Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

เฉลี่ยภาษีซื้อ


เรื่อง เฉลี่ยภาษีซื้อ
แหล่งที่มา Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วันที่ วันที่ถาม 24/01/2023 - วันที่ตอบ 30/01/2023
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย มาตรา 82/6 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29) ฯ
ปุจฉา
สอบถาม เรื่อง เฉลี่ยภาษีซื้อค่ะ
    1. บริษัทฯ ดำเนินกิจการค้าปลีกและให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง กิจการค้าปลีกจะขายทั้งสินค้า VAT Exempt และสินค้า VAT และกิจการให้เช่าพื้นที่จะมีทั้งรายได้ค่าเช่าและรายได้ค่าบริการ ในการคำนวณภาษีซื้อเฉลี่ยต้องคำนวณจากภาพรวมกิจการ เช่น บริษัทฯ มีรายได้กิจการค้าปลีก 70% กิจการให้เช่าพื้นที่ 30% หรือต้องพิจารณาแยกเป็นรายการ VAT และไม่มี VAT
    2. หากค่าใช้จ่ายบางรายการสามารถเจาะจงได้ว่าเป็นของกิจการให้เช่าพื้นที่ แต่เพื่อก่อให้เกิดรายได้ทั้งการให้เช่าและการบริการ บริษัทฯ จะต้องคำนวณอัตรา VAT เฉลี่ยเฉพาะอีกอัตราไว้บันทึกหรือไม่ เพราะพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่ค่าใช้จ่ายของกิจการค้าปลีก
    3. หากค่าใช้จ่ายเป็นของปี 2565 ซึ่งในทางบัญชีตั้งค่าใช้จ่ายค้างจ่ายไว้แล้ว แต่บริษัทฯ ได้รับใบแจ้งหนี้/ใบกำกับภาษีในเดือนมกราคม 2566 บริษัทฯ ต้องใช้อัตราภาษีซื้อเฉลี่ยของปี 2565 หรือ 2566 ตามเอกสารคะ
วิสัชนา
ตามมาตรา 82/6 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29) ฯ ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2535 ได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เกี่ยวกับการเฉลี่ยภาษีซื้อตามสัดส่วนของรายได้ ดังนี้
    1. กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนประกอบกิจการทั้งประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และผู้ประกอบการจดทะเบียนได้นำสินค้าหรือบริการที่ได้มาหรือได้รับมาในการประกอบกิจการของตนไปใช้หรือจะใช้ในกิจการทั้งสองประเภท ถ้าสามารถแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าภาษีซื้อที่เกิดจากสินค้าหรือบริการดังกล่าวเป็นภาษีซื้อของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ถือเป็นภาษีซื้อของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น ๆ

    2. กรณีตามข้อ 1 ถ้าผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่สามารถแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าภาษีซื้อที่เกิดจากสินค้าหรือบริการดังกล่าวเป็นภาษีซื้อของกิจการประเภทใด ให้เฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วนของรายได้ของแต่ละกิจการ ดังนี้
         (1) กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเริ่มประกอบกิจการ หรือได้ประกอบกิจการมาแล้วแต่ยังไม่มีรายได้ ให้ประมาณการรายได้ของกิจการทั้งสองประเภทของปีที่เริ่มมีรายได้
              ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนเฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วนของประมาณการรายได้ดังกล่าว และให้นำภาษีซื้อที่เฉลี่ยได้ตามส่วนของประมาณการรายได้ของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มมาหักออกจากภาษีขาย แต่ภาษีซื้อดังกล่าวจะต้องมีจำนวนไม่เกินกึ่งหนึ่งของภาษีซื้อที่นำมาเฉลี่ย
              สำหรับในปีถัดจากปีที่เริ่มประกอบกิจการและยังไม่มีรายได้ถึงสิ้นปีของปีที่เริ่มมีรายได้ ให้เฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วนของประมาณการรายได้ตามเกณฑ์ในวรรคหนึ่งและวรรคสอง
              เมื่อสิ้นปีที่เริ่มมีรายได้ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนคำนวณภาษีซื้อที่หักได้จริงตามส่วนของรายได้ที่เกิดขึ้นจริงของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และให้ปรับปรุงภาษีซื้อที่ได้นำมาหักออกจากภาษีขายแล้วตามหลักเกณฑ์ตาม (2)
              ปีที่เริ่มมีรายได้ให้หมายถึง ปีแรกที่มีรายได้เกิดขึ้นจริงไม่น้อยกว่า 6 เดือนภาษี
         (2) การปรับปรุงภาษีซื้อตาม (1) ให้กระทำในเดือนภาษีถัดจากเดือนภาษีสุดท้ายของปีที่เริ่มมีรายได้ โดยให้ปรับปรุงตั้งแต่เดือนภาษีแรกที่ได้มีการเฉลี่ยภาษีซื้อถึงเดือนภาษีสุดท้ายของปีที่เริ่มมีรายได้ ดังนี้
              (ก) ในกรณีภาษีซื้อที่เฉลี่ยได้และได้นำมาหักออกจากภาษีขายแล้ว มีจำนวนเกินกว่าภาษีซื้อที่หักได้จริง ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนชำระภาษีซื้อส่วนที่เกินนั้นพร้อมกับยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มอีกหนึ่งฉบับ ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนภาษีที่มีการปรับปรุงภาษีซื้อ และให้นำภาษีซื้อส่วนที่เกินนั้นซึ่งยังมิได้นำไปรวมคำนวณเป็นมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินหรือรายจ่ายของกิจการ ไปรวมคำนวณเป็นมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินหรือรายจ่ายของกิจการในปีที่เกี่ยวข้อง
              (ข) ในกรณีภาษีซื้อที่เฉลี่ยได้และได้นำมาหักออกจากภาษีขายแล้วมีจำนวนน้อยกว่าภาษีซื้อที่หักได้จริง ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นคำร้องขอคืนภาษีซื้อส่วนที่ขาดนั้น ตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด และให้นำภาษีซื้อส่วนที่ขาด ซึ่งได้นำไปรวมคำนวณเป็นมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินหรือรายจ่ายของกิจการแล้วไปหักออกจากมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินหรือรายจ่ายของกิจการในปีที่เกี่ยวข้อง
         (3) สำหรับปีถัดจากปีที่เริ่มมีรายได้เป็นต้นไป ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนเฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วนของรายได้ของปีที่ผ่านมาโดยไม่ต้องปรับปรุงภาษีซื้ออีก และในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนประสงค์จะปรับปรุงภาษีซื้อให้เป็นไปตามส่วนของรายได้ที่เกิดขึ้นจริงทั้งปีของกิจการทั้งสองประเภทก็ให้กระทำได้ ทั้งนี้ ให้นำหลักเกณฑ์ตาม (2) มาใช้บังคับโดยอนุโลมและเมื่อได้เลือกปฏิบัติเป็นอย่างใดแล้ว ก็ให้ถือปฏิบัติเป็นอย่างเดียวกันตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรให้เปลี่ยนแปลงได้
              รายได้ของปีที่ผ่านมาตามวรรคหนึ่ง หมายถึง รายได้ของปีก่อนปีปัจจุบัน 1 ปี
         (4) การปรับปรุงภาษีซื้อตามข้อนี้ ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่ต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามมาตรา 89 และมาตรา 89/1 แห่งประมวลรัษฎากร

     3. เพื่ออำนวยความสะดวกในการปฏิบัติเกี่ยวกับการเฉลี่ยภาษีซื้อตามข้อ 1 (3) ดังกล่าว
         (1) ถ้ารายได้ของปีที่ผ่านมาของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มมีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของรายได้ของกิจการทั้งหมด ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสิทธิเลือกนำภาษีซื้อทั้งจำนวนไปหักออกจากภาษีขาย ทั้งนี้ ห้ามนำภาษีซื้อดังกล่าวไปรวมคำนวณเป็นมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินหรือรายจ่ายของกิจการ
         (2) ถ้ารายได้ของปีที่ผ่านมาของกิจการประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มมีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของรายได้ของกิจการทั้งหมด ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสิทธิเลือกไม่นำภาษีซื้อทั้งจำนวนไปหักออกจากภาษีขาย แต่ให้นำไปรวมคำนวณเป็นมูลค่าต้นทุนทรัพย์สินหรือรายจ่ายของกิจการ
         เมื่อได้เลือกปฏิบัติตามวิธีการดังกล่าว ก็ให้ถือปฏิบัติตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรให้เปลี่ยนแปลงได้

ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า 
    1. กรณีบริษัทฯ ประกอบกิจการค้าปลีก ทั้งสินค้า VAT Exempt และสินค้า VAT และให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งมีทั้งรายได้ค่าเช่า และรายได้ค่าบริการ ในการคำนวณภาษีซื้อเฉลี่ยตามสัดส่วนของรายได้ บริษัทฯ ต้องคำนวณจากรายได้รวมของทั้งกิจการ โดยให้พิจารณาแยกเป็นรายการ VAT และไม่มี VAT 
    2. หากค่าใช้จ่ายบางรายการสามารถเจาะจงได้ว่าเป็นของกิจการให้เช่าพื้นที่ ถ้าสามารถแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าภาษีซื้อที่เกิดจากสินค้าหรือบริการดังกล่าวเป็นภาษีซื้อของกิจการประเภทที่ต้องไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ถือเป็นรายจ่ายหรือต้นทุนทรัพย์สินของกิจการประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น ๆ 
    3. หากค่าใช้จ่ายเป็นของปี 2565 ซึ่งในทางบัญชีตั้งค่าใช้จ่ายค้างจ่ายไว้แล้ว แต่บริษัทฯ ได้รับใบแจ้งหนี้/ใบกำกับภาษีในเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 บริษัทฯ ต้องใช้อัตราภาษีซื้อเฉลี่ยของปี 2566 ตามการเกิดขึ้นของเอกสารภาษีซื้อรายการนั้นๆ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ