1. ตามมาตรา 65 ทวิ (9) แห่งประมวลรัษฎากร อาจแยกพิจารณา หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการจำหน่ายหนี้สูญทางภาษีอากร ได้ดังนี้ 1.1 การจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534) ซึ่งออกตามความในมาตรา 65 ทวิ (9) โดยให้ถือเป็นรายจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว 1.2 หนี้สูญดังกล่าวที่ได้รับชำระกลับคืนมาในรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้นำมารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น 1.3 สำหรับหนี้สูญรายใดที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด หากได้นำไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรหรือขาดทุนสุทธิให้ปรับปรุงบวกกลับมาเป็นรายได้ ต่อมาหากได้รับชำระหนี้สูญนั้นกลับคืนก็ไม่ต้องนำมาคำนวณเป็นรายได้อีก
2. หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจำหน่ายหนี้สูญออกจากบัญชีลูกหนี้ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534) ลงวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2534 กำหนดไว้ดังต่อไปนี้ 2.1 ลักษณะของลูกหนี้ที่จะนำมาจำหน่าย (1) ต้องเป็นหนี้จากการประกอบการหรือเนื่องจากการประกอบกิจการหรือหนี้ที่ได้รวมเป็นเงินได้ในการคำนวณกำไรสุทธิ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงหนี้ที่ผู้เป็น หรือเคยเป็นกรรมการหรือหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นลูกหนี้ ไม่ว่าหนี้นั้นจะเกิดขึ้นก่อนหรือในขณะที่ผู้นั้นเป็นกรรมการหรือหุ้นส่วนผู้จัดการ (2) ต้องเป็นหนี้ที่ยังไม่ขาดอายุความ และมีหลักฐานโดยชัดแจ้งที่สามารถฟ้องลูกหนี้ได้ 2.2 ในกรณีหนี้ของลูกหนี้แต่ละรายมีจำนวนไม่เกิน 200,000 บาท และมีลักษณะตาม 2.1 การจําหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ ให้กระทำได้โดยไม่ต้องดำเนินการฟ้องร้องในคดีแพ่งตาม 2.3 หรือฟ้องล้มละลายตาม 2.4 ถ้าปรากฏว่าได้มีหลักฐานการติดตามทวงถามให้ชําระหนี้ตามสมควรแก่กรณีแล้ว แต่ไม่ได้รับชําระหนี้และหากจะฟ้องลูกหนี้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่คุ้มกับหนี้ที่จะได้รับชําระ (ข้อ 6 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534)) 2.3 ในกรณีหนี้ของลูกหนี้แต่ละรายมีจำนวนไม่เกิน 2,000,000 บาท หนี้สูญที่จะจําหน่ายจากบัญชีลูกหนี้นอกจากต้องมีลักษณะตาม 2.1 แล้ว ต้องมีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ด้วย (1) ได้ดำเนินการตามข้อ 2.4 (1) แล้ว (2) ได้ดำเนินการฟ้องลูกหนี้ในคดีแพ่งและศาลได้มีคำสั่งรับคําฟ้องนั้นแล้ว หรือได้ยื่นคําขอเฉลี่ยหนี้ในคดีที่ลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้รายอื่นฟ้องในคดีแพ่งและศาลได้มีคำสั่งรับคําขอนั้นแล้ว (3) ได้ดำเนินการฟ้องลูกหนี้ในคดีล้มละลายและศาลได้มีคำสั่งรับคําฟ้องนั้นแล้ว หรือในคดีที่ผู้ชําระบัญชีร้องขอให้ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายและศาลได้มีคำสั่งรับคําฟ้องนั้นแล้วหรือได้ยื่นคําขอรับชําระหนี้ในคดีที่ลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้รายอื่นฟ้องในคดีล้มละลาย และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาล แล้วแต่กรณี ได้มีคำสั่งรับคําขอรับชําระหนี้นั้นแล้ว ในกรณีตาม (2) หรือ (3) กรรมการหรือหุ้นส่วนผู้จัดการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้เป็นเจ้าหนี้ ต้องมีคำสั่งอนุมัติให้จําหน่ายหนี้นั้นเป็นหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีนั้น การดำเนินการตาม (2) หรือ (3) ที่ได้กระทำในต่างประเทศหรือการดำเนินการอื่นในลักษณะทํานองเดียวกันที่ได้กระทำในต่างประเทศ ต้องมีเอกสารหลักฐานแห่งการดำเนินการที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายของประเทศนั้น ๆ ออกให้ และหลักฐานดังกล่าวต้องได้รับการรับรองคําแปลจากภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทย ตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการรับรองเอกสาร (ข้อ 5 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534)) 2.4 ในกรณีหนี้ของลูกหนี้แต่ละรายมีจำนวนเกิน 2,000,000 บาท หนี้สูญที่จะจําหน่ายจากบัญชีลูกหนี้นอกจากต้องมีลักษณะตาม 2.1 แล้ว ต้องมีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ด้วย (1) ได้ติดตามทวงถามให้ชําระหนี้ตามสมควรแก่กรณี โดยมีหลักฐานการติดตามทวงถามอย่างชัดแจ้ง แต่ไม่ได้รับชําระหนี้ โดยปรากฏว่า (ก) ลูกหนี้ถึงแก่ความตาย เป็นคนสาบสูญ หรือมีหลักฐานว่าหายสาบสูญไป และไม่มีทรัพย์สินใด ๆ จะชําระหนี้ได้ หรือ (ข) ลูกหนี้เลิกกิจการ และมีหนี้ของเจ้าหนี้รายอื่นมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินทั้งหมดของลูกหนี้อยู่ในลำดับก่อนเป็นจำนวนมากกว่าทรัพย์สินของลูกหนี้ (2) ได้ดำเนินการฟ้องลูกหนี้ในคดีแพ่งหรือได้ยื่นคําขอเฉลี่ยหนี้ในคดีที่ลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้รายอื่นฟ้องในคดีแพ่ง โดยได้มีหมายบังคับคดีของศาลแล้วและมีรายงานการบังคับคดีครั้งแรกของเจ้าพนักงานบังคับคดีอันสามารถแสดงได้ว่าได้มีการดำเนินการบังคับคดีแล้ว แต่ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินใดจะชําระหนี้ได้ (3) ได้ดำเนินการฟ้องลูกหนี้ในคดีล้มละลายหรือได้ยื่นคําขอรับชําระหนี้ในคดีที่ลูกหนี้ ถูกเจ้าหนี้รายอื่นฟ้องในคดีล้มละลายหรือในคดีที่ผู้ชําระบัญชีร้องขอให้ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายโดยได้มีการประนอมหนี้กับลูกหนี้โดยศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยกับการประนอมหนี้นั้นหรือลูกหนี้ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายและได้มีการแบ่งทรัพย์สินของลูกหนี้ครั้งแรกหรือศาลได้มีคำสั่งปิดคดีแล้ว การดำเนินการตาม (2) หรือ (3) ที่ได้กระทำในต่างประเทศหรือการดำเนินการอื่นในลักษณะทํานองเดียวกันที่ได้กระทำในต่างประเทศ ต้องมีเอกสารหลักฐานแห่งการดำเนินการที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายของประเทศนั้น ๆ ออกให้ และหลักฐานดังกล่าวต้องได้รับการรับรองคําแปลจากภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทย ตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการรับรองเอกสาร (ข้อ 4 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534))
ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า กรณีบริษัทฯ ประกอบธุรกิจบริการให้เช่ารถ และทำสัญญาเช่ารถกับลูกค้าเป็นรายปี ได้มีการออก Invoice เรียกเก็บค่าบริการไป หลายรายการ แต่ลูกค้าไม่ได้ชำระค่าบริการตาม Invoice เรียกเก็บดังกล่าว ต่อมาบริษัทฯ จึงได้มีการฟ้องร้องต่อศาล ปัจจุบันคดีได้สิ้นสุดลงแล้ว และลูกค้ายิมยอมชดใช้หนี้ตามสัญญาประนีประนอมให้กับบริษัทฯ (เป็นเพียงบางส่วนจากยอดหนี้ทั้งหมดเท่านั้น) 1. การฟ้องร้องลูกหนี้ ที่มีจำนวนไม่เกิน 2,000,000 บาท นับแต่รอบระยะเวลาบัญชีปี 2563 เป็นต้นมา ถือว่าบริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การจำหน่ายหนี้สูญตามข้อ 5 แห่งกฎกระทรวง (ฉบับที่ 186) พ.ศ. 2534 แล้ว บริษัทฯ ต้องนำลูกหนี้ค้างชำระที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการฟ้องศาลแพ่งมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการฟ้องลูกหนี้ในคดีแพ่ง
2. เงินที่บริษัทฯ ได้รับชำระหนี้ จากการดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีดังกล่าว บริษัทฯ พึงต้องนำมา ถือเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับชำระหนี้ และเสียภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์ |