Case study

จ่ายค่าคอมมิชชั่นในการช่วยหาลูกค้าให้กับบริษัท H ที่ประเทศฮ่องกง ต้องหัก ณ ที่จ่ายเเละนำส่ง ภ.พ.36 หรือไม่


เรื่อง จ่ายค่าคอมมิชชั่นในการช่วยหาลูกค้าให้กับบริษัท H ที่ประเทศฮ่องกง ต้องหัก ณ ที่จ่ายเเละนำส่ง ภ.พ.36 หรือไม่
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 05/12/2023
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย
คำถาม

บริษัทจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับบริษัท H ที่ประเทศฮ่องกง  ในการช่วยหาลูกค้า   บริษัทต้องหัก ณ ที่จ่าย นำส่ง ภ.ง.ด.54  เเละต้องนำส่ง ภ.พ.36 หรือไม่ 

คำตอบ

ตอบ  จากคำถามไม่ได้ระบุว่าบริษัทในเครือเดียวกันที่จดทะเบียนในประเทศฮ่องกง(สมมุติชื่อบริษัทท H) 


ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ.36


          บริษัทต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ต้องนำส่ง ภ.พ.36) ตามมาตรา 83/6(2)(ข)   เนื่องจากการให้บริการหาลูกค้าที่ต่างประเทศ และส่งผลของบริการ(ผลของการหาลูกค้า) มาใช้ในประเทศไทย


มาตรา 83/6   เมื่อมีการชำระราคาสินค้าหรือ ราคาค่าบริการให้กับผู้ประกอบการดังต่อไปนี้ ให้ผู้จ่ายเงินค่าซื้อสินค้า หรือค่าบริการมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลเพิ่มที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่เสียภาษี
 
    (1) ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรซึ่งได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้า หรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราวตามมาตรา 85/3
     “(2) ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรทั้งนี้ เฉพาะ
        (ก) ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน
        (ข) ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการอื่นนอกจากบริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ทุกราย”




ภาษีหัก ณ ที่จ่าย  ภ.ง.ด.54



ค่านายหน้าจากการหาลูกค้ามาใช้บริการของบริษัทฯ ในประเทศไทย เข้าลักษณะเป็นกำไรจากธุรกิจ   


1. ถ้าบริษัท H  ไม่มีสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย ตามข้อ 5 แห่งอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทย และ ฮ่องกง  (มีลูกจ้าง/ตัวแทนในการหาลูกค้า อยู่ในประเทศไทยเกินกว่าหกเดือนในปีภาษี) >> บริษัทไม่ต้องหัก ภาษีณ ที่จ่าย (ไม่ต้องนำส่ง ภ.ง.ด.54)   ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ในประเทศไทย ตาม มาตรา 70 ประกอบกับ DTA TH-HONGKONG 


2. ถ้าบริษัท H  มีสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย ตามข้อ 5 แห่งอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทย และ ฮ่องกง (มีลูกจ้าง/ตัวแทนในการหาลูกค้า อยู่ในประเทศไทยเกินกว่าหกเดือนในปีภาษี) >> บริษัทต้องหัก ภาษีณ ที่จ่าย (นำส่ง ภ.ง.ด.53) ในอัตรา 5% ตามมาตรา 76 ทวิ ประกอบกับ ทป.4/2528 ข้อ 12




เรื่อง

การหักภาษีเงินได้นิติบุคคล ณ ที่จ่าย กรณีจ่ายค่านายหน้าให้บุคคลหรือนิติบุคคลต่างประเทศ

แหล่งที่มา

ข้อหารือ กรมสรรพากร

เลขที่หนังสือ

กค 0811/16135        วันที่ 23/11/1998

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ข้อกฎหมาย

มาตรา 40 (2), พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505, อนุสัญญาภาษีซ้อน ไทย-ญี่ปุ่น

ข้อหารือ

     บริษัทฯ จ่ายเงินค่านายหน้าให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น จากการหาลูกค้ามาใช้บริการของบริษัทฯ ในประเทศไทย โดยผู้เป็นนายหน้าไม่มีสถานประกอบการในประเทศไทยบริษัทฯมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย หรือไม่

แนววินิจฉัย

     ค่านายหน้าจากการหาลูกค้ามาใช้บริการของบริษัทฯ ในประเทศไทย เข้าลักษณะเป็นกำไรจากธุรกิจและหากบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลผู้เป็นนายหน้ามีถิ่นที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยมิได้ประกอบกิจการเป็นนายหน้าผ่านสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย ตามนัยข้อ 5 แห่งอนุสัญญาระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลผู้เป็นนายหน้า ย่อมได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ในประเทศไทยสำหรับค่านายหน้าที่ได้รับ ตามข้อ 7วรรคหนึ่ง แห่งอนุสัญญาฯ และมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505 ดังนั้นเมื่อบริษัทฯ จ่ายค่านายหน้าในกรณีดังกล่าวบริษัทฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แต่อย่างใด

เลขตู้

61/27287



อนุสัญญาภาษีซ้อน ไทย ฮ่องกง

ข้อ 5 สถานประกอบการถาวร

 

















หมายเหตุ ข้อหารือ กค 0811/15588 ลงวันที่ 10/11/2541  ในข้อ 2 ฮ่องกง ระบุให้หัก ณ ที่จ่าย (เนื่องจาก DTA TH – HK มีผลบังคับในปี 2549  ดังนั้นข้อหารือด้านล่างจึงไม่ได้พิจารณาอนุสัญญาภาษีซ้อนร่วมด้วย   คำวินิจฉัยจึงระบุให้หัก ณ ที่จ่ายค่ะ


เรื่อง

ภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่าย กรณีจ่ายค่านายหน้าให้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล

แหล่งที่มา

ข้อหารือ กรมสรรพากร

เลขที่หนังสือ

กค 0811/15588         วันที่ 10/11/2541

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ข้อกฎหมาย

มาตรา 41, มาตรา 50 (1), มาตรา 70, มาตรา 76 ทวิ, พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505

ข้อหารือ

     บริษัทฯ จ่ายค่านายหน้าในการขายสินค้าให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการในประเทศไทย และมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทยโดยบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลดังกล่าวมีถิ่นที่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศมาเลเซีย และฮ่องกงบริษัทฯ จะมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายหรือไม่ อย่างไร

แนววินิจฉัย

     1. กรณีที่บริษัทฯ จ่ายค่านายหน้าให้กับบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งมีถิ่นที่อยู่ ในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศมาเลเซีย เนื่องจากค่านายหน้าเข้าลักษณะเป็นกำไรจากธุรกิจ ดังนั้น กรณีที่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งได้รับค่านายหน้า มีถิ่นที่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาหรือในประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับประเทศไทย จึงอาจพิจารณาภาระภาษีได้ ดังนี้

         (ก) กรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งเป็นนายหน้าดังกล่าว มิได้ประกอบกิจการโดยผ่านสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งเป็นนายหน้านั้น จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ในประเทศไทย ตามข้อ 7 วรรคหนึ่ง แห่งอนุสัญญาระหว่างประเทศไทยกับประเทศสหรัฐอเมริกาหรือประเทศมาเลเซียเพื่อเว้นการเก็บภาษีซ้อนแล้วแต่กรณี และตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505 ฉะนั้น เมื่อบริษัทฯ จ่ายค่านายหน้าให้กับบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งเป็นนายหน้าดังกล่าว บริษัทฯ จึงไม่มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้แต่อย่างใด อย่างไรก็ดี สำหรับกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีถิ่นที่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลดังกล่าวจะต้องไม่ถูกจำกัดสิทธิประโยชน์ในการใช้อนุสัญญาฯ ตามข้อ 18 แห่งอนุสัญญาระหว่างประเทศไทยกับประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนด้วย

         (ข) กรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งเป็นนายหน้าดังกล่าว ประกอบกิจการโดยผ่านสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย แยกพิจารณาได้ดังนี้

              - บุคคลธรรมดาดังกล่าว มีหน้าที่ต้องนำค่านายหน้าที่ได้รับมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย ตามมาตรา 41 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร และโดยที่ค่านายหน้าดังกล่าวเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อบริษัทฯ จ่ายค่านายหน้าให้แก่บุคคลธรรมดาดังกล่าวบริษัทฯ มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากร

              - นิติบุคคลดังกล่าว มีหน้าที่ต้องนำค่านายหน้ามารวมคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย ตามมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร และเมื่อบริษัทฯ จ่ายค่านายหน้าให้กับบริษัทดังกล่าว บริษัทฯ ไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แต่อย่างใด

     2. กรณีบริษัทฯ จ่ายค่านายหน้าให้กับบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในฮ่องกง

         (ก) กรณีที่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งเป็นนายหน้าดังกล่าว มิได้ประกอบกิจการในประเทศไทยเนื่องจากค่านายหน้าเข้าลักษณะเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ จ่ายค่านายหน้าให้กับบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ซึ่งมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทยบริษัทฯ มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15 ตามมาตรา 50 (1) วรรคสี่ และมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร

         (ข) กรณีที่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งเป็นนายหน้าดังกล่าว ประกอบกิจการในประเทศไทยกรณีดังกล่าวจะมีภาระภาษีเช่นเดียวกับ 1. (ข)

เลขตู้

61/27248


มาตรา 76 ทวิบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ มีลูกจ้าง หรือผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อในการประกอบกิจการในประเทศไทย ซึ่งเป็นเหตุให้ได้รับเงินได้หรือผลกำไรในประเทศไทย ให้ถือว่าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ประกอบกิจการในประเทศไทย และให้ถือว่าบุคคลผู้เป็นลูกจ้าง หรือผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อเช่นว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลเป็นตัวแทนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ และให้บุคคลนั้นมีหน้าที่ และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้ เฉพาะที่เกี่ยวกับเงินได้หรือผลกำไรที่กล่าวแล้ว
 ในกรณีที่กล่าวในวรรคแรก ถ้าบุคคลผู้มีหน้าที่และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษีไม่สามารถจะคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษี ตามบทบัญญัติในส่วนนี้ได้ ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการประเมินภาษีตามมาตรา 71(1) มาใช้บังคับโดยอนุโลม
 ในกรณีการประเมินตามความในมาตรานี้ จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้


คำสั่งกรมสรรพากร
 ที่ ท.ป. 4/2528
 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่ หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย


ข้อ 12ให้บุคคล บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินที่เป็นค่าจ้างทำของให้แก่ผู้รับจ้างซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศประกอบกิจการในประเทศไทย โดยมิได้มีสำนักงานสาขาตั้งอยู่เป็นการถาวรในประเทศไทยหักภาษี ณ ที่จ่ายโดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 5.0



หมายเหตุ: TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น  กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง

หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ