Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

ลูกค้าจ่ายเงินค่าบริการซ้ำ / ซื้ออาหารเลี้ยงพนักงานระหว่างประชุม/อบรมภายในสำนักงาน


เรื่อง ลูกค้าจ่ายเงินค่าบริการซ้ำ / ซื้ออาหารเลี้ยงพนักงานระหว่างประชุม/อบรมภายในสำนักงาน
แหล่งที่มา Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วันที่ วันที่ถาม 04/02/2022 - วันที่ตอบ 23/04/2022
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา,ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย มาตรา 65 ตรี ข้อ (3) และ (13), มาตรา 78/1 (1), มาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร, คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528
ปุจฉา
1. ถ้าลูกค้าจ่ายเงินมาซ้ำ (จ่ายมาในเดือน มค.) กับใบแจ้งหนี้ (ที่เคยจ่ายมาแล้วก่อนหน้านี้) เราเลยบันทึกยอดเงินที่จ่ายซ้ำมานี้ไว้ในบัญชีพัก เพราะไม่มีใบแจ้งหนี้ไม่ยอดค้างให้ตัดในเดือน มค. และไม่แน่ใจว่าจะมีการให้บริการในเดือนนี้หรือไม่ สอบถามลูกค้าว่าจะให้ทำอย่างไรกับยอดนี้ ลูกค้ายังไม่ได้ให้คำตอบ เลยขอคำแนะนำค่ะว่าควรจะให้ลูกค้าแจ้งมาเพื่อทำเรื่องคืนเงินดีกว่าใช่มั้ยคะ จะได้ไม่มีประเด็นเรื่องภาษี หรือทำแบบไหนง่ายที่สุดและไม่มีประเด็นภาษีคะ ขอคำชี้แนะด้วยค่ะ

2. ขอข้อหารือเกี่ยวกับภาษีซื้อที่ซื้ออาหารเลี้ยงพนักงานระหว่างประชุม/อบรมภายในสำนักงานค่ะ พยายามหาทางเน็ตแต่ก็ไม่เจอค่ะ
วิสัชนา
1. ตามมาตรา 78/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการให้บริการดังนี้ 
    “มาตรา 78/1 ภายใต้บังคับมาตรา 78/3 ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการให้บริการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
         (1) การให้บริการนอกจากที่อยู่ในบังคับตาม (2) (3) หรือ (4) ให้ความรับผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาค่าบริการ เว้นแต่กรณีที่ได้มีการกระทำดังต่อไปนี้เกิดขึ้นก่อนได้รับชำระราคาค่าบริการก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้น ๆ ด้วย
              (ก) ได้ออกใบกำกับภาษี หรือ
              (ข) ได้ใช้บริการไม่ว่าโดยตนเองหรือบุคคลอื่น”

2. ตามข้อ 1 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 73/2541 เรื่อง การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการเรียกเก็บเงินจ่ายล่วงหน้า เงินประกัน เงินมัดจำ หรือเงินจอง
    “ข้อ 1 การให้บริการรับเหมาก่อสร้าง และได้มีการเรียกเก็บเงินจ่ายล่วงหน้าจากผู้ว่าจ้าง โดยมีข้อตกลงต้องคืนเงินดังกล่าวให้ผู้ว่าจ้าง โดยยอมให้ผู้ว่าจ้างหักเงินดังกล่าวออกจากเงินค่างานที่ผู้รับจ้างจะได้รับในแต่ละงวด เพื่อชดเชยกับเงินจ่ายล่วงหน้าที่รับไปจนกว่าจะครบถ้วน พร้อมทั้งหักเงินค่าประกันผลงานของผู้รับจ้างไว้อีกส่วนหนึ่ง และจะคืนเงินประกันผลงานให้แก่ผู้รับจ้างเมื่อหมดระยะเวลาประกันผลงาน จะมีภาระภาษีดังนี้
         (1) เงินจ่ายล่วงหน้า (ADVANCE PAYMENT)
              (ก) ผู้รับจ้างจะต้องนำเงินจ่ายล่วงหน้ามารวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 4.4 แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528 เรื่อง การใช้เกณฑ์สิทธิในการคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ.2528 
              (ข) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้ว่าจ้าง เมื่อจ่ายเงินล่วงหน้า มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ของเงินล่วงหน้าตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 
                   เมื่อมีการจ่ายค่างวดงานแต่ละงวดให้แก่ผู้รับจ้าง ผู้ว่าจ้างมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ของเงินค่างวดงานหลังหักเงินจ่ายล่วงหน้าในแต่ละงวดออกแล้ว 
              (ค) ผู้รับจ้างต้องนำเงินจ่ายล่วงหน้ามารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษี ตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร โดยถือว่าความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการเกิดขึ้นในขณะได้รับชำระเงินดังกล่าว ตามมาตรา 78/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
              กรณีการให้บริการรับจ้างทำของอย่างอื่น นอกจากการให้บริการรับเหมาก่อสร้าง และได้มีการเรียกเก็บเงินจ่ายล่วงหน้า และเงินประกันผลงาน ให้ถือปฏิบัติทำนองเดียวกับวรรคหนึ่ง

3. ตามมาตรา 65 ตรี (3) (13) แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติว่า
    “มาตรา 65 ตรี รายการต่อไปนี้ ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ
          (3) รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว การให้โดยเสน่หา หรือการกุศล...
          (13) รายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ

4. ตามมาตรา 42 (28) แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติว่า
    “มาตรา 42 กำหนดไว้ว่า
         (28) เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยาหรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธี หรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ทั้งนี้ จากบุคคลซึ่งมิใช่บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรสเฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกินสิบล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น

5. ตามมาตรา 82/5 (3) และ (4) แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติว่า
    “มาตรา 82/5 กำหนดให้ภาษีซื้อในกรณีดังต่อไปนี้ ไม่ให้นำมาหักในการคำนวณภาษีตามมาตรา 82/3
         (3) ภาษีซื้อที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการ ของผู้ประกอบการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
         (4) ภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายเพื่อการรับรองหรือ เพื่อการอันมีลักษณะทำนองเดียวกันตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า
    1. กรณีที่ลูกค้าจ่ายเงินมาซ้ำ กับที่เคยจ่ายมาแล้ว ก่อนหน้านี้ และไม่แน่ใจว่าจะมีการให้บริการในเดือนนี้อีกหรือไม่ ขอแนะนำว่า บริษัทฯ ควรแจ้งให้ลูกค้าทำจดหมายทวงคืนเงินที่ลูกค้าจ่ายซ้ำ ย่อมเป็นผลดีกว่า การที่บริษัทฯ จะเก็บเงินที่จ่ายซ้ำนั้นไว้ เพื่อชำระค่าบริการในอนาคต เนื่องจากการรับเงินจากการรับเงินค่าบริการล่วงหน้าจากลูกค้า มีผลให้ทั้งลูกค้าต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ตาม ท.ป. 1/2528 ฯ และบริษัทฯ ต้องนำมาถือเป็นมูลค่าของฐานภาษี ตามมาตรา 78/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร อีกด้วย 
    2. กรณีซื้ออาหารเลี้ยงพนักงานในการจัดประชุมอบรมภายในสำนักงานนั้น  หากบริษัทฯ มีหลักฐานแวดล้อมประกอบอย่างชัดเจนว่า เป็นรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริงและเกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจการการจัดอบรมสัมมนา 
       (1) ภาษีซื้อจากค่าอาหารและเครื่องดื่มสำหรับพนักงานดังกล่าว  ก็ไม่ต้องห้ามนำมาหักในการคำนวณภาษี ตามมาตรา 82/5(3) แห่งประมวลรัษฎากร หอการค้าฯ จึงนำภาษีซื้อไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร
       (2) บริษัทฯ สามารถนำค่าอาหารและเครื่องดื่มดังกล่าวมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี ข้อ (3) และ (13) แห่งประมวลรัษฎากร  รวมถึง ไม่ถือเป็นเงินได้พนักงานอีกด้วยตามมาตรา 42 (28) แห่งประมวลรัษฎากร

เครดิต อาจารย์ Panita Alongkornwarakit



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ