Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

การเฉลี่ยภาษีซื้อสำหรับใบลดหนี้ / รับดอกเบี้ยหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์


เรื่อง การเฉลี่ยภาษีซื้อสำหรับใบลดหนี้ / รับดอกเบี้ยหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์
แหล่งที่มา Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วันที่ วันที่ถาม 07/11/2022 - วันที่ตอบ 05/12/2022
ประเภทภาษี ภาษีมูลค่าเพิ่ม,ภาษีธุรกิจเฉพาะ
ข้อกฎหมาย มาตรา 82/6 แห่งประมวลรัษฎากร, ประกาศอธิบดีกรมสรรพารกร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29), คำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528
ปุจฉา
สอบถามเกี่ยวกับการใช้ VAT เฉลี่ย กับใบลดหนี้ค่ะ ว่ามีหลักในการใช้อย่างไรค่ะ ในกรณีที่ claim vat ไม่เท่ากันค่ะ กรณีรับดอกเบี้ยหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ต้อง หัก ณ ที่จ่าย และ นำส่ง SBT อย่างไรค่ะ 
วิสัชนา
1. การเฉลี่ยภาษีซื้อ สำหรับใบลดหนี้ 
    1.1 โดยทั่วไปการเฉลี่ยภาษีซื้อตามมาตรา 82/6 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพารกร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเฉลี่ยภาษีซื้อตามมาตรา 82/6 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2535 กำหนดให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการทั้งประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และผู้ประกอบการจดทะเบียนได้นำสินค้าหรือบริการที่ได้มาหรือได้รับมาในการประกอบกิจการของตนไปใช้หรือจะใช้ในกิจการทั้งสองประเภท ถ้าไม่สามารถแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าภาษีซื้อที่เกิดจากสินค้าหรือบริการดังกล่าวเป็นภาษีซื้อของกิจการประเภทใด ให้เฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วนของรายได้ของแต่ละกิจการ โดยให้เฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วนของรายได้ของปีที่ผ่านมา หมายถึง รายได้ของปีก่อนปีปัจจุบัน 1 ปี 
    1.2 ตามมาตรา 82/10 แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติว่า “ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนขายสินค้าหรือให้บริการและได้นำภาษีขายไปรวมคำนวณ เพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แล้ว ต่อมาหากมีเหตุการณ์ อย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้เกิดขึ้น อันเป็นเหตุให้ภาษีขาย ที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้า หรือบริการมีจำนวนลดลงไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าว นำภาษีขายที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้า หรือบริการที่ลดลงนั้นมาหักออกจากภาษีขายของตนในเดือนภาษีที่ได้ออกใบลดหนี้ตามมาตรา 86/10 
         (1) มีการลดราคาสินค้าที่ขายเนื่องจากสินค้าผิดข้อกำหนดที่ตกลงกันสินค้าชำรุดเสียหายหรือขาดจำนวน คำนวณราคาสินค้าผิดพลาดสูง กว่าที่เป็นจริงหรือเนื่องจากเหตุอื่นตามที่อธิบดีกำหนด (ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 82) ฯ)
         (2) มีการลดราคาค่าบริการเนื่องจากการให้บริการผิดข้อกำหนดที่ตกลงกัน บริการขาดจำนวน คำนวณราคาค่าบริการ ผิดพลาดสูงกว่าที่เป็นจริง หรือเนื่องจากเหตุอื่นตามที่อธิบดีกำหนด (ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 82) ฯ)
         (3) ได้รับสินค้าที่ขายกลับคืนมาเนื่องจากสินค้าชำรุดบกพร่อง ไม่ตรงตามตัวอย่าง ไม่ตรงตามคำพรรณนา หรือเนื่องจากเหตุอื่นตามที่อธิบดีกำหนด (ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 82) ฯ) 
         (4) มีการบอกเลิกสัญญาบริการเนื่องจากเหตุและตามเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด (ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 82) ฯ) 
         ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับใบลดหนี้นำภาษีมูลค่าเพิ่มที่ปรากฏตามใบลดหนี้ดังกล่าว มาหักออกจากภาษีซื้อของตนในเดือนภาษีที่ได้รับใบลดหนี้นั้น” 
    1.3 การดำเนินการเฉลี่ยภาษีซื้อสำหรับใบลดหนี้ ให้ดำเนินการเช่นเดียวกับการเฉลี่ยภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีนั่นเอง หากแต่เมื่อได้ส่วนของภาษีซื้อตามใบลดหนี้ เป็นจำนวนเท่าใด ก็ให้นำมาหักออกจากภาษีซื้อในเดือนภาษีที่ได้รับใบลดหนี้นั้น 

2. กรณีรับดอกเบี้ยหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์
    2.1 หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ (Perpetual bond) คือ หุ้นกู้ที่ไม่มีกำหนดวันไถ่ถอน สามารถถือครองได้ตลอดกาลจนกว่าบริษัทจะล้มเลิกกิจการหรือบริษัทใช้สิทธิ์ไถ่ถอน ทำให้ทางบัญชีสามารถบันทึกเงินก้อนนี้เป็นได้ทั้งเจ้าหนี้และ/หรือส่วนของเจ้าของ เนื่องด้วยหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ไม่มีกำหนดไถ่ถอน จึงมีความเสี่ยงสูง ทำให้ต้องมีการเสนออัตราดอกเบี้ยสูงกว่าหุ้นกู้แบบทั่วไปเพื่อจูงใจนักลงทุน บริษัทผู้ออกหุ้นกู้สามารถเลื่อนการจ่ายดอกเบี้ยตามงวดออกไปได้อย่างไม่มีข้อจำกัด แต่ระหว่างนี้จะไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญได้ การลงทุนในหุ้นกู้ประเภทนี้จึงควรลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงสูงเท่านั้น 
    2.2 กรณีภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย สำหรับดอกเบี้ยหุ้นกู้ เป็นไปตามข้อ 4 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 ซึ่งพอสรุปความได้ดังนี้          
         (1) กรณีการธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน หลักทรัพย์ และเครดิตฟองซิเอร์ และบริษัทบริหารสินทรัพย์ เป็นผู้จ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ ให้แก่ผู้รับซึ่งเป็น
              (ก) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ไม่รวมถึงธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน หลักทรัพย์ และเครดิตฟองซิเอร์ และบริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์ หักภาษี ณ ที่จ่าย โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0
              (ข) มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้แต่ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคมที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ตามมาตรา 47 (7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร หักภาษี ณ ที่จ่าย โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 10.0
         (2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งมิใช่ ผู้จ่ายเงินได้ที่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายตาม (1) เป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะที่เป็นดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ให้แก่ผู้รับซึ่งเป็นธนาคารตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ บริษัทตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจ หลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ หรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัท บริหารสินทรัพย์ หักภาษี ณ ที่จ่าย โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0
         (3) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งมิใช่ผู้จ่ายเงินได้ที่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายตาม (1) เป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะที่เป็นดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยตั๋วเงิน ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเฉพาะส่วนที่เหลือจากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว ผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออกและจำหน่ายครั้งแรกในราคา ต่ำกว่าราคาไถ่ถอน เงินได้ที่ได้รับจากการถือศุกูก ให้แก่ผู้รับซึ่งเป็น
              (ก) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ไม่รวมถึงธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน หลักทรัพย์ และเครดิตฟองซิเอร์ และบริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์ หักภาษี ณ ที่จ่าย โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0
              (ข) มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้แต่ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคมที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ตามมาตรา 47 (7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร หักภาษี ณ ที่จ่าย โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 10.0  
    2.3 กรณีภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับดอกเบี้ยหุ้นกู้
         กรณีบริษัทฯ นำเงินลงทุนและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินไปลงทุนในตราสารการเงินประเภทหุ้นกู้ โดยได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยและกำไรจากการลงทุนหากมีการขายหุ้นดังกล่าว การประกอบกิจการดังกล่าวไม่เข้าลักษณะเป็นการประกอบกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ ตามมาตรา 91/2 (5) แห่งประมวลรัษฎากร (หนังสือกรมสรรพากรเลขที่ กค 0811/3470 ลงวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2544)



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ