Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

การนำเครดิตภาษีต่างประเทศมาขอคืนในประเทศไทย (ภาษีถูกหัก ณ ที่จ่าย จากประเทศญี่ปุ่น)


เรื่อง การนำเครดิตภาษีต่างประเทศมาขอคืนในประเทศไทย (ภาษีถูกหัก ณ ที่จ่าย จากประเทศญี่ปุ่น)
แหล่งที่มา Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วันที่ วันที่ถาม 13/02/2018 - วันที่ตอบ 14/02/2018
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ข้อกฎหมาย พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 300) พ.ศ. 2539, ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 65)
ปุจฉา

     บริษัทฯ จดทะเบียนจัดตั้งที่ประเทศไทย และได้ไปซื้อหุ้นจดทะเบียนที่ประเทศญี่ปุ่น อัตราที่ถือหุ้นในบริษัทที่ญี่ปุ่น 90% และในปี 2558 บริษัทฯ ได้โอนให้บริษัทที่ญี่ปุ่นกู้ยืมจำนวนเงิน 50ล้านบาท (คิดเป็นเงินเยน 164 ล้านเยน) ในอัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี และต่อมาในปี 2560 บริษัทที่ญี่ปุ่นจะโอนเงินในส่วนดอกเบี้ยให้กับบริษัทฯ จำนวนเงินเยน 16 ล้านเยน และได้มีการหัก Withholding Tax 20.42% ตามอัตราภาษีของญี่ปุ่น (อัตราภาษีดอกเบี้ย) คิดเป็นจำนวนเงินเยน 3,267,200 และจำนวนเงินที่บริษัทที่ไทยจะได้รับเป็นเงินเยน 12,732,800

     1. Withholding Tax ที่ถูกหักไว้ที่ญี่ปุ่นจำนวนเงินเยน 3,267,200 บริษัทฯจะขอคืนที่ไทยได้อย่างไงคะ ที่จะเป็นที่ยอมรับของสรรพากร (เอกสารที่ญี่ปุ่นส่งมาให้ จะมีเอกสารการจ่ายค่าภาษีดอกเบี้ยที่หักยอดเงินเยน 3,267,200 ให้กับสรรพากรที่สาขาชินจุกุ,เอกสารหนังสือรับรองการหักภาษี แบบนี้ใช้เป็นหลักฐานได้ไหมคะ)
     2. Withholding Tax ที่ถูกหักจะนำมาขอคืนได้ทั้งหมดหรือไหมคะ
     3. บริษัทฯ ก็มีการจ่ายเงิน ภงด.51 กลางปี 2560 ด้วยคะ และมีเครดิตภาษีถูกหัก ปี 2560 ด้วยคะ และมีภาษีถูกหักจากญี่ปุ่นด้วยคะ ไม่รู้ว่าจะใช้สิทธิอย่างไรคะ
     4. จำนวนเงินที่ถูกหักภาษีจากญี่ปุ่น จะบันทึกรายการอย่างไรในประเทศไทย หรือว่าบันทึกเป็นภาษีเงิ
นได้ถูกหัก ณ ที่จ่ายเต็มจำนวนที่ถูกหัก

วิสัชนา

     กรณีบริษัทฯ เป็นบริษัทแม่ของบริษัทในประเทศญี่ปุ่น (ถือหุ้นในบริษัทที่ญี่ปุ่น 90%) ในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2558 บริษัทได้ให้บริษัทลูกที่ประเทศญี่ปุ่นกู้ยืมเงินจำนวนเงิน 50 ล้านบาท (คิดเป็นเงินเยน 164 ล้านเยน) คิดอัตราดอกเบี้ยในอัตรา 4% ต่อปี
ในเบื้องต้น แนวคิดทางภาษีเงินได้นิติบุคคล บริษัทฯ ต้องคิดดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยที่ได้ตกลงกัน แต่ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวต้องไม่ต่ำกว่าราคาตลาด ในวันที่ให้กู้ยืมเงิน ดังนี้
....1. กรณีบริษัทฯ นำเงินของตนที่มีอยู่ไปให้กู้ยืม อัตราดอกเบี้ยที่ได้รับหรือควรจะได้รับ ให้คิดตามอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ธนาคารประเภทเงินฝากประจำในเวลาที่มีการกู้ยืม
....2. กรณีบริษัทฯ นำเงินที่กู้ยืมมาจากบุคคลอื่นไปให้กู้ยืม อัตราดอกเบี้ยที่ได้รับหรือควรจะได้รับ ให้คิดตามอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในวันที่ได้ให้กู้ยืมเงินที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน หรือคิดดอกเบี้ยในอัตราไม่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในเวลาที่บริษัทฯ ได้กู้ยืมเงินมาทั้งนี้ กรณีบริษัทฯ นำเงินไปให้กู้ยืม โดยไม่สามารถแยกแหล่งเงินทุนได้ว่ามาจากเงินของตนที่มีอยู่หรือเงินที่กู้ยืมมาจากบุคคลอื่น ให้คิดดอกเบี้ยที่ได้รับในอัตราไม่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในเวลาที่บริษัทฯ ได้กู้ยืมเงินมา (หนังสือตอบข้อหารือกรมสรรพากรเลขที่ กค 0702/560 ลงวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558)
โดยบริษัทฯ ต้องรับรู้รายได้ค่าดอกเบี้ยตามเกณฑ์สิทธิ และตั้งเป็นรายได้ค้างรับไว้ ในงบการเงิน
และต่อมาในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2560 บริษัทที่ญี่ปุ่นจะโอนเงินในส่วนดอกเบี้ยให้กับบริษัทฯ จำนวนเงินเยน 16 ล้านเยน และได้มีการหัก Withholding Tax 20.42% ตามอัตราภาษีของญี่ปุ่น (อัตราภาษีดอกเบี้ย) คิดเป็นจำนวนเงิน 3,267,200 เยน และจำนวนเงินที่บริษัทที่ไทยจะได้รับเป็นเงิน 12,732,800 เยน
ในการปฏิบัติเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ให้บริษัทฯ ดำเนินการตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 132/2548

ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า 
1. Withholding Tax ที่ถูกหักไว้ที่ญี่ปุ่นจำนวนเงิน 3,267,200 เยน บริษัทฯ มีสิทธินำมาใช้เป็นเครดิตในประเทศไทย ได้ตามอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทย กับประเทศญี่ปุ่น
....เกณฑ์ที่ใช้เป็นเครดิต ไม่มีรายละเอียดการคำนวณไว้ในอนุสัญญาภาษีซ้อนฯ แต่ให้ศึกษาจากมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 300) พ.ศ. 2539
....“มาตรา 3 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ (นิติบุคคล) ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย เป็นจำนวนเท่ากับภาษีเงินได้ที่เสียไปในต่างประเทศ แต่ไม่เกินจำนวนภาษีที่ต้องเสียในประเทศไทย ส่วนที่คำนวณจากเงินได้จากการประกอบกิจการในต่างประเทศแต่ละประเทศ หรือจากเงินได้ที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศแต่ละประเทศ โดยมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้
..........(1) ต้องเสียภาษีเงินได้ในต่างประเทศ เนื่องจากการประกอบกิจการในต่างประเทศแต่ละประเทศ หรือจากเงินได้ที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ แล้ว
..........(2) ต้องไม่นำภาษีเงินได้ที่ได้เสียไปในต่างประเทศ ซึ่งไม่เกินจำนวนภาษีที่ต้องเสียในประเทศไทย ส่วนที่คำนวณจากเงินได้จากการประกอบกิจการในต่างประเทศแต่ละประเทศ หรือจากเงินได้ที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศแต่ละประเทศ ไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ
..........(3) ต้องมีเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการเสียภาษีในต่างประเทศที่หน่วยงานจัดเก็บภาษีเงินได้ของต่างประเทศรับรองเก็บไว้เพื่อเจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบ
..........(4) ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ได้แก่ ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 65)
....เอกสารที่ใช้จะขอคืนตามประมวลรัษฎากร ต้องเป็นหนังสือรับรองที่รัฐบาลญี่ปุ่นออกให้ จึงจะเป็นที่ยอมรับของสรรพากร โดยใช้ประกอบกับเอกสารที่ญี่ปุ่นส่งมาให้ คือ เอกสารการจ่ายค่าภาษีดอกเบี้ยที่หักยอดเงินเยน 3,267,200 ให้กับสรรพากรที่สาขาชินจุกุ หนังสือรับรองการหักภาษี

2. Withholding Tax ที่ถูกหักจะนำมาขอคืนได้ไม่ทั้งหมด ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามอนุสัญญาภาษีซ้อน ไทย – ญี่ปุ่น

3. บริษัทฯ สามารถใช้สิทธิในจำนวนภาษีเงินได้นิติบุคคลตามที่ได้ชำระตาม ภ.ง.ด.51 (กลางปี 2560) และภาษีถูกหัก ณ ที่จ่าย ปี 2560 ด้วยคะ และมีภาษีถูกหักจากญี่ปุ่น ในหน้า 2 ของแบบ ภ.ง.ด.50

4. จำนวนเงินที่ถูกหักภาษีจากญี่ปุ่น จะบันทึกรายการอย่างไรในประเทศไทย หรือว่าบันทึกเป็นภาษีเงินได้ถูกหัก ณ ที่จ่ายเต็มจำนวนที่ถูกหัก แต่ไม่เกินจำนวนภาษีที่ต้องเสียในประเทศไทย ส่วนที่คำนวณจากเงินได้จากการประกอบกิจการในประเทศญี่ปุ่น หรือจากเงินได้ที่ได้จากบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น


ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ