Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

การใช้อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ


เรื่อง การใช้อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ
แหล่งที่มา Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วันที่ วันที่ถาม 13/07/2024 - วันที่ตอบ 20/07/2024
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ข้อกฎหมาย คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.132/2548
ปุจฉา
ผมมีความสับสนเรื่องการใช้อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ สำหรับรายการที่เกิดขึ้นในรอบบัญชี จึงอยากข้อคำแนะนำ/อธิบายจากอาจารย์ครับ
    ตาม ป. 132/2548 ตามรูปที่ 1 ที่ไฮไลท์ สรรพากรแนะแนวทางให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยน ตามวันที่ที่เกิดรายการนั้น เช่น ตามตัวอย่างเกิดรายการวันที่ 3 มีนาคม 2548 ก็อิงจากหน้าเวบของ BOT เลือกเรทที่ประกาศวันที่ 3 มีนาคม 2548 (ซึ่งมันจะเป้นอัตราเฉลี่ยจริงๆของสิ้นวันที่ 2 มีนาคม 2548) 
    ต่อมาผมได้ทราบว่า ทาง BOT ได้มีการปรับเปลี่ยนการประกาศข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อปี 2553 โดยประกาศของวันใดก็จะเป็นข้อมูลอัตราเฉลี่ยๆจริงของวันนั้น (ส่วนป.132/2548 เป็นตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการเปลี่ยนแปลงของ BOT อันนี้พอเข้าใจได้) 
    การเปลี่ยนแปลงนี้ ผมได้ค้นหาข้อมูลที่อาจารย์ได้เคยอธิบายตามคลิปต่างๆ หรือกระทู้ต่างๆ จนมีความเข้าใจว่า หากรายการเกิดขึ้นวันที่ 12/7/2567 อัตราแลกเปลี่ยนที่ผมจะใช้ก็ต้องเลือกเป็นวันที่ 11/7/2567 จากเว็บ BOT ตามหลักบัญชี รูปที่ 2 จะบอกให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนทันทีและเป็นของวันที่เกิดรายการ ซึ่งเท่ากับว่าผมต้องใช้อัตราแลกเปลี่ยนจากเวบโดยเลือกวันที่ 12/7/2567 
    ถึงตรงนี้ผมมองว่า ทางบัญชีกับภาษีเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้มันแทบจะแตกต่างกันไปตลอด กรณีที่ผมบันทึกสินค้าจากต่างประเทศ เช่นนี้ ผมก็ต้องบันทึกรายการทั้งบัญชีและทางภาษีคู่กันไปตลอดแบบนี้หรือครับ ผมไม่แน่ใจว่าอาจารย์เข้าใจที่ผมถามหรือไม่ หรือว่าผมอาจจะเข้าใจประเด็นหรือหลักการผิดไป รบกวนอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ
วิสัชนา
1. ตามข้อ 3 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.132/2548 เรื่อง การคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามมาตรา 9 มาตรา 65 ทวิ (5) มาตรา 65 ทวิ และมาตรา 79/4 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2548 กรมสรรพากรวางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินเป็นเงินตราไทยตามราคาตลาดในวันที่รับมาหรือจ่ายไปนั้น ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 ทวิ (5) วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้ 
    “ข้อ 3 กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้รับมาหรือจ่ายไปซึ่งเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สิน ซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินเป็นเงินตราไทยตามราคาตลาดในวันที่รับมาหรือจ่ายไปนั้น ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 ทวิ (5) วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร
         ราคาตลาดตามวรรคหนึ่ง กรณีการบันทึกบัญชี ณ วันที่เกิดรายการทรัพย์สิน หรือหนี้สิน หมายถึง 
         (1) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อหรืออัตราขาย) หรือ
         (2) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ยหรืออัตราขายถัวเฉลี่ย) 
         ราคาตลาดตามวรรคหนึ่ง กรณีการได้รับเงินหรือจ่ายเงินเป็นเงินตราต่างประเทศ หมายถึง อัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นจริงในทางปฏิบัติจากการนำเงินสกุลบาทไปแลกเป็นเงินสกุลต่างประเทศ หรือเกิดจากการนำเงินสกุลต่างประเทศไปแลกเป็นเงินสกุลบาท
         ตัวอย่าง 
         (1) บริษัท ก จำกัด ประกอบกิจการขายเม็ดพลาสติก ได้มีการขายเม็ดพลาสติกให้แก่บริษัทในต่างประเทศ โดยตกลงราคาสินค้าเป็นหน่วยเงินตราต่างประเทศ บริษัท ก จำกัด ดำเนินการส่งออกสินค้าและบันทึกบัญชีในวันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 2548 บริษัท ก จำกัด    มีสิทธิใช้อัตราแลกเปลี่ยนในการบันทึกบัญชีเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ดังนี้
              (1/1) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (อัตราซื้อ) ของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในวันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 2548 หรือ
              (1/2) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ยซึ่งจะเป็น SIGHT หรือ T/T ก็ได้) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ ณ วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 2548 ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่าง ๆ ณ สิ้นวันทำการประจำวันพุธที่ 2 มีนาคม 2548”
    กรณีที่ 1 กรณีบริษัทฯ ได้รับหรือจ่ายเงินสกุลเงินตราไทย สำหรับเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สิน ที่มีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศ ที่ได้รับมาหรือจ่ายไป (เงินสด) นั้น ก็ให้บริษัทฯ บันทึกรายการบัญชีตามอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจริง (Actual Rate) ตามข้อ 3 (1) คือ “(1) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อหรืออัตราขาย)”   
    กรณีที่ 2 กรณีบริษัทฯ มีรายการทางบัญชีที่ได้รับมาหรือจ่ายไปเป็นเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สิน ที่มีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศ ซึ่งยังคงค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศ (เงินแห้งหรือเครดิต) ตามมาตรา 65 ทวิ (5) วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ให้บริษัทฯ เลือกใช้ราคาตลาดตามในการบันทึกบัญชี ณ วันที่เกิดรายการทรัพย์สิน หรือหนี้สิน วิธีการใด วิธีการหนึ่ง ดังนี้ และเมื่อได้เลือกใช้วิธีการใดแล้ว ก็ให้ใช้วิธีการนั้นตลอดไป ห้ามมิให้เปลี่ยนแปลง เว้นแต่จะได้รับอนมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรให้เปลี่ยนแปลงได้ 
         (1) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อหรืออัตราขาย) หรือ
         (2) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ยหรืออัตราขายถัวเฉลี่ย) 
    กรณีบริษัทฯ เลือกใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามวิธีที 2 ตามอัตราอ้างอิงประจำวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ยหรืออัตราขายถัวเฉลี่ย) เช่น หากรายการเกิดขึ้นวันที่ 12/7/2567 อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ ต้องเลือกเป็นวันที่ 11/7/2567 จากเวบไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ตามความเข้าใจดังกล่าว ถูกต้องแล้ว 

2. ตามหลักบัญชีกำหนดให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนทันที และเป็นของวันที่เกิดรายการ นั้น สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ทางภาษีอากรตามที่กล่าวข้างต้น



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ