Case study

บริษัทเปลี่ยนประเภทธุรกิจ จากผลิต เป็น บริการ ต้องเเจ้งสรรพากรหรือไม่


เรื่อง บริษัทเปลี่ยนประเภทธุรกิจ จากผลิต เป็น บริการ ต้องเเจ้งสรรพากรหรือไม่
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 21/02/2025
ประเภทภาษี ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย
คำถาม

บริษัทเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม  ประกอบกิจการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ส่งออกไปต่างประเทศและจดทะเบียนเป็นผู้ผลิต ต่อมามีเหตุให้บริษัทต้องหยุดการผลิต และประกอบกิจการในการให้บริการด้านการผลิต และ สนับสนุนการขายให้กับต่างประเทศ

คำถาม  บริษัทจะต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงการเปลี่ยนประเภทกิจการหรือไม่ อย่างไร  ใช้เอกสารอะไร หากกิจการแจ้งล่าช้าจะต้องโดนค่าปรับเท่าไหร่ ขอบคุณค่ะ

คำตอบ

คำตอบ

1. หากบริษัทฯ คาดว่าจะมีการให้บริการดังกล่าวเป็นประจำและเป็นกิจกรรมหลักของบริษัทฯ บริษัทฯ ต้องแจ้งเปลี่ยนแปลง เพิ่มประเภทของการประกอบกิจการ "ให้บริการ....." ด้วยแบบ ภ.พ.09 แจ้งเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภายใน 15 วัน นับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่,พื้นที่สาขาที่สถานประกอบการตั้งอยู่หรือสำนักบริหารการเสียภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ แล้วแต่กรณี ตามมาตรา 85/6 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับ ข้อ 1 ของประกาศอธิบดีฯ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 131)


2. กรณีมีการแจ้งเปลี่ยนแปลงล่าช้า ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ตามมาตรา 90 (6) แห่งประมวลรัษฎากร (อายุความ 1 ปี)


ตามมาตรา 90 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงรายการทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 85/6 แห่งประมวลรัษฎากร ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ดังนี้

    “มาตรา 90 บุคคลดังต่อไปนี้ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่ระบุไว้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

         (7) ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงรายการทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 85/6” 




3. เอกสารประกอบการแจ้งเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม มีดังนี้

          1. แบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แบบภ.พ.09 จำนวน 3 ฉบับ  

          2. รายการเอกสารที่แนบให้ดูตามข้อ 14 ในแบบ ภ.พ.09 ได้เลยคะ

 





แบบ ภ.พ.09.pdf


อ้างอิงข้อกฏหมาย


มาตรา 85/6ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงชื่อสถานประกอบการ ประเภทกิจการ ประเภทสินค้าหรือบริการ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงนั้น ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ภายในสิบห้าวันนับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
             การแจ้งการเปลี่ยนแปลงรายการตามวรรคหนึ่ง และการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เปลี่ยนแปลงรายการแล้ว ให้เป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

 
( ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 65) )
 
( ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 131) )


ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร

เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 131)

เรื่อง    กำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เปลี่ยนแปลงแล้ว

ข้อ 1ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังต่อไปนี้แจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด

                (1) กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนมีการเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ประกอบการ ชื่อสถานประกอบการ ที่ตั้งของสถานประกอบการ ประเภทกิจการที่กระทำเป็นปกติ ประเภทสินค้าหรือบริการที่กระทำเป็นส่วนใหญ่ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงนั้น ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ภายในสิบห้าวันนับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น และถ้ามีเหตุให้ต้องเปลี่ยนแปลงข้อความในใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมกับการแจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวด้วย

                       การเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการเปลี่ยนแปลงประเภทกิจการที่กระทำเป็นครั้งคราว หรือประเภทสินค้าหรือบริการที่กระทำเป็นส่วนน้อย รายการเกี่ยวกับนิติบุคคล เช่น การเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนของบริษัทจำกัด การเปลี่ยนแปลงเงินทุนที่ชำระแล้ว การเพิ่มทุนหรือการลดทุน การเปลี่ยนแปลงจำนวนลูกจ้าง หรือการเปลี่ยนแปลงอื่นในลักษณะทำนองเดียวกัน

ข้อ 2แบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามข้อ 1 ให้เป็นไปตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด

                กรณีเจ้าพนักงานสรรพากรสำรวจสภาพการประกอบกิจการของ ผู้ประกอบการจดทะเบียนตามระเบียบกรมสรรพากรว่าด้วยการสำรวจแหล่งภาษีอากรและการ ติดตามการยื่นแบบแสดงรายการภาษี และได้แจ้งให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนไปพบเจ้าพนักงานสรรพากร เพื่อแจ้งการเปลี่ยนแปลงประเภทการประกอบกิจการตามแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามวรรคหนึ่ง หากผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่ไปพบเจ้าพนักงาน สรรพากรและยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในเวลาที่เจ้าพนักงานสรรพากรกำหนด ให้ถือว่าแบบสำรวจสภาพการประกอบกิจการที่แนบท้ายประกาศนี้ เป็นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงประเภทการประกอบกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียน ซึ่งเจ้าพนักงานสรรพากรจะใช้ในการแก้ไขรายการประเภทการประกอบกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียนให้ถูกต้อง ทั้งนี้ เจ้าพนักงานสรรพากรจะต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงประเภทการประกอบกิจการให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนทราบเป็นลายลักษณ์อักษร ภายใน 30 วันนับแต่วันที่เจ้าพนักงานสรรพากรแก้ไขรายการประเภทการประกอบกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียน

                เจ้าพนักงานสรรพากรจะต้องกำหนดระยะเวลาให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนคัดค้านการแก้ไขประเภทการประกอบกิจการ ทั้งนี้ กำหนดระยะเวลาดังกล่าวต้องไม่น้อยกว่า 15 วัน นับแต่วันที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับหนังสือแจ้งการเปลี่ยนแปลงประเภทการประกอบกิจการ

     “ข้อ 3ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 3 ฉบับ โดยแสดงรายการให้ถูกต้องครบถ้วน พร้อมกับแนบเอกสาร ดังต่อไปนี้

                   (1) กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นบุคคลธรรมดา สำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นคนต่างด้าว ให้แนบภาพถ่ายใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ภาพถ่ายหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือภาพถ่ายใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวของผู้ประกอบการจดทะเบียน

                   (2) กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ได้แก่ คู่สมรสสามีและภริยา ห้างหุ้นส่วนสามัญ กองทุน มูลนิธิที่มิใช่นิติบุคคล หน่วยงานหรือกิจการของเอกชน ที่กระทำโดยบุคคลธรรมดาตั้งแต่สองคนขึ้นไปอันมิใช่นิติบุคคล ให้แนบภาพถ่ายใบทะเบียนสมรส หรือภาพถ่ายหนังสือการจัดตั้งคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลแล้วแต่กรณี และกรณีผู้ร่วมจัดตั้งคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลเป็นคนต่างด้าว ให้แนบภาพถ่ายใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ภาพถ่ายหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือภาพถ่ายใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว

( แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 216) ใช้บังคับ 14 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป )

              (3) กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ได้แก่ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร องค์การของรัฐบาลตามมาตรา 2 แห่งประมวลรัษฎากร สหกรณ์และองค์กรอื่นที่กฎหมายกำหนดให้เป็นนิติบุคคล ให้แนบเอกสารดังนี้

                    (ก) กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ มีตัวแทนที่อยู่ในราชอาณาจักรทำหน้าที่แจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแทนผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร ให้แนบหนังสือตั้งตัวแทนเป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งมีการรับรองโดยสถานทูตหรือสถานกงสุลหรือบุคคลอื่นที่อธิบดีกรมสรรพากรเห็นชอบ

                    (ข) กรณีกิจการร่วมค้า ให้แนบภาพถ่ายเอกสารการดำเนินกิจการร่วมค้า

                    (ค) กรณีนิติบุคคลตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราว ให้แนบภาพถ่ายใบอนุญาตประกอบธุรกิจ และภาพถ่ายสัญญาหรือโครงการที่แสดงถึงคู่สัญญา มูลค่าของสัญญา ระยะเวลาของสัญญาหรือโครงการที่เริ่มต้นและสิ้นสุดด้วย

                       (ง) กรณีองค์การของรัฐบาล สหกรณ์ และองค์กรอื่นที่กฎหมายกำหนดให้เป็นนิติบุคคล ให้แนบภาพถ่ายหลักฐานอื่นที่แสดงฐานะนิติบุคคล

             (4) กรณีการแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการจดทะเบียน มีการมอบอำนาจให้บุคคลอื่นยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแทน ให้แนบหนังสือมอบอำนาจ ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน หรือภาพถ่ายหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือภาพถ่ายใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ของผู้มอบอำนาจ คือ ผู้ประกอบการจดทะเบียนตาม (1) และภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจกระทำการแทน ตาม (2) (3) และภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ

             (5) กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนตาม (1) ถึง (3) เปิดสถานประกอบการเพิ่มเติม ย้ายสถานประกอบการ เลิกกิจการ โอนกิจการทั้งหมด หรือกรณีนิติบุคคลควบกิจการ ให้แนบเอกสารดังต่อไปนี้

                         (ก)กรณีเปิดสถานประกอบการเพิ่มเติม ให้แนบแผนที่แสดงที่ตั้งของสถานประกอบการโดยสังเขปพร้อมภาพถ่ายสถานประกอบการแห่งใหม่ และถ้าเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ให้แนบภาพถ่ายสัญญาเช่าโดยสัญญาเช่าดังกล่าวต้องระบุชื่อ ที่อยู่ ของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ด้วย หรือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ให้ใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นโดยไม่มีค่าตอบแทน ให้แนบภาพถ่ายหนังสือยินยอมให้ใช้เป็นสถานประกอบการด้วย                           

                        (ข) กรณีย้ายสถานประกอบการ ให้แนบใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของสถานประกอบการเดิม แผนที่แสดงที่ตั้งของสถานประกอบการโดยสังเขปพร้อมภาพถ่ายสถานประกอบการแห่งใหม่ และถ้าเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ให้แนบภาพถ่ายสัญญาเช่าโดยสัญญาเช่าดังกล่าวต้องระบุชื่อ ที่อยู่ ของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ด้วย หรือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ให้ใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นโดยไม่มีค่าตอบแทน ให้แนบภาพถ่ายหนังสือยินยอมให้ใช้เป็นสถานประกอบการด้วย

                         (ค) กรณีเลิกกิจการ หรือโอนกิจการทั้งหมด ให้แนบใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

                         (ง) กรณีนิติบุคคลควบกิจการ ให้แนบใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของนิติบุคคลที่จะควบเข้ากัน แผนที่แสดงที่ตั้งของสถานประกอบการโดยสังเขปพร้อมภาพถ่ายสถานประกอบการแห่งใหม่ และถ้าเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ให้แนบภาพถ่ายสัญญาเช่าโดยสัญญาเช่าดังกล่าวต้องระบุชื่อ ที่อยู่ ของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ด้วย หรือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ให้ใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นโดยไม่มีค่าตอบแทน ให้แนบภาพถ่ายหนังสือยินยอมให้ใช้เป็นสถานประกอบการด้วย

                              กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ใช้สถานที่อยู่อาศัย

ของตนเองหรือบุคคลอื่นเป็นสถานประกอบการหรือใช้สถานประกอบการของบุคคลอื่นเป็นสถานประกอบการ ให้ติดป้ายแสดงชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา คู่สมรสสามีและภริยา คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ไว้ในที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่าย ณ สถานประกอบการดังกล่าวด้วย

( แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 216) ใช้บังคับ 14 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป )

                             กรณีสถานที่อยู่อาศัยหรือสถานประกอบการตามวรรคหนึ่ง ตั้งอยู่ในอาคารชุด ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด ให้แนบภาพถ่ายหนังสือรับรองของผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดที่ระบุว่าสถานที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ประกอบการค้าของอาคารชุด ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด”

( แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 208) ใช้บังคับ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป )

                               (6) กรณีการแจ้งเปลี่ยนแปลงการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราว ให้แนบภาพถ่ายสัญญา หรือโครงการที่แสดงการเปลี่ยนแปลงคู่สัญญา มูลค่าของสัญญา ระยะเวลาของสัญญาหรือโครงการที่เริ่มต้นและสิ้นสุด

                               (7) ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงชื่อสถานประกอบการ ประเภทกิจการ ประเภทสินค้าหรือบริการ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแนบใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นบุคคลธรรมดา ถ้ามีการเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุล ให้แนบภาพถ่ายหนังสือแสดงการเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุล เป็นต้น

                               (8) กรณีเป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตาย หรือเป็นทายาทหรือผู้จัดการมรดกที่ประสงค์จะประกอบกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ถึงแก่ความตายต่อไป ให้แนบใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หลักฐานใบมรณบัตร หลักฐานแสดงการเป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดก การเป็นทายาท หรือการเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลหรือตามพินัยกรรม

                                การยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมกับแนบเอกสารตามวรรคหนึ่ง หากเจ้าพนักงานสรรพากรมีความเห็นว่าเอกสารดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือเพียงพอแล้ว ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่จำต้องแสดงเอกสารตัวจริงต่อเจ้าพนักงานสรรพากร”

( แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 166) ใช้บังคับ 16 สิงหาคม 2549 เป็นต้นไป )




อ้างอิงคำตอบ


เรื่อง

แจ้งเปลี่ยนแปลงชื่อกิจการและแจ้งย้ายที่อยู่

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 07/03/2023 - วันที่ตอบ 12/03/2023

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

มาตรา 85/6 แห่งประมวลรัษฎากร

ปุจฉา

กิจการมีการเปลี่ยนแปลงชื่อกิจการและแจ้งย้ายที่อยู่ด้วย แต่ด้วยความขาดประสบการณ์ จึงมีประเด็นที่เป็นปัญหา คือ

    1. มีการแจ้งเปลี่ยนชื่อที่กระทรวงพาณิชย์ในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2566 

    2.มีการยื่น ภ.พ.09 ในวันที่ 2 มีนาคม โดยแจ้งย้ายออกที่สรรพากรพื้นที่เดิม หัวข้อย้ายที่อยู่สถานประกอบการให้มีผลวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2566 

    3.แจ้งยื่น ภ.พ.09 หัวข้อย้ายเข้าโดยดำเนินการวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2566 ให้มีผลแจ้งย้าย 25 มีนาคม พ.ศ. 2566

    กรณีแจ้งเปลี่ยนชื่อกิจการที่ไปดำเนินการเปลี่ยนชื่อไปแล้วนั้นตั้งแต่ 1 มีนาคม 2566 นั้นหากแจ้งยื่น ภ.พ.09 ในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2566 เนื่องจาก 25 มีนาคม พ.ศ. 2566 เป็นวันเสาร์นั้นแล้วยอมเสียค่าปรับที่ไม่แจ้งเปลี่ยนชื่อกิจการภายใน 15 วัน จะดีหรือไม่เดิมตั้งใจและดำเนินพร้อมแจ้งย้ายที่อยู่ให้ส่งผลวันเดียวกันคือ 15 มีนาคม จะได้พิมพ์แบบฟอร์มใบกำกับแก้ไขทั้งหมดในคราวเดียว แต่ด้วยความที่เตรียมเอกสารไม่ครบถ้วน จึงดำเนินการไม่แล้วเสร็จก็เลยเลื่อนวันไป 25 มีนาคม ผลจึงออกมาเป็นเช่นนี้แนวทางแก้ไขควรทำอย่างไรดี และใบกำกับภาษีขายควรต้องเป็นชื่อที่อยู่ใหม่พิมพ์ลูกค้าตั้งแต่ 27 ที่ไปยื่น ภ.พ.09 เข้าใจถูต้องไหมคะ ช่วยแนะนำด้วยค่ะว่าควรแก้ไขอย่างไร

วิสัชนา

1. การยื่นแจ้งแก้ไขเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

https://rd.go.th/.../user.../SMEs/infographic/12.vat_360.pdf

2. ตามมาตรา 85/6 แห่งประมวลรัษฎากร การแจ้งเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ

    “มาตรา 85/6 ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงชื่อสถานประกอบการ ประเภทกิจการ ประเภทสินค้าหรือบริการ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงนั้น ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ภายในสิบห้าวันนับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

        การแจ้งการเปลี่ยนแปลงรายการตามวรรคหนึ่ง และการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เปลี่ยนแปลงรายการแล้ว ให้เป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด”

3. ตามข้อ 1 (1) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 131) เรื่อง กำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เปลี่ยนแปลงแล้ว ลงวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 อธิบดีกรมสรรพากรได้กำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้งการย้ายสถานประกอบการ ดังนี้  

    “ข้อ 1 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังต่อไปนี้แจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด

         (1) กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนมีการเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ประกอบการ ชื่อสถานประกอบการ ที่ตั้งของสถานประกอบการ ประเภทกิจการที่กระทำเป็นปกติ ประเภทสินค้าหรือบริการที่กระทำเป็นส่วนใหญ่ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงนั้น ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ภายในสิบห้าวันนับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น และถ้ามีเหตุให้ต้องเปลี่ยนแปลงข้อความในใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมกับการแจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวด้วย

               การเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการเปลี่ยนแปลงประเภทกิจการที่กระทำเป็นครั้งคราว หรือประเภทสินค้าหรือบริการที่กระทำเป็นส่วนน้อย รายการเกี่ยวกับนิติบุคคล เช่น การเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนของบริษัทจำกัด การเปลี่ยนแปลงเงินทุนที่ชำระแล้ว การเพิ่มทุนหรือการลดทุน การเปลี่ยนแปลงจำนวนลูกจ้าง หรือการเปลี่ยนแปลงอื่นในลักษณะทำนองเดียวกัน"

4. ตามมาตรา 90 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงรายการทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 85/6 แห่งประมวลรัษฎากร ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ดังนี้

    “มาตรา 90 บุคคลดังต่อไปนี้ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่ระบุไว้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

         (7) ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงรายการทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 85/6” 



 

ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า

    กรณีตามข้อเท็จจริง บริษัทฯ แจ้งเปลี่ยนชื่อที่กระทรวงพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งตามมาตรา 85/6 แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้บริษัทฯ แจ้งเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ประกอบการ ชื่อสถานประกอบการ ที่ตั้งของสถานประกอบการ ประเภทกิจการที่กระทำเป็นปกติ ประเภทสินค้าหรือบริการที่กระทำเป็นส่วนใหญ่ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงนั้น ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ภายใน 15 วัน นับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

    แต่บริษัทฯ ได้ยื่นแบบ ภ.พ.09 แจ้งย้ายสถานประกอบการ จึงถือว่าไม่ได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ ตามมาตรา 85/6 แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด

บริษัทฯ จึงต้องขอยกเลิกการแจ้งย้ายสถานประกอบการ ต่อเจ้าพนักงานสรรพากร แล้วยื่นแบบ ภ.พ.09 เสียใหม่ภายในวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2566 หากแจ้งการเปลี่ยนแปลงรายการดังกล่าวล่าช้า บริษัทฯ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ตามมาตรา 90 (7) แห่งประมวลรัษฎากร

    ตราบเท่าที่รายการในทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มยังไม่ได้รับการแจ้งการเปลี่ยนแปลง ตราบนั้น ผู้ประกอบการจดทะเบียนยังคงใช้ชื่อ และที่อยู่ตามที่ปรากฎในทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต่อไป เช่น บริษัทฯ ไปยื่นแบบ ภ.พ.09 แจ้งการเปลี่ยนชื่อในวันจันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2566 ก็ให้บริษัทฯ เริ่มใช้ที่อยู่ใหม่ตามที่ได้แจ้งการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป


ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์ "


เรื่อง

ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการขายสินค้าด้วยเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ

แหล่งที่มา

ข้อหารือ กรมสรรพากร

วันที่

15/01/1999

เลขที่หนังสือ

กค 0811/พ.00342

ประเภทภาษี

ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

มาตรา 77/1 (20), มาตรา 85/6, มาตรา 85/7, มาตรา 86/6, คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 ฯ, ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 32) พ.ศ. 2535 ฯ, กฎกระทรวง (ฉบับที่ 189) พ.ศ. 2534 ฯ

ข้อหารือ

บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ประเภทผลิต ขายส่ง ส่งออก อาหารสำเร็จรูป ขนมและเครื่องดื่ม และนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องจักร ต่อมาบริษัทฯ ได้นำเข้าเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (เครื่องอัตโนมัติ) เพื่อจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องดื่มและอาหารบรรจุกระป๋องจึงขอทราบว่า

     1. การขายสินค้าโดยเครื่องอัตโนมัติถือเป็นการค้าปลีกหรือไม่ และบริษัทฯ จะต้องออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปหรืออย่างย่อ

     2. บริษัทฯ จะต้องจัดทำใบกำกับภาษีในวันที่บริษัทฯ บรรจุสินค้าเข้าเครื่องอัตโนมัติ หรือวันที่นำเงินออกจากเครื่องอัตโนมัติ

     3. บริษัทฯ จะต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.09) หรือไม่ อย่างไร

     4. การนำเครื่องอัตโนมัติไปติดตั้งตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อจำหน่ายสินค้าจะต้องจดทะเบียนเพิ่มสาขาหรือไม่

     5. ในการติดตั้งเครื่องอัตโนมัติในสถานที่ต่าง ๆ บริษัทฯ ได้ตกลงจ่ายค่าตอบแทนให้กับเจ้าของสถานที่ ผู้ให้อนุญาตซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา บริษัทหรือนิติบุคคลอื่น ๆ หน่วยงานราชการโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในลักษณะของค่าเช่าเหมา หรือค่าไฟฟ้าเหมา หรือเปอร์เซนต์จากการขาย ขึ้นอยู่กับการตกลงว่าจะใช้รูปแบบใด บริษัทฯ จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราเท่าใด

แนววินิจฉัย

กรณีตามข้อเท็จจริง

     1. การขายเครื่องดื่มและอาหารบรรจุกระป๋อง ที่บรรจุอยู่ในเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเข้าลักษณะเป็นการขายสินค้าที่ผู้ขายทราบโดยชัดแจ้งว่า เป็นการขายให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง และในปริมาณซึ่งตามปกติวิสัยของผู้บริโภคโดยตรง และในปริมาณซึ่งตามปกติของผู้บริโภคนั้นจะนำสินค้าไปบริโภคหรือใช้สอยโดยมิได้มีวัตถุประสงค์ที่จะนำไปขายต่อไป ถือเป็นกิจการค้าปลีกตามมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากรประกอบกับข้อ 2 (1) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 32)ฯ ลงวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2535 บริษัทฯ มีสิทธิออกใบกำกับภาษีอย่างย่อได้ตามมาตรา 86/6 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร

     2. การขายเครื่องดื่มและอาหารบรรจุกระป๋อง ที่บรรจุอยู่ในเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติดังกล่าว ไม่ว่าจะมีการชำระราคาโดยวิธีการหยอดเงิน เหรียญ บัตร หรือด้วยวิธีการในลักษณะทำนองเดียวกัน ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อได้นำเงิน เหรียญ บัตร หรือด้วยวิธีการในลักษณะทำนองเดียวกันออกจากเครื่องอัตโนมัตินั้นตามข้อ 3 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 189 (พ.ศ. 2534) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มบางกรณี ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2534 เมื่อบริษัทฯ ประกอบกิจการค้าปลีกดังกล่าว จึงมีสิทธิออกใบกำกับภาษีอย่างย่อในขณะที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มบางกรณี ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2534 เมื่อบริษัทฯ ประกอบกิจการค้าปลีกดังกล่าว จึงมีสิทธิออกใบกำกับภาษีอย่างย่อในขณะที่ความรับผิดชอบในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวเกิดขึ้นได้ตามมาตรา 86/6 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร

     3. เดิมบริษัทฯ ได้จดทะเบียนประเภทของสินค้าเพียง ผลิต ขายส่ง และส่งออกอาหารสำเร็จรูป ขนม และเครื่องดื่ม ต่อมาเมื่อบริษัทฯ ได้ประกอบกิจการค้าปลีกจึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ บริษัทฯ จึงมีหน้าที่ต้องแจ้งเพิ่มประเภทของการประกอบกิจการ "ขายปลีก" ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ภายในสิบห้าวันนับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตามมาตรา 85/6 แห่งประมวลรัษฎากร

     4. การที่บริษัทฯ นำเครื่องอัตโนมัติไปติดตั้งตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อจำหน่ายสินค้า ถ้าบริษัทฯ มิได้จัดให้มีพนักงานหรือบุคคลใดเป็นผู้ให้บริการขายสินค้าในเครื่องอัตโนมัติ กรณีไม่ถือว่าเครื่องอัตโนมัติดังกล่าวเป็นสถานประกอบการตามมาตรา 77/1 (20) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงไม่มีหน้าที่แจ้งการเปิดสถานประกอบการที่ติดตั้งเครื่องอัตโนมัติเพิ่มเติมตามมาตรา 85/7 แห่งประมวลรัษฎากร

     5. การที่บริษัทฯ และผู้ให้อนุญาตทำสัญญาอนุญาตให้ติดตั้งเครื่องอัตโนมัติโดยที่ผู้ให้อนุญาตยังเป็นผู้ควบคุมดูแลพื้นที่ติดตั้งนั้น มิได้ส่งมอบการครอบครองพื้นที่ให้บริษัทฯ โดยเด็ดขาด ทั้งผู้ให้อนุญาตมีหน้าที่จะต้องดูแลและรักษาเครื่องอัตโนมัติให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เรียบร้อยพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลาและแจ้งให้บริษัทฯ ทราบเมื่อเครื่องอัตโนมัติชำรุดเสียหายหรือขัดข้องไม่สามารถใช้งานได้ สัญญาด้งกล่าวนั้นจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนประเภทหนึ่งซึ่งไม่ใช่สัญญาเช่าทรัพย์สินหรือสัญญาจ้างทำของค่าตอบแทนตามสัญญาดังกล่าว จึงไม่ใช่ค่าเช่าทรัพย์สินและค่าจ้างทำของ เมื่อบริษัทฯ จ่ายเงินค่าตอบแทนดังกล่าว จึงไม่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 แต่อย่างใด

เลขตู้

62/27409


หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ