกราชอาณาจักรก่อนหักรายจ่ายใด ๆ เนื่องในการรับขนคนโดยสารด้วยหรือในกรณีรับขนสินค้าให้หมายความรวมถึงมูลค่าของค่าระวาง ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดที่เรียกเก็บไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักรก่อนหักรายจ่ายใด ๆ เนื่องในการรับขนสินค้าเข้าในราชอาณาจักรด้วย (2) รายได้ของกิจการประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม หมายความว่า มูลค่าของฐานภาษีของกิจการประเภทที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม รายรับของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และรายรับของกิจการประเภทที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ และให้หมายความรวมถึงรายรับสำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าสินค้าที่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา 22 มาตรา 23 และมาตรา 26 มาตรา 27 มาตรา 28 มาตรา 29 และมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534" (แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม(ฉบับที่ 67) ใช้บังคับ 1 มกราคม 2535 เป็นต้นไป) "รายได้ตามวรรคหนึ่งไม่รวมถึง (ก) รายได้ที่เกิดขึ้นจากกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนนำเงินไปหาประโยชน์โดยการฝากธนาคาร ซื้อพันธบัตรหรือหลักทรัพย์ หรือซื้อตั๋วเงินของสถาบันการเงินอื่น แต่ทั้งนี้ไม่ใช้บังคับสำหรับการประกอบกิจการตามมาตรา 91/2 (1)(2) และ (3) แห่งประมวลรัษฎากร (ข) รายได้ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนมีการกู้ยืมเงินกันเองในระหว่างบริษัทในเครือเดียวกัน คำว่า "บริษัทในเครือเดียวกัน" หมายความว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตั้งแต่สองนิติบุคคลขึ้นไปซึ่งมีความสัมพันธ์กันโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนอยู่ในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอีกแห่งหนึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียงในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น เป็นเวลาไม่น้อยกว่าหกเดือนก่อนวันที่มีการกู้ยืม (ค) รายได้ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีระเบียบเกี่ยวกับเงินกองทุนสะสมพนักงานหรือทุนอื่นใดเพื่อพนักงาน และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้นำเงินกองทุนนี้ออกให้พนักงานที่เป็นสมาชิกกู้ยืมเป็นสวัสดิการ (ง) รายได้ที่เกิดขึ้นจากกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนมีการประกอบกิจการประเภทที่ไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร" (ความตามวรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม(ฉบับที่ 153) ใช้บังคับวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2546 เป็นต้นไป) ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า ภาษีซื้อสำหรับรายได้ที่ไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (Out of VAT Scope) ไม่ว่าจะเกิดจากการประกอบกิจการในราชอาณาจักร (In - In) หรือนอกราชอาณาจักร (Out - Out) นั้น บริษัทฯ สามารถนำมาใช้เป็นเครดิตหักออกจากภาษีขาย ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร ในแบบ ภพ.30 ได้ทั้งจำนวน หากมีการใช้ภาษีซื้อรายการนั้น ๆ ร่วมกับกับการประกอบกิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยไม่สามารถแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าภาษีซื้อที่เกิดจากสินค้าหรือบริการดังกล่าวเป็นภาษีซื้อของกิจการประเภทใด โดยไม่ต้องเฉลี่ยภาษีซื้อ แต่อย่างใด แค่ถ้าภาษีซื้อรายการนั้น ๆ ใช้โดยตรงกับเฉพราะรายได้ที่ไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (Out of VAT Scope) ก็ย่อมไม่อาจนำภาษีซื้อรายการนั้น ๆ มาใช้เป็นเครดิตหักออกจากภาษีขาย ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร เพราะเข้าลักษณะเป็นภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ |