Case study

ภาษีมูลค่าเพิ่ม กับการ ซื้อรถ ALPHARD เพื่อให้บริการเช่ารถ และ/หรือ พร้อมคนขับ


เรื่อง ภาษีมูลค่าเพิ่ม กับการ ซื้อรถ ALPHARD เพื่อให้บริการเช่ารถ และ/หรือ พร้อมคนขับ
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 11/11/2024
ประเภทภาษี ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย
คำถาม

  บริษัทฯ ได้ซื้อรถ ALPHARD มีวัตถุประสงค์ ให้บริการเช่ารถ และ/หรือ พร้อมคนขับ จึงมีคำถามเกี่ยวกับการดำเนินกิจการให้เช่ารถดังกล่าวค่ะ

คำถาม

  1. บริษัทฯ ต้องไปจด ภ.พ.09 เพิ่มไหมคะ
  2. รถยนต์คันนี้ซื้อมาราคา 2,996,000.- บาท คิดค่าเสื่อมราคาของทุน 1 ล้านบาท ส่วนเกินเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม แต่ภาษีซื้อ 196,000.- บาท ในราคาทุนที่ซื้อมา ต้องเคลมภาษีซื้อเฉลี่ย ใช่หรือไม่คะ และเป็นค่าเฉลี่ยที่ใช้อยู่เดิมถูกต้องไหมคะ (ภาษีซื้อเฉลี่ย บริษัทฯ ใช้ในการคำนวณจากรายได้ของปีก่อนมาเป็นฐาน)
  3. ค่าใช้จ่ายของรถยนต์คันนี้ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ค่าเบี้ยประกันภัย เป็นต้น บันทึกและเคลมภาษีซื้อเฉลี่ยเหมือนข้อ 1 ไหมคะ บัญชีได้แยกบันทึกรายได้และต้นทุนดำเนินงานของการให้เช่ารถ
  4. ในบางครั้ง ถ้าบริษัทฯ นำรถดังกล่าวมาใช้งานในบริษัท การบันทึกบัญชีอย่างไร และมีภาษีอะไรเกี่ยวข้องบ้างไหมคะ แยกต่างจากข้อ 2 เป็นค่าใช้จ่ายบริหารงานค่ะ
คำตอบ



คำตอบข้อ 1

 

คำถาม  1.บริษัทฯ ต้องไปจด ภ.พ.09 เพิ่มไหมคะ

คำตอบ

1. กรณีบริษัทมีเพิ่มประเภทในการประกอบกิจการ ให้บริการเช่ารถยนต์และ/หรือพร้อมคนขับ หากบริษัทมีความตั้งใจจะประกอบกิจการนี้เป็นประจำ และมีรายได้นี้สม่ำเสมอ บริษัทฯ ก็ควรต้องยื่นแบบ ภ.พ.09 เพื่อแจ้งเพิ่มประเภทกิจการต่ออธิบดีกรมสรรพากร ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่มีการให้บริการดังกล่า ตามมาตรา 85/6 แห่งประมวลรัษฎากร


มาตรา 85/6ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงชื่อสถานประกอบการ ประเภทกิจการ ประเภทสินค้าหรือบริการ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงนั้น ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ภายในสิบห้าวันนับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
 การแจ้งการเปลี่ยนแปลงรายการตามวรรคหนึ่ง และการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เปลี่ยนแปลงรายการแล้ว ให้เป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด



คำตอบข้อ 2

คำถาม 2   รถยนต์คันนี้ซื้อมาราคา 2,996,000.- บาท คิดค่าเสื่อมราคาของทุน 1 ล้านบาท ส่วนเกินเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม แต่ภาษีซื้อ 196,000.- บาท ในราคาทุนที่ซื้อมา ต้องเคลมภาษีซื้อเฉลี่ย ใช่หรือไม่คะ และเป็นค่าเฉลี่ยที่ใช้อยู่เดิมถูกต้องไหมคะ (ภาษีซื้อเฉลี่ย บริษัทฯ ใช้ในการคำนวณจากรายได้ของปีก่อนมาเป็นฐาน)

คำตอบ

2. รถยนต์คันนี้ซื้อมาราคา 2,996,000 บาท (ราคาก่อนภาษีมูลค่าเพิ่ม  2,800,000  บาท + ภาษีมูลค่าเพิ่ม 196,000 บาท)

กรณีซื้อรถยนต์ ALPHARD คันนี้มาเพื่อประกอบกิจการให้เช่ารถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต บริษัทฯ จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรสำหรับรถยนต์คันดังกล่าวดังนี้

2.1 ภาษีมูลค่าเพิ่ม

     - ประกอบกิจการให้เช่ารถยนต์ เป็นการเช่าใช้ทรัพย์สินที่เป็นสังหาริมทรัพย์ เข้าลักษณะเป็นการประกอบกิจการที่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 (1) แห่งประมวลรัษฎากร

     - ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อรถยนต์มูลค่า 196,000 บาท บริษัทฯ สามารถนำมาใช้เป็นเครดิตหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ทั้งจำนวน โดยไม่ต้องเฉลี่ยภาษีซื้อเนื่องจากเป็นต้นทุนทางตรงของกิจการ VAT

ภาษีซื้อดังกล่าวไม่เป็นภาษีซื้อต้องห้าม ตามมาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 (1) วรรคสอง ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42)ฯ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 88)ฯ


แต่มีเงื่อนไขว่า รถยนต์ ALPHARD คันนี้ จะต้องนำมาใช้ในกิจการให้เช่ารถยนต์ (VAT ) เท่านั้น ห้ามนำมาใช้ในกิจการ NON VAT โดยเด็ดขาด


2.1 ภาษีเงินได้นิติบุคคล

บริษัทฯ สามารถบันทึกซื้อรถยนต์เป็นสินทรัพย์ และคำนวณค่าเสื่อมราคาได้ทั้งจำนวน 2,800,000  บาท ไม่จำกัดมูลค่าว่าต้องไม่เกิน 1 ล้านบาท เหมือนกรณีการได้มาเพื่อใช้ในการประกอบกิจการทั่วไป ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 

แต่มีเงื่อนไขว่า รถยนต์ ALPHARD คันนี้ จะต้องนำมาใช้ในกิจการให้เช่ารถยนต์ (VAT ) เท่านั้น ห้ามนำมาใช้ในกิจการอื่นโดยเด็ดขาด




คำตอบข้อ 3

คำถาม 3 ค่าใช้จ่ายของรถยนต์คันนี้ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ค่าเบี้ยประกันภัย เป็นต้น บันทึกและเคลมภาษีซื้อเฉลี่ยเหมือนข้อ 1 ไหมคะ บัญชีได้แยกบันทึกรายได้และต้นทุนดำเนินงานของการให้เช่ารถ

คำตอบ

3. ค่าใช้จ่ายอื่นๆของรถยนต์คันนี้ หากนำมาใช้ในการประกอบกิจการให้เช่ารถยนต์นั่งเพียงอย่างเดียว บริษัทฯ สามารถรับรู้เป็นรายจ่ายต้นทุนได้ทั้งจำนวนส่วนภาษีซื้อ สามารถนำมาใช้เป็นเครดิตหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ทั้งจำนวน โดยไม่ต้องเฉลี่ยภาษีซื้อเนื่องจากเป็นต้นทุนทางตรงของกิจการ VAT




คำตอบข้อ 4

คำถาม 4  ในบางครั้ง ถ้าบริษัทฯ นำรถดังกล่าวมาใช้งานในบริษัท การบันทึกบัญชีอย่างไร และมีภาษีอะไรเกี่ยวข้องบ้างไหมคะ แยกต่างจากข้อ 2 เป็นค่าใช้จ่ายบริหารงานค่ะ

คำตอบ

การนำรถยนต์คันดังกล่าว ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาใช้ในการประกอบกิจการให้เช่ารถยนต์นั่ง หากบริษัทฯ นำมาใช้ในกิจการอื่น เช่น ใช้ในกิจการ NON VAT เช่นนี้ บริษัทจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามข้อ 2 – 3 เลย ทั้งภาษีซื้อและรายจ่าย ดังนั้น ไม่แนะนำให้นำมาใช้ในกิจการอื่นที่ไม่อยู่ในระบบ VAT


** หากบริษัทนำรถยนต์คันดังกล่าว มาใช้ร่วมกันทั้ง 2 กิจการ คือ VAT & NON VAT 

  • ภาษีซื้อจากรถยนต์นั่ง มูลค่า 196,000 บาท จะไม่สามารถนำมาใช้เป็นเครดิตหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ส่วนของกิจการที่เป็น VAT ที่เฉลี่ยภาษีซื้อออกมาแล้วจะต้องถือเป็นภาษีซื้อต้องห้าม ตามมาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 (1) วรรคสอง ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42)ฯ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 88)ฯแต่สามารถนำภาษีมูลค่าเพิ่มที่เฉลี่ยออกมาลงเป็นรายจ่ายของรถยนต์คันกล่าวได้


  • ภาษีซื้อจากรายจ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์นั่ง ส่วนของกิจการที่เป็น VAT ที่เฉลี่ยภาษีซื้อออกมาแล้วจะต้องถือเป็นภาษีซื้อต้องห้าม ตามมาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร แต่สามารถนำภาษีมูลค่าเพิ่มที่เฉลี่ยออกมาลงเป็นรายจ่ายของรถยนต์คันกล่าวได้


  • การคำนวณค่าเสื่อมราคาทรัพย์สิน หรือรายจ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ไม่เกิน 1 ล้านบาท ส่วนที่เกินถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม ตามมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527

          

หากบริษัทต้องการจะใช้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากรอย่างเต็มที่และคุ้มค่าที่สุด  ก็ควรมีนโยบายที่ชัดเจนว่า รถยนต์คันดังกล่าว ต้องนำมาใช้ในกิจการให้เช่ารถยนต์ (VAT) แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น 



อ้างอิงข้อกฏหมาย

1. ตามมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 620) พ.ศ. 2559 การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ 505) พ.ศ. 2553 ให้ยังคงใช้บังคับต่อไป เฉพาะทรัพย์สินที่ได้มาก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559

    “มาตรา 5 การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาจากมูลค่าต้นทุนเฉพาะส่วนที่ไม่เกินหนึ่งล้านบาท เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้ ให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาจากมูลค่าต้นทุนทั้งหมด

        (1) ทรัพย์สินซึ่งมีไว้ใช้ในกิจการให้เช่ารถยนต์ ทั้งนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องไม่นำทรัพย์สินดังกล่าวไปใช้ในกิจการอื่น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

        (2) ทรัพย์สินที่เป็นรถยนต์ต้นแบบที่ใช้เพื่อการวิจัย พัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะที่ได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิตตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิตทรัพย์สินตามวรรคหนึ่งต้องได้มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559 เป็นต้นไป” 

    

2. ตามมาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 (1) วรรคสอง ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42)ฯ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 88)ฯ ใช้บังคับ 1 มกราคม พ.ศ. 2542 เป็นต้นไป ได้กำหนดให้ การประกอบกิจการให้บริการเช่ารถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต สามารถนำภาษีซื้อที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ดังกล่าวไปใช้เป็นเครดิตหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้

    “ข้อ 2 ภาษีซื้อดังต่อไปนี้ ไม่ให้นำมาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร

        (1) ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อ เช่าซื้อ เช่า หรือรับโอนรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต และภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือการรับบริการที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต

            ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับสำหรับการขายรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต และการให้บริการเช่ารถยนต์ดังกล่าวของตนเองโดยตรง และการให้บริการรับประกันวินาศภัยสำหรับรถยนต์ดังกล่าว” 


3. ตามมาตรา 65 ตรี (20) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 5/1  แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยรายจ่ายที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ (ฉบับที่ 315) พ.ศ. 2540 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 504) พ.ศ. 2553

    “มาตรา 4 รายจ่ายต่อไปนี้ ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ

        (1) มูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งและรถยนต์ โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต เฉพาะส่วนที่เกิน คันละหนึ่งล้านบาท

        (2) ค่าเช่าทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มี ที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต เฉพาะส่วนที่เกินคันละสาม หมื่นหกพันบาทต่อเดือนในกรณีที่เช่าเป็นรายเดือนหรือรายปี หรือค่าเช่าส่วนที่เกินคันละ หนึ่งพันสองร้อยบาทต่อวันในกรณีที่เช่าเป็นรายวัน เศษของเดือนให้คิดเป็นวัน หากเช่า ไม่ถึงหนึ่งวัน ให้คำนวณค่าเช่าตามส่วนของระยะเวลาที่เช่า ทั้งนี้ โดยรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ด้วย

    มาตรา 5 บทบัญญัติมาตรา 4 (1ไม่ใช้บังคับกับรายจ่ายที่เกิดจากซื้อหรือ การเช่าซื้อทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมาย ว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ในกรณีที่

        (1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบธุรกิจซื้อขายหรือ ให้เช่าซื้อรถยนต์ประเภทดังกล่าวไว้เพื่อเป็นสินค้า หรือ

        (2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบธุรกิจให้เช่ารถยนต์ มีรถยนต์ประเภทดังกล่าวไว้เพื่อการให้เช่า เฉพาะมูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือหลังจากหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาตามมาตรา 65 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร

    มาตรา 5/1 บทบัญญัติมาตรา 4 (2) ไม่ใช้บังคับกับรายจ่ายที่เกิดจากการเช่าทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบธุรกิจให้เช่ารถยนต์ได้เช่ารถยนต์ประเภทดังกล่าวไว้เพื่อการให้เช่า” 






อ้างอิงคำตอบ


เรื่อง

การให้เช่ารถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 22/10/2021 - วันที่ตอบ 16/12/2021

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 145), (ฉบับที่ 620)

ปุจฉา

กิจการขายสินค้า และรับเหมาก่อสร้าง เป็นปกติธุระ ต่อมาได้ซื้อรถยนต์นั่งมา 1 คันเพื่อให้เช่าเพียงอย่างเดียว (และได้แก้ไขเพิ่มเติมในวัตถุที่ประสงค์แล้วว่า ประกอบกิจการให้เช่ารถยนต์นั่ง)ขอเรียนถามว่ากรณีเช่นนี้เข้าข่ายประกอบกิจการให้เช่ารถยนต์นั่งและได้ประโยชน์ทางภาษีอากรในเรื่องภาษีซื้อและต้นทุนส่วนที่เกิน 1 ล้านบาทหรือไม่คะ ถ้าไม่กิจการจะต้องทำอย่างไรถึงจะได้ประโยชน์ทางภาษีอากรข้างต้น

วิสัชนา

ตามมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 620) พ.ศ. 2559 การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ 505) พ.ศ. 2553 ให้ยังคงใช้บังคับต่อไป เฉพาะทรัพย์สินที่ได้มาก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559

    “มาตรา 5 การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาจากมูลค่าต้นทุนเฉพาะส่วนที่ไม่เกินหนึ่งล้านบาท เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้ ให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาจากมูลค่าต้นทุนทั้งหมด

        (1) ทรัพย์สินซึ่งมีไว้ใช้ในกิจการให้เช่ารถยนต์ ทั้งนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องไม่นำทรัพย์สินดังกล่าวไปใช้ในกิจการอื่น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

        (2) ทรัพย์สินที่เป็นรถยนต์ต้นแบบที่ใช้เพื่อการวิจัย พัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะที่ได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิตตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิตทรัพย์สินตามวรรคหนึ่งต้องได้มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559 เป็นต้นไป” 

    ตามมาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 (1) วรรคสอง ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42)ฯ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 88)ฯ ใช้บังคับ 1 มกราคม พ.ศ. 2542 เป็นต้นไป ได้กำหนดให้ การประกอบกิจการให้บริการเช่ารถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต สามารถนำภาษีซื้อที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ดังกล่าวไปใช้เป็นเครดิตหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้

    “ข้อ 2 ภาษีซื้อดังต่อไปนี้ ไม่ให้นำมาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร

        (1) ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อ เช่าซื้อ เช่า หรือรับโอนรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต และภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือการรับบริการที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต

            ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับสำหรับการขายรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต และการให้บริการเช่ารถยนต์ดังกล่าวของตนเองโดยตรง และการให้บริการรับประกันวินาศภัยสำหรับรถยนต์ดังกล่าว” 

และตามมาตรา 65 ตรี (20) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 5/1  แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยรายจ่ายที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ (ฉบับที่ 315) พ.ศ. 2540 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 504) พ.ศ. 2553

    “มาตรา 4 รายจ่ายต่อไปนี้ ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ

        (1) มูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งและรถยนต์ โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต เฉพาะส่วนที่เกิน คันละหนึ่งล้านบาท

        (2) ค่าเช่าทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มี ที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต เฉพาะส่วนที่เกินคันละสาม หมื่นหกพันบาทต่อเดือนในกรณีที่เช่าเป็นรายเดือนหรือรายปี หรือค่าเช่าส่วนที่เกินคันละ หนึ่งพันสองร้อยบาทต่อวันในกรณีที่เช่าเป็นรายวัน เศษของเดือนให้คิดเป็นวัน หากเช่า ไม่ถึงหนึ่งวัน ให้คำนวณค่าเช่าตามส่วนของระยะเวลาที่เช่า ทั้งนี้ โดยรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ด้วย

    มาตรา 5 บทบัญญัติมาตรา 4 (1) ไม่ใช้บังคับกับรายจ่ายที่เกิดจากซื้อหรือ การเช่าซื้อทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมาย ว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ในกรณีที่

        (1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบธุรกิจซื้อขายหรือ ให้เช่าซื้อรถยนต์ประเภทดังกล่าวไว้เพื่อเป็นสินค้า หรือ

        (2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบธุรกิจให้เช่ารถยนต์ มีรถยนต์ประเภทดังกล่าวไว้เพื่อการให้เช่า เฉพาะมูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือหลังจากหักค่า สึกหรอและค่าเสื่อมราคาตามมาตรา 65 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร

    มาตรา 5/1 บทบัญญัติมาตรา 4 (2) ไม่ใช้บังคับกับรายจ่ายที่เกิดจากการเช่าทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบธุรกิจให้เช่ารถยนต์ได้เช่ารถยนต์ประเภทดังกล่าวไว้เพื่อการให้เช่า” 


ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า

กรณีบริษัทฯ มีดำริที่จะประกอบกิจการให้เช่ารถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต บริษัทฯ ย่อมได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรสำหรับรถยนต์ดังกล่าวที่ได้มาเพื่อการให้เช่าดังนี้

    1. ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อ เช่าซื้อ เช่า หรือรับโอนรถยนต์ดังกล่าว และภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือการรับบริการที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ดังกล่าว สามารถนำมาใช้เป็นเครดิตหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้

    2. การคำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคารถยนต์ดังกล่าวได้เต็มมูลค่าต้นทุนการได้มาซึ่งรถยนต์ดังกล่าว ไม่จำกัดที่จำนวนไม่เกิน 1 ล้านบาท ดังเช่นกรณีการได้มาเพื่อใช้ในการประกอบกิจการทั่วไป ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 

    3. มูลค่าต้นทุนรถยนต์ดังกล่าวเพื่อการให้เช่าในส่วนที่เกิน 1 ล้านบาท และค่าเช่ารถยนต์ดังกล่าว ในส่วนที่เกิน 36,000 บาทต่อคันต่อเดือน หรือ 1,200 บาทต่อคันต่อวัน ไม่ถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (20) แห่งประมวลรัษฎากร และพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 315) พ.ศ. 2540



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"



เรื่อง

บริษัทฯ ทำธุรกิจบริการรถเช่า ค่าบริการ น้ำมัน ทางด่วน ต้องหัก ณ ที่จ่ายอย่างไร

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 26/12/2022 - วันที่ตอบ 05/02/2023

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ข้อกฎหมาย

พระราชกฤษฎีกาฯ ว่าด้วยรายจ่ายที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ (ฉบับที่ 315) พ.ศ. 2540

ปุจฉา

กรณีบริษัทฯ ทำธุรกิจบริการรถเช่า ซึ่งรถที่ให้บริการจะเป็น รถ VIP เช่น Benz, Alphard ทั้งส่วนที่เกิน 10 ที่นั่ง และไม่เกิน

อยากสอบถามว่า

    1.ค่าใช้จ่ายการเช่ารถมาประกอบกิจการ สามารถลงได้ทั้งจำนวนหรือไม่ ถ้าเกิน 36,000 ต่อเดือนครับ (คือรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่อคันประมาณ 2 แสนครับ ค่าเช่ารถประมาณ 6-7 หมื่นต่อคัน)หรือสามารถมองเป็นการบริการหรือสินค้าให้บริการได้รบกวนขอคำแนะนำครับ

    2. กรณีแยกค่าบริการ ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วนถ้าออกบิลเดียวกันสามารถ หัก ณ ที่จ่ายเฉพาะค่าบริการได้หรือไม่ครับ หรือแล้วแต่ตกลงครับ

    3.กรณีบริการรถพร้อมคนขับตามที่ลูกค้าวางแผนไว้ต้องหัก ณ ที่จ่าย 3% หรือ 5% ครับ

วิสัชนา

ตามมาตรา 65 ตรี (20) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยรายจ่ายที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ (ฉบับที่ 315) พ.ศ. 2540 ได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต และค่าเช่าทรัพย์สินรถยนต์ดังกล่าวไว้ดังต่อไปนี้

    “มาตรา 4 รายจ่ายต่อไปนี้ ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ

          (1) มูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งและรถยนต์ โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต เฉพาะส่วนที่เกิน คันละหนึ่งล้านบาท

          (2) ค่าเช่าทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มี ที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต เฉพาะส่วนที่เกินคันละสามหมื่นหกพันบาทต่อเดือนในกรณีที่เช่าเป็นรายเดือนหรือรายปี หรือค่าเช่าส่วนที่เกินคันละหนึ่งพันสองร้อยบาทต่อวันในกรณีที่เช่าเป็นรายวัน เศษของเดือนให้คิดเป็นวัน หากเช่า ไม่ถึงหนึ่งวัน ให้คำนวณค่าเช่าตามส่วนของระยะเวลาที่เช่า ทั้งนี้ โดยรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ด้วย

     มาตรา 5 บทบัญญัติมาตรา 4 (1) ไม่ใช้บังคับกับรายจ่ายที่เกิดจากซื้อหรือ การเช่าซื้อทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมาย ว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ในกรณีที่

          (1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบธุรกิจซื้อขายหรือ ให้เช่าซื้อรถยนต์ประเภทดังกล่าวไว้เพื่อเป็นสินค้า หรือ

          (2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบธุรกิจให้เช่ารถยนต์ มีรถยนต์ประเภทดังกล่าวไว้เพื่อการให้เช่า เฉพาะมูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือหลังจากหักค่า สึกหรอและค่าเสื่อมราคาตามมาตรา 65 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร

     มาตรา 5/1 บทบัญญัติมาตรา 4 (2) ไม่ใช้บังคับกับรายจ่ายที่เกิดจากการเช่าทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบธุรกิจให้เช่ารถยนต์ได้เช่ารถยนต์ประเภทดังกล่าวไว้เพื่อการให้เช่า” 



 

ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า

กรณีกรณีบริษัทฯ ประกอบกิจการให้บริการรถเช่า ซึ่งรถยนต์ที่ให้บริการจะเป็น รถ VIP เช่น Benz, Alphard ทั้งที่เป็นรถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน และเกินกว่า 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต

    1. ค่าเช่ารถยนต์ที่นำมาใช้ในการประกอบกิจการ บริษัทฯ สามารถนำมาถือเป็นรายจ่ายได้เต็มจำนวนตามที่จ่ายจ่ายจริง แม้จะมีจำนวนเกินกว่า 36,000 ต่อคันต่อเดือนก็ตาม ทั้งนี้ ตามมาตรา 5/1 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยรายจ่ายที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ (ฉบับที่ 315) พ.ศ. 2540

    2. กรณีแยกค่าบริการเช่ารถยนต์ ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ไม่ว่าจะออกบิลเดียวกันหรือแยกบิล ถือเป็นค่าบริการเช่ารถยนต์ทั้งหมด ผู้เช่าที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตรา 5% ของค่าบริการทั้งหมดดังกล่าว

    3. กรณีบริการรถพร้อมคนขับตามที่ลูกค้าวางแผนไว้ ถือเป็นการให้บริการเช่ารถยนต์ เนื่องจากเป็นกรณีที่บริษัทฯ ได้ส่งมอบรถยนต์ให้แก่ลูกค้าได้ใช้ประโยชน์ จึงต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตรา 5% ของเงินได้ค่าบริการพร้อมคนขับ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"


เรื่อง

ทำธุรกิจให้เช่ารถยนต์และซื้อรถยนต์นั่ง ในราคาคันละ 5 ล้านบาท บันทึกเป็นสินทรัพย์ทั้งจำนวน

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 27/08/2024 - วันที่ตอบ 10/09/2024

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 88)

ปุจฉา

หากเราทำธุรกิจให้เช่ารถยนต์และซื้อรถยนต์นั่งแบบไม่เกิน 7 ที่นั่งมาไว้ให้เช่าในราคาคันละ 5 ล้านบาท ถ้าเป็นเช่นนี้รถยนต์ที่เราซื้อมาบันทึกเป็นสินทรัพย์และคิดค่าเสื่อมราคาได้ทั้งก้อนไหมคะ

วิสัชนา

1. ตามมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 620) พ.ศ. 2559 การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ 505) พ.ศ. 2553 ให้ยังคงใช้บังคับต่อไป เฉพาะทรัพย์สินที่ได้มาก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559 ได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การคำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ดังนี้

    "มาตรา 5 การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาจากมูลค่าต้นทุนเฉพาะส่วนที่ไม่เกินหนึ่งล้านบาท เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้ ให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาจากมูลค่าต้นทุนทั้งหมด

         (1) ทรัพย์สินซึ่งมีไว้ใช้ในกิจการให้เช่ารถยนต์ ทั้งนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องไม่นำทรัพย์สินดังกล่าวไปใช้ในกิจการอื่น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

         (2) ทรัพย์สินที่เป็นรถยนต์ต้นแบบที่ใช้เพื่อการวิจัย พัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะที่ได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิตตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิตทรัพย์สินตามวรรคหนึ่งต้องได้มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559 เป็นต้นไป"  



 

2. ตามข้อ 2 (1) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42) เรื่อง การกำหนดภาษีซื้อที่ไม่ให้นำไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 88) ใช้บังคับ 1 มกราคม 2542 เป็นต้นไป ได้กำหนดหลักเกณฑ์ เกี่ยวกับภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อ เช่าซื้อ เช่า หรือรับโอนรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต และภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือการรับบริการที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ดังนี้

    "ข้อ 2 ภาษีซื้อดังต่อไปนี้ ไม่ให้นำมาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร

           "(1) ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อ เช่าซื้อ เช่า หรือรับโอนรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต และภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือการรับบริการที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต

(แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 71) ใช้บังคับ 4 กรกฎาคม 2539 เป็นต้นไป)

                  ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับสำหรับการขายรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต และการให้บริการเช่ารถยนต์ดังกล่าวของตนเองโดยตรง และการให้บริการรับประกันวินาศภัยสำหรับรถยนต์ดังกล่าว"



 

ดังนั้น กรณีบริษัทฯ ประกอบกิจการให้เช่ารถยนต์ และซื้อรถยนต์นั่งแบบไม่เกิน 7 ที่นั่งมาไว้ให้เช่า ในราคา คันละ 5 ล้านบาท ถ้าเป็นเช่นนี้ รถยนต์ที่บริษัทฯ ซื้อมาบันทึกเป็นสินทรัพย์ และคิดค่าเสื่อมราคาได้ทั้งจำนวน ถูกต้องแล้ว




ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"



หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ