1. ตามมาตรา 77/1 (10/1) และ (10/2) มาตรา 82/13 วรรคสองและวรรคสาม และมาตรา 83/6 (2)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร “มาตรา 77/1 ในหมวดนี้ เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น (10/1) “บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า บริการซึ่งรวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด ซึ่งลักษณะของบริการเป็นไปโดยอัตโนมัติในสาระสำคัญ โดยบริการดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้หากปราศจากเทคโนโลยีสารสนเทศ (10/2) “อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม” หมายความว่า ตลาด ช่องทาง หรือกระบวนการอื่นใดที่ผู้ให้บริการหลายรายใช้ในการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้รับบริการ มาตรา 82/13 ในกรณีที่ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร และได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว โดยไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราวตามมาตรา 85/3 หรือในกรณีที่ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร ให้ผู้ประกอบการดังกล่าวเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีเกิดขึ้นโดยให้คำนวณจากฐานภาษีตามส่วน 3 และอัตราภาษีตามมาตรา 80 หรือมาตรา 80/1 แล้วแต่กรณี (ดู คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 104/2544 ประกอบ) ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับกรณีผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร โดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ในกรณีเช่นว่านี้ ให้ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากภาษีขาย โดยไม่ให้หักภาษีซื้อ ทั้งนี้ ให้ผู้ประกอบการดังกล่าวยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีตามมาตรา 83 ในกรณีผู้ประกอบการตามวรรคสอง ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม โดยมีกระบวนการต่อเนื่องตั้งแต่การนำเสนอการให้บริการ การชำระค่าบริการ การส่งมอบบริการ และการอื่นใดตามที่อธิบดีประกาศกำหนด ให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มแทนผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกรายรวมกัน โดยไม่ต้องแยกรายละเอียดการให้บริการสำหรับผู้ประกอบการแต่ละราย และให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มมีหน้าที่และความรับผิดเช่นเดียวกับผู้ประกอบการ มาตรา 83/6 เมื่อมีการชำระราคาสินค้าหรือราคาค่าบริการให้กับผู้ประกอบการดังต่อไปนี้ ให้ผู้จ่ายเงินค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่เสียภาษี (1) ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรซึ่งได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้า หรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราวตามมาตรา 85/3 (2) ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร ทั้งนี้ เฉพาะ (ก) ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน (ข) ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการอื่นนอกจากบริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ทุกราย”
2. บริษัทที่ใช้บริการอีเล็กทรอนิกส์ เช่น google Facebook TikTok และอื่นๆ เป็นผู้ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในประเทศไทยซึ่งได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม โดยมีกระบวนการต่อเนื่องตั้งแต่การนำเสนอการให้บริการ การชำระค่าบริการ การส่งมอบบริการ และการอื่นใดตามที่อธิบดีประกาศกำหนด (1) กรณีให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ “ที่มิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน” ตามมาตรา 82/13 วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มแทนผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกรายรวมกัน โดยไม่ต้องแยกรายละเอียดการให้บริการสำหรับผู้ประกอบการแต่ละราย และให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มมีหน้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เรียกเก็บภาษีขาย โดยไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษี และไม่มีสิทธิใช้ภาษีซื้อ (2) กรณีให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ “ที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน” ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มไม่มีหน้าที่เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้ใช้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม ดังนั้น ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้ใช้บริการดังกล่าวยังคงมีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมทั้งยื่นแบบ ภ.พ.36 ตามมาตรา 83/6 (2)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้บริการของ Facebook เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน แต่ไม่ได้แจ้งให้ Facebook ทราบถึงการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ทาง Facebook ยังคงเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนก็จะยังคงมีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมทั้งยื่นแบบ ภ.พ.36 ตามมาตรา 83/6 (2)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร
ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า กรณีตามข้อเท็จจริง google หรือ Facebook สิงคโปร์ TikTok และอื่นๆ เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ย่อมหมายความว่า เกิดข้อผิดพลาดขึ้นแล้ว เพราะตามหลักผู้ประกอบการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มไม่มีหน้าที่เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้ใช้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของตน แต่อย่างใด จึงต้องหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยด่วน กรณีบริษัทฯ ได้รับใบเอกสารจากผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม โดยมีการคิด VAT 7% ที่ระบุชื่อ-ที่อยู่ครบถ้วน ที่ค่าบริการ 100 บาท VAT 7 บาทแล้ว อีกทั้งระบุที่อยู่ของผู้จ่ายเงินและผู้รับเงินอย่างถูกต้อง บริษัทฯ ไม่สามารถนำใบเสร็จรับเงินฉบับนั้น มาใช้เป็นภาษีซื้อเครดิตหักจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ และยังคงมีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ.พ.36 โดยจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม ตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร
ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์ |