Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

ภาษีออกแทน ลงเป็นรายจ่ายได้ไหม


เรื่อง ภาษีออกแทน ลงเป็นรายจ่ายได้ไหม
แหล่งที่มา Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วันที่ วันที่ถาม 27/05/2022 - วันที่ตอบ 30/05/2022
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ข้อกฎหมาย มาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษากร
ปุจฉา
ผมได้ค้นหาข้อหารือที่เกี่ยวกับภาษีออกแทน กรณีถ้าไม่ระบุในสัญญาจะไม่สามารถลงเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ ซึ่งผมพบแต่ข้อหารือที่พูดเกี่ยวกับสัญญาว่าจ้างงาน เช่น กค 0702/5238 ลวท. 25 มิถุนายน 2555 ซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายได้ถ้าระบุในสัญญาฯ อย่างไรก็ตาม ผมอยากสอบถามว่าถ้าเป็นสัญญาอื่นๆ เช่น สัญญาว่าจ้างผลิตที่ต้องจ่ายค่าสิทธิให้กับบริษัทในต่างประเทศ และบริษัทไทยมิได้หัก ภาษีหัก ณ ที่จ่ายแต่คำนวนแบบออกภาษีฯ ให้ทุกทอดเพื่อนำส่งภาษี ภ.ง.ด.54 ในวันที่ 7 เดือนถัดไป 
จากกรณีข้างต้น สอบถามดังนี้ครับ 
    1) ถ้าในสัญญาฯ ระบุว่าผู้จ่ายจะรับผิดชอบภาษีที่เกิดขึ้น
    2) ถ้าสัญญาฯ ไม่ได้ระบุข้อความตาม 1) จะถือว่าเป็นรายจ่ายต้องห้าม ตาม ม. 65 ตรี (13) กรณีมองเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่มีข้อผูกมัดที่ต้องจ่ายหรือไม่ครับ บริษัทไทยสามารถลงเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ทั้งสองกรณีหรือไม่ครับ สุดท้ายนี้กรมสรรพากรเคยมีออกข้อหารือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ครับ
วิสัชนา
1. ตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดนิยามศัพท์คำว่า “เงินได้พึงประเมิน” ดังนี้ 
    “เงินได้พึงประเมิน” หมายความว่า เงินได้อันเข้าลักษณะพึงเสียภาษีในหมวดนี้ เงินได้ที่กล่าวนี้ให้หมายความรวมตลอดถึงทรัพย์สิน หรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับ ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน เงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้สำหรับเงินได้ประเภทต่าง ๆ ตามมาตรา 40 และเครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิ ด้วย 

2. ตามมาตรา 40 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติว่า
    “เงินค่าภาษีอากรตามวรรคหนึ่ง ถ้าผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้สำหรับเงินได้ประเภทใด ไม่ว่าทอดใดหรือในปีภาษีใดก็ตาม ให้ถือเป็นเงินได้ประเภทและของ ปีภาษีเดียวกันกับเงินได้ที่ออกแทนให้นั้น” 

3. ตามข้อ 1 (7) ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 96/2543 เรื่อง การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากร กรณีการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543 กรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีนายจ้างออกเงินค่าภาษีแทนให้ลูกจ้างสำหรับเงินเดือนหรือค่าจ้าง ดังนี้ 
     “(7) กรณีนายจ้างออกเงินค่าภาษีแทนให้ลูกจ้างสำหรับเงินเดือนหรือค่าจ้าง ที่ลูกจ้างได้รับในปีใด โดยลูกจ้างไม่ต้องรับภาระในการเสียภาษีด้วยตนเองเลย ให้นำเงินค่าภาษีที่นายจ้างออกแทนให้ไปรวมกับเงินเดือนหรือค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับในปีนั้น แล้วคำนวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48 (1) แห่งประมวลรัษฎากร จนกว่าจะไม่มีเงินค่าภาษีที่นายจ้างต้องออกแทนให้อีก

4. ตามหนังสือตอบข้อหารือของกรมสรรพากรเลขที่ กค 0702/8355 ลงวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เลขตู้ 80/40517 (https://www.rd.go.th/27796.html)
    “กรณีสัญญาเช่ากำหนดให้ธนาคารฯ ในฐานะผู้เช่า เป็นผู้รับภาระค่าภาษีโรงเรือนแทนผู้ให้เช่า โดยชำระเงินให้แก่ผู้ให้เช่าหรือชำระเงินให้แก่ส่วนราชการโดยตรง เงินค่าภาษีโรงเรือนที่ผู้เช่าออกแทนให้ดังกล่าว ถือเป็นเงินหรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้เนื่องจากการให้เช่าทรัพย์สิน ตามมาตรา 40 (5) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ให้เช่าต้องนำมารวมคำนวณเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้วแต่กรณี เมื่อธนาคารฯ จ่ายเงินค่าภาษีโรงเรือนแทนผู้ให้เช่า ธนาคารฯ มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 5.0 ตามข้อ 6 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 

5. ตามหนังสือตอบข้อหารือของกรมสรรพากรเลขที่ 0702/5238 ลงวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555  เลขตู้ 75/38175 (https://www.rd.go.th/46540.html)
    “กรณีบริษัทฯ จ้างกรรมการผู้จัดการชาวมาเลเซีย ซึ่งสัญญาจ้างแรงงานมีข้อตกลงจ้างเบื้องต้น 3 ปี นอกจากเงินเดือน เดือนละ 234,750 บาท ผู้รับจ้างยังได้รับประโยชน์หรือผลตอบแทนอื่น ได้แก่ รถประจำตำแหน่งและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง พร้อมคนขับรถ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเข้าศึกษาโรงเรียนของบุตร โดยบริษัทฯ จะชดเชย ค่าภาษีเงินได้ในส่วนนี้ ค่าตั๋ว เครื่องบินไป-กลับระหว่างกรุงเทพฯ - มาเลเซีย ชั้นประหยัดจำนวน 5 ที่นั่ง ต่อไตรมาส ค่าประกันสุขภาพของกรรมการ ผู้จัดการและครอบครัว และเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ร้อยละ 11.5 ของเงินเดือน และบริษัทฯ ขอหารือว่า ประโยชน์หรือผลตอบแทนอื่น รวมทั้งค่าภาษีออกแทน นั้น กรมวินิจฉัยว่า “ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับเงินเดือนหรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับตามข้อตกลงในสัญญาจ้างแรงงาน เมื่อผู้รับมีหน้าที่ หรือความผูกพันในทางธุรกิจกับบริษัทฯ ในฐานะกรรมการผู้จัดการ จึงถือว่าบริษัทฯ จ่ายไปเพื่อประโยชน์ในการหารายได้ หรือใช้ในการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ โดยตรง และมีสิทธินำมาเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคล ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (3) และ (13) แห่งประมวลรัษฎากร”

ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า
กรณีตามสัญญาว่าจ้างผลิตที่บริษัทฯ ในประเทศไทย ต้องจ่ายค่าสิทธิให้กับบริษัทในต่างประเทศ และหากบริษัทฯ มิได้คำนวณหักภาษีภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แต่คำนวนแบบออกภาษีฯ ให้ทุกทอดเพื่อนำส่งภาษี ภ.ง.ด.54 ในวันที่ 7 เดือนถัดไป นั้น 
    1. หากในสัญญาฯ ระบุว่าผู้จ่ายจะรับผิดชอบภาษีที่เกิดขึ้น ถือเป็นหน้าที่หรือความผูกพันที่บริษัทฯ ต้องปฏิบัติตามสัญญา ถือว่าบริษัทฯ จ่ายไปเพื่อประโยชน์ในการหารายได้ หรือใช้ในการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ โดยตรง และมีสิทธินำมาเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคล ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (3) และ (13) แห่งประมวลรัษฎากร 
    2. หากสัญญาฯ ไม่ได้ระบุข้อความตาม 1. ก็หาทางเพิ่มข้อตกลงแนบท้ายสัญญาเสีย จะได้เหมือนกับข้อ 1 แต่ไม่ทำอะไรเลย นั้น ได้มีความเห็นอย่างไม่เป็นทางการของวิทยากรของกรมสรรพากรว่า ถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม ตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษากร – รายจ่ายให้โดยเสน่หา เช่นนี้ จะนิ่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ใย



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ