Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

บริษัทฯ ทำสัญญาแลกเปลี่ยนด้านบริการหรือจ้างทำของ กับคู่ค้า


เรื่อง บริษัทฯ ทำสัญญาแลกเปลี่ยนด้านบริการหรือจ้างทำของ กับคู่ค้า
แหล่งที่มา Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วันที่ วันที่ถาม 23/01/2023 - วันที่ตอบ 24/01/2023
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย คำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528ฯ
ปุจฉา
กรณีบริษัทฯ ทำสัญญาแลกเปลี่ยนด้านบริการหรือจ้างทำของกับคู่ค้า โดยเป็นสัญญาที่ไม่มีการเรียกเก็บเงิน เป็นการแลกเปลี่ยน Barter โดยสินค้า บริการ หรือชิ้นงานที่ว่าจ้างมีมูลค่าเท่ากัน เมื่อภายหลังจบสัญญา ทั้งสองฝ่ายจะออกใบกำกับภาษีขายเพื่อแลกเปลี่ยนกัน เพื่อสามารถนำไปบันทึกบัญชีเป็นรายได้และรายจ่ายของทั้งสองฝ่ายและนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม หากสัญญาดังกล่าวเป็นการจ้างทำของ สัญญานี้จะต้องติดอากรแสตมป์หรือไม่ แต่หากไม่มีการจ่ายเงินกันแต่อย่างใด เพราะเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการกัน
วิสัชนา
กรณีบริษัทฯ นำสินค้าไปแลกเปลี่ยนกับบริการ “โฆษณา” (Barter) 
1. กรณีส่งมอบสินค้าให้ก่อนรับบริการโฆษณา 
    (1) เมื่อส่งมอบสินค้าให้แก่บริษัทรับโฆษณา 
         ในทางภาษีเงินได้นิติบุคคล บริษัทฯ ได้โอนสินค้ามาถือเป็นค่าใช้จ่าย และถือเป็นการขายสินค้าไปโดยอัตโนมัติ พร้อมกับถือเป็นการจ่ายค่าโฆษณาให้แก่บริษัทรับโฆษณา จึงต้องมีการคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตรา 2% ของราคาสินค้าตามที่ตกลงกัน เช่น สินค้าราคาทุน 100,000 บาท  แต่ตกลงแลกกับค่าโฆษณามูลค่า 120,000 บาท คิดเป็นค่าภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 2,400 บาท โดยต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และตั้งบริษัทรับโฆษณาเป็นลูกหนี้ไว้ เพิ่อเรียกเก็บในภายหลัง
         แต่ในทางภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นบริษัทฯ ต้องออกใบกำกับภาษีและส่งมอบให้แก่บริษัทรับโฆษณาตามมูลค่าที่ตกลงกัน เช่น สินค้าราคาทุน 100,000 บาท แต่ตกลงแลกกับค่าโฆษณามูลค่า 120,000 บาท  ให้ออกใบกำกับภาษีโดยแสดงมูลค่าสินค้า 120,000 บาท มีภาษีขายเกิดขึ้นจำนวน 8,400 บาท และต้องได้รับใบกำกับภาษีจากบริษัทรับโฆษณา เพราะถือว่าบริษัทฯ ได้ชำระค่าโฆษณาเป็นสินค้า (ยื่นหมูยื่นแมวใบกำกับภาษีระหว่างกัน – ต่างฝ่ายต่างออกใบกำกับภาษี)  
         การบันทึกรายการบัญชีที่เกี่ยวข้อง 
เดบิต ค่าโฆษณาจ่ายล่วงหน้า.....120,000
        ภาษีซื้อ.............................8,400
        ลูกหนี้บริษัทโฆษณา............2,400
        ต้นทุนสินค้าที่ขาย............100,000
    เครดิต รายได้ค่าขายสินค้า...................120,000
             ภาษีขาย.....................................8,400
             ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย.................2,400
             สินค้า.....................................100,000
    (2) เมื่อบริษัทรับโฆษณาลงโฆษณาให้แก่บริษัทฯ 
เดบิต ค่าโฆษณา......................120,000
    เครดิต ค่าโฆษณาจ่ายล่วงหน้า..............120,000

2. ในทางตรงกันข้าม หากบริษัทรับโฆษณาลงโฆษณาให้ก่อน 
    (1) เมื่อบริษัทรับโฆษณาได้ลงโฆษณาให้แก่บริษัทฯ ถือว่าบริษัทฯ มีรายจ่ายค่าโฆษณาเกิดขึ้น พร้อมกับได้รับชำระราคาค่าสินค้า บริษทฯ จึงต้องออกใบกำกับภาษีให้แก่บริษัทรับโฆษณา แต่บริษัทรับโฆษณายังไม่ได้รับค่าโฆษณา จึงมีสิทธิที่ออกใบกำกับภาษีหรือไม่ก็ได้ (ในกรณีนี้ บริษัทฯ ควรตกลงแลกเปลี่ยนใบกำกับภาษีระหว่างกันทันที) ให้บันทึกรายการบัญชีโดย
เดบิต ค่าโฆษณา.......................120,000
        ภาษีซื้อ...............................8,400 
    เครดิต รายได้รับล่วงหน้า (ขายสินค้า).......120,000
             ภาษีขาย........................................8,400 
    (2) เมื่อบริษัทฯ ได้ส่งมอบสินค้า บริษัทฯ ต้องออกใบส่งของให้แก่บริษัทรับโฆษณา และออกหนังสือรับรองการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย เพื่อเรียกเก็บจากบริษัทรับโฆษณา พร้อมทั้งรับรู้ต้นทุนการขาย ให้บันทึกรายการบัญชีโดย
เดบิต รายได้รับล่วงหน้า (ขายสินค้า) 120,000
        บริษัทรับโฆษณา.......................2,400 
        ต้นทุนสินค้าที่ขาย..................100,000
    เครดิต รายได้ขายสินค้า...........................120,000
             ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย.....................2,400 
             สินค้า..........................................100,000

3. กรณียื่นหมูยื่นแมวสินค้าและโฆษณาพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างออกใบกำกับภาษี บริษัทฯ ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย เพื่อเรียกเก็บจากบริษัทรับโฆษณา และรับรู้ต้นทุนการขาย ให้บันทึกรายการบัญชีโดย
เดบิต ค่าโฆษณา..........................120,000
        ภาษีซื้อ..................................8,400 
        บริษัทรับโฆษณา......................2,400 
        ต้นทุนสินค้าที่ขาย.................100,000
    เครดิต รายได้ขายสินค้า...........................120,000
             ภาษีขาย.........................................8,400 
             ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย......................2,400 
             สินค้า..........................................100,000

ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า 
กรณีบริษัทฯ ทำสัญญาแลกเปลี่ยนด้านบริการหรือจ้างทำของ กับคู่ค้า โดยเป็นสัญญาที่ไม่มีการเรียกเก็บเงิน เป็นการแลกเปลี่ยน Barter โดยสินค้า บริการ หรือชิ้นงานที่ว่าจ้าง มีมูลค่าเท่ากัน นั้น บริษัทฯ และคู่สัญญาพึงปฏิบัติตามหลักการข้างต้น โดยให้แยกพิจารณาทีละกิจกรรม 
1. กรณีนำ “สินค้า” ไปแลกกับ “บริการ”  
    (1) ถือเป็นการขายสินค้า บริษัทฯ ต้องรับรู้รายได้จากการขายสินค้า ซึ่งในทางภาษีมูลค่าเพิ่ม กำหนดให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อ “ส่งมอบ” สินค้าให้แก่คู่สัญญา จึงต้องออกใบกำกับภาษี 
    (2) ถือเป็นการนำสินค้าไปชำระค่าบริการ ดังนั้น 
         (ก) คู่สัญญามีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษีให้แก่บริษัทในทันทีที่ได้รับสินค้า 
         (ข) บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 
         (ค) เนื่องจากบริษัทฯ ไม่สามารถหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย เพราะไม่มีการเงินสด แต่บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ดังนั้น จึงต้องตั้งคู่สัญญาเป็นลูกหนี้สำหรับค่าภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย โดยต้องออกใบแจ้งหนี้เพื่อเรียกเก็บภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และหนังสือรับรองการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายให้แก่คู่สัญญา 
    (3) เมื่อได้รับบริการ ถือเป็นการได้รับชำระราคาค่าสินค้า  

2. กรณีนำ “สินค้า” ไปแลกกับ “สินค้า” 
    (1) ถือเป็นการขายสินค้า บริษัทฯ ต้องรับรู้รายได้จากการขายสินค้า ซึ่งในทางภาษีมูลค่าเพิ่ม กำหนดให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อ “ส่งมอบ” สินค้าให้แก่คู่สัญญา จึงต้องออกใบกำกับภาษีและส่งมอบให้แก่คู่สัญญา 
    (2) ถือเป็นการนำสินค้าไปชำระค่าสินค้า ดังนั้น 
         (ก) คู่สัญญามีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษีให้แก่บริษัทในทันทีที่ได้รับสินค้า 
         (ข) บริษัทฯ ไม่มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528
    (3) เมื่อได้รับสินค้าที่แลกเปลี่ยน ถือเป็นการได้รับชำระค่าสินค้าของตน 

3. การนำ “บริการ” ไปแลกกับ “สินค้า” 
    (1) ถือเป็นการให้บริการ บริษัทฯ ต้องรับรู้รายได้จากการให้บริการ หากยังไม่ได้รับ “สินค้า” ในทางภาษีมูลค่าเพิ่ม ยังไม่ถือว่า เกิดความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม จนกว่าจะได้รับมอบ“สินค้า” จากคู่สัญญา บริษัทฯ จึงจะออกใบกำกับภาษีและส่งมอบให้แก่คู่สัญญา เว้นแต่จะเลือกที่จะออกใบกำกับภาษีให้ก่อนได้รับชำระราคาค่าบริการ ก็ให้กระทำได้ 
    (2) ถือเป็นการนำบริการไปชำระค่าสินค้า ดังนั้น 
         (ก) คู่สัญญามีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษีให้แก่บริษัทในทันทีที่ได้รับบริการ  
         (ข) บริษัทฯ ไม่มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528
    (3) เมื่อได้รับสินค้าที่แลกเปลี่ยน ถือเป็นการได้รับชำระค่าบริการ หากยังไม่ได้ออกใบกำกับภาษี ก็ให้บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษีให้แก่คู่สัญญา 

4. การนำ “บริการ” ไปแลกกับ “สินค้า” 
    (1) ถือเป็นการให้บริการ บริษัทฯ ต้องรับรู้รายได้จากการให้บริการ หากยังไม่ได้รับ “บริการ” ในทางภาษีมูลค่าเพิ่ม ยังไม่ถือว่า เกิดความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม จนกว่าจะได้รับ “บริการ” จากคู่สัญญา บริษัทฯ จึงจะออกใบกำกับภาษีและส่งมอบให้แก่คู่สัญญา เว้นแต่จะเลือกที่จะออกใบกำกับภาษีให้ก่อนได้รับชำระราคาค่าบริการ ก็ให้กระทำได้ 
    (2) ถือเป็นการนำบริการของตนไปชำระค่าบริการของคู่สัญญา ดังนั้น 
         (ก) คู่สัญญามีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษีให้แก่บริษัทในทันทีที่ได้รับบริการ
         (ข) บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 
         (ค) เนื่องจากบริษัทฯ ไม่สามารถหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่าย เพราะไม่มีการเงินสด แต่บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ดังนั้น จึงต้องตั้งคู่สัญญาเป็นลูกหนี้สำหรับค่าภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย โดยต้องออกใบแจ้งหนี้เพื่อเรียกเก็บภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และหนังสือรับรองการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายให้แก่คู่สัญญา 
    (3) เมื่อได้รับบริการ ถือเป็นการได้รับชำระราคาค่าบริการ

5. บริษัทฯ และคู่สัญญา ไม่สามารถออกใบกำกับภาษีขาย เพื่อแลกเปลี่ยนกัน ภายหลังจากที่จบสัญญาได้ ต้องถือปฏิบัติตามกรอบความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของแต่ละฝ่ายดังกล่าว

6. หากสัญญาดังกล่าว เป็นการจ้างทำของ สัญญานี้ จะต้องติดอากรแสตมป์ โดยถือว่าการแลกเปลี่ยนเป็นมูลค่าของสัญญาจ้างทำของ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ