Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

ขอถอนเป็นผู้ประกอบการออกจากภาษีมูลค่าเพิ่ม มีสินทรัพย์คงเหลือต้องนำส่งภาษีขาย


เรื่อง ขอถอนเป็นผู้ประกอบการออกจากภาษีมูลค่าเพิ่ม มีสินทรัพย์คงเหลือต้องนำส่งภาษีขาย
แหล่งที่มา Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วันที่ วันที่ถาม 29/05/2024 - วันที่ตอบ 29/05/2024
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย มาตรา 77/1 (8) (ช) , มาตรา 85/10 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
ปุจฉา

กรณี ภ.พ.08 ค่ะ ขอถอนเป็นผู้ประกอบการออกจากภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยจด ภ.พ.08 มีสินทรัพย์คงเหลืออยู่โดยไม่ได้ขายออกไป เพราะไม่ได้เลิกกิจการ แค่ออกจากระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ทรัพย์สินดังกล่าวที่มีอยู่ในระหว่างที่เข้าระบบมูลค่าเพิ่ม ต้องถือเป็นการขายแล้วเอาไปเสียภาษีมูลค่าเพิ่มไหมคะ

วิสัชนา
1. ตามมาตรา 77/1 และ (9) แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดนิยามศัพท์คำว่า “ขาย” และ “สินค้า” ที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/2 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้ 
    “มาตรา 77/1 ในหมวดนี้ เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น 
         “ขาย” หมายความว่า จำหน่าย จ่าย โอนสินค้าไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือค่าตอบแทนหรือไม่ และให้หมายความรวมถึง 
               (ก) สัญญาให้เช่าซื้อสินค้า สัญญาซื้อขายผ่อนชำระที่กรรมสิทธิ์ในสินค้ายังไม่โอนไปยังผู้ซื้อเมื่อได้ส่งมอบสินค้าให้ผู้ซื้อแล้ว หรือสัญญาจะขายสินค้าที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี
               (ข) ส่งมอบสินค้าให้ตัวแทนเพื่อขาย
               (ค) ส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักร
               (ง) นำสินค้าไปใช้ไม่ว่าประการใด ๆ เว้นแต่การนำสินค้าไปใช้เพื่อการประกอบกิจการของตนเองโดยตรงตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด 
(ดู ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 1))
               (จ) มีสินค้าขาดจากรายงานสินค้าและวัตถุดิบตามมาตรา 87 (3) หรือมาตรา 87 วรรคสอง
               (ฉ) มีสินค้าคงเหลือและหรือทรัพย์สินที่ผู้ประกอบการมีไว้ในการประกอบกิจการ ณ วันเลิกประกอบกิจการ แต่ไม่รวมถึงสินค้าคงเหลือและหรือทรัพย์สินดังกล่าวของผู้ประกอบการซึ่งได้ควบเข้ากันหรือได้โอนกิจการทั้งหมดให้แก่กัน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการใหม่อันได้ควบเข้ากันหรือผู้รับโอนกิจการต้องอยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3
               (ช) กรณีอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
(ดู กฎกระทรวง ฉบับที่ 188 (พ.ศ. 2534))
          (9) “สินค้า” หมายความว่า ทรัพย์สินที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่างที่อาจมีราคาและถือเอาได้ ไม่ว่าจะมีไว้เพื่อขาย เพื่อใช้ หรือเพื่อการใด ๆ และให้หมายความรวมถึงสิ่งของทุกชนิดที่นำเข้า แต่ทั้งนี้ ไม่รวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด
     มาตรา 77/2 การกระทำกิจการดังต่อไปนี้ในราชอาณาจักรให้อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามบทบัญญัติในหมวดนี้
          (1) การขายสินค้าหรือการให้บริการโดยผู้ประกอบการ
          (2) การนำเข้าสินค้าโดยผู้นำเข้า 
          การให้บริการในราชอาณาจักรให้หมายถึง บริการที่ทำในราชอาณาจักรโดยไม่คำนึงว่าการใช้บริการนั้นจะอยู่ในต่างประเทศหรือในราชอาณาจักร
          การให้บริการที่ทำในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรให้ถือว่าการให้บริการนั้น เป็นการให้บริการในราชอาณาจักร” 

2. กฎกระทรวง ฉบับที่ 188 (พ.ศ. 2534) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยกรณีอื่นที่ถือว่าเป็นการขายสินค้าตามมาตรา 77/1 (8)(ช) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2534 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 77/1 (8)(ช) แห่งประมวลรัษฎากร ออกกฎกระทรวงกำหนดให้กรณีดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นการขายตามมาตรา 77/1 (ช) แห่งประมวลรัษฎากร  
    “ข้อ 1 กรณีดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นการขายตามมาตรา 77/1 (ช) แห่งประมวลรัษฎากร
         (1) ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับแจ้งคำสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 85/10 แห่งประมวลรัษฎากร มีสินค้าคงเหลือและหรือทรัพย์สิน 
         (2) ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับแจ้งการเพิกถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 85/17 แห่งประมวลรัษฎากร มีสินค้าคงเหลือและหรือทรัพย์สินที่ผู้ประกอบการมีไว้ในการประกอบกิจการ ณ วันที่ได้รับแจ้งการเพิกถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
     ข้อ 2   กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535 เป็นต้นไป”

3. ตามมาตรา 85/10 (1) แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสิทธิขอให้อธิบดีกรมสรรพากรสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ กรณีมีมูลค่าของฐานภาษีต่ำกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสามปีก่อนการขอถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้ 
    “มาตรา 85/10 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังต่อไปนี้ มีสิทธิขอให้อธิบดีสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้
         (1) ในกรณีที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมไว้แล้ว ได้แก่ ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งกิจการของตนมีมูลค่าของฐานภาษีต่ำกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสามปีก่อนการขอถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม”  

ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า 
กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบ ภ.พ.08 ขอถอนทะเบียนนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 85/10 (1) แห่งประมวลรัษฎากร หากผู้ประกอบการจดทะเบียนมี “สินค้า” ตามมาตรา 77/1 (9) แห่งประมวลรัษฎากร ที่ผู้ประกอบการมีไว้ในการประกอบกิจการ คงเหลืออยู่ ณ วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ถือเป็นการขาย (Deemed Sale) ที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/1 (8) (ช) แห่งประมวลรัษฎากร แม้ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะยังไม่ได้ขายออกไปก็ตาม  
    ทั้งนี้ ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดมูลค่าของฐานภาษีบางกรณี (ฉบับที่ 245) พ.ศ. 2534 กำหนดให้นำมูลค่า “สินค้า” ตามราคาตลาดในวันที่ได้รับแจ้งคำสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นมูลค่าของฐานภาษีในการคำนวณภาษีขาย และการลงรายงานภาษีขาย ดังนี้ 
    “มาตรา 3 การขายสินค้าในกรณีผู้ประกอบการมีสินค้าคงเหลือและหรือมีทรัพย์สินที่ผู้ประกอบการมีไว้ในการประกอบกิจการ ณ วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 85/10 แห่งประมวลรัษฎากร หรือได้รับแจ้งการเพิกถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 85/17 แห่งประมวลรัษฎากร มูลค่าของฐานภาษีให้ถือตามราคาตลาดในวันที่ได้รับแจ้งคำสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือวันที่ได้รับแจ้งการเพิกถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แล้วแต่กรณี”



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ