Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

บุคคลธรรมดา / ห้างหุ้นหุ้นสามัญ มีรายได้จากการเปิดคลีนิก
เรื่อง | บุคคลธรรมดา / ห้างหุ้นหุ้นสามัญ มีรายได้จากการเปิดคลีนิก |
แหล่งที่มา | Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ |
วันที่ | วันที่ถาม 29/03/2023 - วันที่ตอบ 15/04/2023 |
ประเภทภาษี | ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา |
ข้อกฎหมาย | มาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฎากร |
ปุจฉา | ข้าพเจ้าเป็นทันตแพทย์ เปิดคลินิกร่วมกับน้องชายที่เป็นแพทย์ โดยเปิดเป็นสหคลินิก (ทันตกรรมและเวชกรรม) ให้บริการช่วงเวลานอกราชการ โดยไม่ได้จดเป็นนิติบุคคล และรายรับของคลินิกทันตกรรมและเวชกรรมค่อนข้างน้อย เพราะเปิดในเวลานอกราชการ ทำเลอยู่ในซอยเล็กๆ มีให้บริการทันตกรรม ตรวจโรคทั่วไป ขายยาโบท็อกซ์ วิตามิน สามารถเสียภาษีรายได้จากคลินิกเป็น 40 (6) สำหรับทันตกรรมและเวชกรรม 40 (8) สำหรับยาพวกโบท็อกซ์ ได้หรือไม่ค่ะ และร้านเพิ่งเปิดประมาณ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 รายรับรวมๆ ทั้งเวชกรรมและทันตกรรม ประมาณ 20,000 - 25,000 บาท/เดือน (รวมกันแล้วนะคะ หากแยกกันจะแบ่งเป็นทันตกรรมประมาณ 10,000/เดือน เวชกรรมประมาณ 5,000 - 10,000 บาท/เดือน) และรายได้จาก รพ. เสียภาษีเป็น 40 (1) ใช่ไหมคะ อยากเสียภาษีให้ถูกต้องค่ะ |
วิสัชนา | กรณีทันตแพทย์เปิดคลีนิกร่วมกันนายแพทย์ เป็นสหคลินิก (ทันตกรรมและเวชกรรม) ให้บริการช่วงเวลานอกราชการ โดยไม่ได้จดเป็นนิติบุคคล ซึ่งเชื่อมั่นว่า ได้รับอนุญาตให้เปิดเป็นสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลแล้ว เป็นสหคลินิก (ทันตกรรมและเวชกรรม) ให้บริการช่วงเวลานอกราชการ โดยไม่ได้จดเป็นนิติบุคคล เช่นนี้ 1. รูปแบบของการประกอบกิจการ คุณหมอมีสิทธิเลือกสถานภาพของการประกอบกิจการเป็น 1.1 บุคคลธรรมดา เจ้าของคนเดียว โดยคุณหมอมุ้งมิ้ง ณัฐชญา หรือคุณหมอน้องชายก็ได้ ขึ้นอยู่กับการขออนุญาตเปิดสถานพยาบาลในนามของท่านใด ส่วนอีกท่านหนึ่งต้องมีข้อตกลงกับสถานพยาบาลเพื่อขอใช้สถานที่ เครื่องมือ และอุปกรณ์เพื่อประกอบโรคศิลปะในนามของผู้ได้รับอนุญาตเพื่อตรวจและรักษาผู้ป่วย โดยผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะเป็นผู้เรียกเก็บเงินค่าตรวจรักษาเอง และมีข้อตกลงแบ่งเงิน ค่าตรวจรักษาที่ได้รับจากผู้ป่วยให้แก่สถานพยาบาลเป็นลายลักษณ์อักษร หรือข้อตกลงกับสถานพยาบาล เพื่อขอใช้สถานที่ เครื่องมือ และอุปกรณ์เพื่อประกอบโรคศิลปะในนามของผู้ได้รับอนุญาตเพื่อตรวจและรักษาผู้ป่วย และมีข้อตกลงแบ่งเงินค่าตรวจรักษาที่ได้รับจากผู้ป่วยโดยสถานพยาบาลเป็นผู้เรียกเก็บเงินค่าตรวจรักษาแทนผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะ แล้วนำมาจ่ายให้กับผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะเพื่อแบ่งรายได้ให้แก่สถานพยาบาลต่อไป หรือ 1.2 ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล โดยส่วนตัวเห็นว่า ควรเปิดในรูปแบบที่สองเพื่อที่ว่าจะได้เริ่มหน่วยภาษีหน่วยใหม่จากเงินได้ที่เป็นเงินเดือนประจำของทั้งสองท่าน ที่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร แต่ก็มีข้อเสียคือ ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากเงินส่วนแบ่งของกำไร อีกชั้นหนึ่ง นอกจากห้างหุ้นส่วนสามัญ ซึ่งสำนักงานบัญชีที่ปรึกษาจะช่วยดำเนินการให้ (ถ้าได้ว่าจ้างให้จัดทำบัญชีให้) 2. เงินได้พึงประเมินที่ได้รับ 2.1 กรณีมีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล (ซึ่งต้องมีอยู่แล้ว) เงินได้พึงประเมินที่ได้รับเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งกรณีตามข้อ 1.1 และ 1.2 ข้างต้น 2.2 สำหรับเงินส่วนแบ่งของกำไรที่ห้างหุ้นส่วนแบ่งให้แก่ผู้เป็นหุ้นส่วน เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ |