Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

การปรับปรุงรายการเฉลี่ยภาษีซื้อ ด้วยแบบ ภ.พ.30.2 ในปีแรกที่มีการเฉลี่ยภาษีซื้อ


เรื่อง การปรับปรุงรายการเฉลี่ยภาษีซื้อ ด้วยแบบ ภ.พ.30.2 ในปีแรกที่มีการเฉลี่ยภาษีซื้อ
แหล่งที่มา Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วันที่ วันที่ถาม 12/12/2024 - วันที่ตอบ 04/01/2025
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29)
ปุจฉา
ขอปรึกษาและขอความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับ การปรับปรุงรายการเฉลี่ยภาษีซื้อ ด้วยแบบ ภ.พ.30.2 ในปีแรกที่มีการเฉลี่ยภาษีซื้อค่ะ
    เนื่องจากบริษัท A จำกัด มีรายได้ที่ได้รับการยกเว้น VAT และรายได้ที่ต้องเสีย VAT 7% ดังนั้นบริษัทฯ จึงต้องเฉลี่ยภาษีซื้อ สำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับรายได้ทั้ง 2 ส่วน โดยบริษัทฯ เพิ่งจดทะเบียนเข้าในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือน ธันวาคม 2566 และเริ่มมีรายได้ในเดือน มีนาคม 2567 โดยบริษัทฯ ได้ประมาณการรายได้เพื่อเฉลี่ยภาษีซื้อในอัตรา 50:50 และถ้าตอนสิ้นปี 2567 รายได้ที่เกิดขึ้นจริงของรายได้ที่ยกเว้น VAT เท่ากับ 40% และรายได้ที่เสีย VAT เท่ากับ 60% แล้ว 
โดยดิฉันมีคำถามและข้อสงสัยในทางปฏิบัติ ดังนี้คะ
1. ในปีแรกบริษัทฯ จะต้องปรับปรุงภาษีซื้อที่เคยเฉลี่ยตามแบบ ภ.พ.30 ด้วยแบบ ภพ.30.2 ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ใช่หรือไม่คะ

2. บริษัทฯ จะต้องปรับปรุงภาษีซื้อ ตั้งแต่ เดือน ธันวาคม 2567 ถึง ธันวาคม 2568 ถูกต้องไหมคะ

3. ส่วนต่างของยอดภาษีซื้อตามอัตราที่เกิดขึ้นจริงกับอัตราที่ประมาณการไว้ที่บริษัทฯ มีสิทธิขอคืนภาษีซื้อได้เพิ่มอีก 10% นั้นบริษัทฯ จะต้องปรับปรุงแก้ไขรายการบัญชีที่เคยบันทึกไว้ ด้วยส่วนต่างที่เกิดจากการเฉลี่ยภาษีซื้อสูงไปในบัญชี ค่าใช้จ่าย และ สินทรัพย์ ในแต่ละรายการบัญชีซึ่งวิธีจะเกิดความยุ่งยากมาก หรือสามารถเลือกปรับปรุงผลต่างเข้าบัญชี รายได้ หรือค่าใช้จ่าย (ในกรณีกลับกัน) ได้คะ
โดยสามารถบันทึกรายการบัญชี เป็น 
    เดบิต ลูกหนี้กรมสรรพากร  (ยอดตามแบบ ภ.พ.30.2)
         เครดิต  รายได้อื่น 
ในกรณีกลับกันที่เคยเฉลี่ยภาษีซื้อสูงไป เมื่อปรับปรุงแบบใน ภ.พ.30.2 ให้บันทึกรายการทางบัญชี 
    เดบิต ค่าใช้จ่ายอื่น

4. และในปีถัดไป บริษัทฯ สามารถเลือกเฉลี่ยภาษีซื้อจากอัตราส่วนของรายได้ในปีก่อน โดยไม่ต้องปรับปรุงตอนสิ้นปี ด้วยแบบ ภพ.30.2 อีกต่อไปได้ ถูกต้องไหมคะ
วิสัชนา
การเฉลี่ยภาษีซื้อของปีที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการทั้งสองประเภทกิจการ ตามข้อ 2 (1) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29) ดังนี้ 
    “ข้อ 2 ผู้ประกอบการจดทะเบียนประกอบกิจการทั้งประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและผู้ประกอบการจดทะเบียนได้นำสินค้าหรือบริการที่ได้มาหรือได้รับมาในการประกอบกิจการของตนไปใช้หรือจะใช้ในกิจการทั้งสองประเภท ถ้าไม่สามารถแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าภาษีซื้อที่เกิดจากสินค้าหรือบริการดังกล่าวเป็นภาษีซื้อของกิจการประเภทใด ให้เฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วนของรายได้ของแต่ละกิจการ ดังนี้
        (1) กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเริ่มประกอบกิจการ หรือได้ประกอบกิจการมาแล้วแต่ยังไม่มีรายได้ ให้ประมาณการรายได้ของกิจการทั้งสองประเภทของปีที่เริ่มมีรายได้
             ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนเฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วนของประมาณการรายได้ดังกล่าว และให้นำภาษีซื้อที่เฉลี่ยได้ตามส่วนของประมาณการรายได้ของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มมาหักออกจากภาษีขาย แต่ภาษีซื้อดังกล่าวจะต้องมีจำนวนไม่เกินกึ่งหนึ่งของภาษีซื้อที่นำมาเฉลี่ย
             สำหรับในปีถัดจากปีที่เริ่มประกอบกิจการและยังไม่มีรายได้ถึงสิ้นปีของปีที่เริ่มมีรายได้ ให้เฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วนของประมาณการรายได้ตามเกณฑ์ในวรรคหนึ่งและวรรคสอง
             เมื่อสิ้นปีที่เริ่มมีรายได้ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนคำนวณภาษีซื้อที่หักได้จริงตามส่วนของรายได้ที่เกิดขึ้นจริงของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และให้ปรับปรุงภาษีซื้อที่ได้นำมาหักออกจากภาษีขายแล้วตามหลักเกณฑ์ตาม (2)
             ปีที่เริ่มมีรายได้ให้หมายถึง ปีแรกที่มีรายได้เกิดขึ้นจริงไม่น้อยกว่า 6 เดือนภาษี” 
    ดังนี้น กรณีบริษัท A จำกัด มีรายได้ที่ได้รับการยกเว้น VAT  และรายได้ที่ต้องเสีย VAT 7%  บริษัทฯ จึงต้องเฉลี่ยภาษีซื้อ สำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับรายได้ทั้ง 2 ส่วนโดยบริษัทฯ เพิ่งจดทะเบียนเข้าในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ในเดือน ธันวาคม 2566 และเริ่มมีรายได้ในเดือน มีนาคม 2567  โดยบริษัทฯ ได้ประมาณการรายได้เพื่อเฉลี่ยภาษีซื้อในอัตรา 50:50  และถ้าตอนสิ้นปี 2567 รายได้ที่เกิดขึ้นจริง ของ รายได้ที่ยกเว้น VAT เท่ากับ  40% และรายได้ที่เสีย VAT เท่ากับ 60%  
1. ในปีแรกที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการทั้งสองประเภทกิจการ ได้แก่ รอบระยะเวลาบัญชีปี 2567 บริษัทฯ จึงต้องปรับปรุงการเฉลี่ยภาษีซื้อที่เคยเฉลี่ยตามแบบ ภ.พ.30 ด้วยแบบ ภพ.30.2 ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ถูกต้องแล้วครับ 

2บริษัทฯ จะต้องปรับปรุงภาษีซื้อ ตั้งแต่ เดือน ธันวาคม 2567 ถึง ธันวาคม 2568 ถูกต้องแล้วครับ 

3. ส่วนต่างของยอดภาษีซื้อตามอัตราที่เกิดขึ้นจริงกับอัตราที่ประมาณการไว้ ที่บริษัทฯ มีสิทธิขอคืนภาษีซื้อได้เพิ่มอีก 10% นั้นบริษัทฯ จะต้องปรับปรุงแก้ไขรายการบัญชีที่เคยบันทึกไว้ ด้วยส่วนต่างที่เกิดจากการเฉลี่ยภาษีซื้อสูงไปในบัญชี ค่าใช้จ่าย และสินทรัพย์ ในแต่ละรายการบัญชี แม้จะเป็นวิธีที่ก่อให้เกิดความยุ่งยากมากก็ตาม บริษัทฯ ไม่สามารถเลือกปรับปรุงผลต่าง เข้าบัญชี รายได้ หรือ ค่าใช้จ่าย (ในกรณีกลับกัน) ได้ ทั้งนี้ตามข้อ 2 (2) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29) ดังนี้ 
    “(2) การปรับปรุงภาษีซื้อตาม (1) ให้กระทำในเดือนภาษีถัดจากเดือนภาษีสุดท้ายของปีที่เริ่มมีรายได้ โดยให้ปรับปรุงตั้งแต่เดือนภาษีแรกที่ได้มีการเฉลี่ยภาษีซื้อถึงเดือนภาษีสุดท้ายของปีที่เริ่มมีรายได้ ดังนี้
         (ก) ในกรณีภาษีซื้อที่เฉลี่ยได้และได้นำมาหักออกจากภาษีขายแล้ว มีจำนวนเกินกว่าภาษีซื้อที่หักได้จริง ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนชำระภาษีซื้อส่วนที่เกินนั้นพร้อมกับยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มอีกหนึ่งฉบับ ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนภาษีที่มีการปรับปรุงภาษีซื้อและให้นำภาษีซื้อส่วนที่เกินนั้นซึ่งยังมิได้นำไปรวมคำนวณเป็นมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินหรือรายจ่ายของกิจการ ไปรวมคำนวณเป็นมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินหรือรายจ่ายของกิจการในปีที่เกี่ยวข้อง
         (ข) ในกรณีภาษีซื้อที่เฉลี่ยได้และได้นำมาหักออกจากภาษีขายแล้วมีจำนวนน้อยกว่าภาษีซื้อที่หักได้จริง ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นคำร้องขอคืนภาษีซื้อส่วนที่ขาดนั้น ตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด และให้นำภาษีซื้อส่วนที่ขาด ซึ่งได้นำไปรวมคำนวณเป็นมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินหรือรายจ่ายของกิจการแล้วไปหักออกจากมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินหรือรายจ่ายของกิจการในปีที่เกี่ยวข้อง

4. และในปีถัดไป บริษัทฯ สามารถเลือกเฉลี่ยภาษีซื้อจากอัตราส่วนของรายได้ในปีก่อน โดยไม่ต้องปรับปรุงตอนสิ้นปี ด้วยแบบ ภพ.30.2 อีกต่อไปได้ ถูกต้องแล้วครับ ทั้งนี้ตามข้อ 2 (3) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29) ดังนี้
    “(3) สำหรับปีถัดจากปีที่เริ่มมีรายได้เป็นต้นไป ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนเฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วนของรายได้ของปีที่ผ่านมาโดยไม่ต้องปรับปรุงภาษีซื้ออีก และในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนประสงค์จะปรับปรุงภาษีซื้อให้เป็นไปตามส่วนของรายได้ที่เกิดขึ้นจริงทั้งปีของกิจการทั้งสองประเภทก็ให้กระทำได้ ทั้งนี้ ให้นำหลักเกณฑ์ตาม (2) มาใช้บังคับโดยอนุโลมและเมื่อได้เลือกปฏิบัติเป็นอย่างใดแล้ว ก็ให้ถือปฏิบัติเป็นอย่างเดียวกันตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรให้เปลี่ยนแปลงได้ 
         รายได้ของปีที่ผ่านมาตามวรรคหนึ่ง หมายถึง รายได้ของปีก่อนปีปัจจุบัน 1 ปี
    (4) การปรับปรุงภาษีซื้อตามข้อนี้ ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่ต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามมาตรา 89 และมาตรา 89/1 แห่งประมวลรัษฎากร” 
   ทั้งนี้ รายได้ที่นำมาใช้ในการเฉลี่ยภาษีซื้อ ใช้สัดส่วนรายได้อย่างไร สามารถนำรายได้จาก ภ.พ.30 มาเป็นเกณฑ์ในการเฉลี่ยภาษีซื้อ ตามข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกั้บภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29) ฯ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ