Case study

ภาระผูกพันทางภาษีของบริษัทในการซื้อมาตรฐานสินค้าจากต่างประเทศ


เรื่อง ภาระผูกพันทางภาษีของบริษัทในการซื้อมาตรฐานสินค้าจากต่างประเทศ
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 07/07/2025
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ข้อกฎหมาย
คำถาม

บริษัทได้ดำเนินการจัดซื้อมาตรฐานสินค้าจากต่างประเทศ โดยมาตรฐานดังกล่าวประกอบด้วยข้อมูลและข้อกำหนดเกี่ยวกับเงื่อนไขคุณภาพของสินค้าที่จะส่งออกไปยังประเทศนั้นๆ รวมถึงมาตรฐานคุณภาพที่สินค้าต้องปฏิบัติตาม อย่างไรก็ตาม มาตรฐานที่จัดซื้อมาดังกล่าวไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับกระบวนการหรือวิธีการทางอุตสาหกรรมแต่อย่างใด 

คำถาม: ในกรณีข้างต้น บริษัทมีภาระผูกพันที่จะต้องนำส่งแบบ ภพ.36 และแบบ ภงด.54 หรือไม่

คำตอบ

คำตอบ

จากกรณีที่บริษัทจัดซื้อมาตรฐานสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่ง เป็นเพียงข้อมูลและข้อกำหนดเกี่ยวกับเงื่อนไขคุณภาพของสินค้า ที่จะใช้ในการส่งออก และ ไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการหรือวิธีการทางอุตสาหกรรม นั้น

การพิจารณาภาระภาษี:

1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล 
     ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้ผู้จ่ายเงินได้จากประเทศไทยให้แก่นิติบุคคลต่างประเทศที่ไม่มีสถานประกอบการในไทย ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% หากจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2)(3) (4) (5) หรือ (6) ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย เช่น กรณี:

  • ค่าลิขสิทธิ์ หรือค่าตอบแทนจากการใช้สิทธิ
  • ค่าบริการ
  • ค่าคำปรึกษา ฯลฯ

ในกรณีนี้ หากการจัดซื้อมาตรฐานสินค้าจากต่างประเทศเป็นเพียงการซื้อเอกสารข้อมูลทั่วไป ที่ไม่ใช่ “สิทธิในการใช้ลิขสิทธิ์” และไม่มีลักษณะเป็นการถ่ายทอดความรู้เฉพาะทาง เช่น know-how หรือสูตรลับ ก็จะ ไม่ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (3) แห่งประมวลรัษฎากร จึงเข้าลักษณะเป็นการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ถือเป็นกำไรธุรกิจ ถ้าผู้ขายไม่มีสถานประกอบการถาวรในไทย  เมื่อบริษัทฯ ไทยจ่ายค่าซื้อจัดซื้อมาตรฐานสินค้าดังกล่าว จึงไม่มีหน้าที่หักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่าย ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร 

แต่ ถ้าการจัดซื้อมาตรฐานสินค้าจากต่างประเทศเป็นการซื้อ“สิทธิในการใช้ลิขสิทธิ์ และมีลักษณะเป็นการถ่ายทอดความรู้เฉพาะทาง เช่น know-how หรือสูตรลับ หรือให้ข้อสนเทศเกี่ยวกับประสบการณ์ทางอุตสาหกรรม พานิชยกรรม ก็จะถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (3) แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อบริษัทฯ ไทยจ่ายค่าซื้อจัดซื้อมาตรฐานสินค้าดังกล่าว จึงมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย  และนำส่ง ด้วยแบบ ภ.ง.ด.54  ในอัตรา 15ของเงินได้ที่จ่าย ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ จะต้องพิจารณาเปรียบเทียบกับอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามอนุสัญญาภาษีซ้อน(DTA) ในแต่ละประเทศประกอบด้วย   เมื่อเปรียบเทียบแล้วให้บริษัทเลือก หักในอัตราที่น้อยกว่า  เช่น

มาตรา 70  =  15%      DTA = 20%   ให้หัก 15% 

มาตรา 70  =  15%      DTA = 5%    ให้หัก 5% 

เมื่อหักแล้วให้นำส่ง ด้วยแบบ ภ.ง.ด.54   


2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม 
         การจัดซื้อมาตรฐานสินค้าจากต่างประเทศ เข้าลักษณะเป็นการจ่ายค่าบริการที่ได้ให้บริษัทในต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในประเทศไทย บริษัทต่างประเทศมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศไทย ตามมาตรา 77/2 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ ไทยจ่ายค่าบริการดังกล่าว มีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ตามแบบ ภ.พ.36 ภายใน 7 วันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินให้แก่บริษัทในต่างประเทศ ตามมาตรา 83/6 (2)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 3 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 104/2544ฯ ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544

สรุปภาระภาษีจากการจัดซื้อมาตรฐานสินค้า (นำเข้าเอกสารข้อกำหนดจากต่างประเทศ)

ประเด็น

กรณีที่ไม่ใช่สิทธิหรือ Know-how

กรณีที่เป็นสิทธิในการใช้ลิขสิทธิ์ หรือ Know-how

1. ประเภทเงินได้

มาตรา 40(8) – รายจ่ายทั่วไป ไม่ใช่เงินได้พึงประเมิน

มาตรา 40(3) – ค่าลิขสิทธิ์/ค่าตอบแทนสิทธิ/Know-how

2. หักภาษี ณ ที่จ่าย (มาตรา 70)

ไม่ต้องหักภาษี

ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% (หรืออัตราตาม DTA) แล้วแต่อัตราใดจะน้อยกว่า

3. การยื่นแบบภาษี

นำส่งแบบ ภ.ง.ด.54

4. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

ต้องนำส่ง VAT 7% โดยยื่น ภ.พ.36

ต้องนำส่ง VAT 7% โดยยื่น ภ.พ.36

5. อ้างอิงกฎหมาย

ม.70, ม.40(8), ม.77/2(1), ม.83/6(2), 

คำสั่ง กรมสรรพากรที่ ป.104/2544

ม.70, ม.40(3), ม.77/2(1), ม.83/6(2), 

คำสั่ง กรมสรรพากรที่ ป.104/2544


มาตรา 40  เงินได้พึงประเมินนั้นคือ เงินได้ประเภทดังต่อไปนี้ รวมตลอดถึงเงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้สำหรับเงินได้ประเภทต่าง ๆ ดังกล่าว ไม่ว่าในทอดใด

 (3) ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์ หรือสิทธิอย่างอื่น เงินปีหรือเงินได้มีลักษณะเป็นเงินรายปีอันได้มาจากพินัยกรรม นิติกรรมอย่างอื่น หรือคำพิพากษาของศาล

 (8) เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (7) แล้ว  



มาตรา 70 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ มิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2)(3) (4) (5) หรือ (6) ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเสียภาษี โดยให้ผู้จ่ายหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามอัตราภาษีเงินได้ สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแล้วนำส่งอำเภอท้องที่พร้อมกับยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในเจ็ดวันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมินนั้น ทั้งนี้ ให้นำมาตรา 54 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

บัญชีอัตราภาษีเงินได้

" (2) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล

   "(ข) ภาษีตามมาตรา 70 นอกจากที่ระบุใน (ค)                    ร้อยละ 15



อ้างอิงคำตอบ


เรื่อง

บริษัทฯ ซื้อข้อมูลจากบริษัทไทยที่ประกอบกิจการ shopping online

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 12/10/2021 - วันที่ตอบ 12/11/2021

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย

ข้อกฎหมาย

มาตรา 40 (3) แห่งประมวลรัษฎากร

ปุจฉา

รบกวนขอความรู้เรื่องภาษีอากรจากอาจารย์ในประเด็น ต่อไปนี้ค่ะ

    บริษัทไทย ซื้อข้อมูลจากบริษัทไทยที่ประกอบกิจการ shopping online และกิจการค้าปลีก มาเพื่อนำมารวบรวม วิเคราะห์ และประมวลผลด้วยโปรแกรมของบริษัทฯ จากนั้นจึงเสนอบริการฐานข้อมูลนี้ให้กับลูกค้าของบริษัทฯ เอง ในรูปแบบของการให้ user name และ password กับลูกค้าในการเข้ามาใช้ฐานข้อมูลนี้ ตาม level ที่ลูกค้าเลือกซื้อ อาทิ

level 1 เป็นการเข้าถึงฐานข้อมูลจำนวนยอดขาย และ

level 2 จะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกวิเคราะห์ในแต่ละเรื่อง เช่น ความสัมพันธ์ยอดขายกับแคมเปญส่งเสริมการขายต่างๆ เป็นต้น

ประเด็นสอบถาม

   1.ธุรกรรมการให้ใช้ข้อมูลของบริษัทฯ ถือเป็นเงินได้ค่าสิทธิหรือค่าบริการคะ

    2. สัญญาการให้ใช้ฐานข้อมูลนี้ ต้องชำระอากรแสตมป์หรือไม่คะ

    3. จากข้อเท็จจริงข้างต้นหากบริษัทฯ ผู้ให้บริการเป็นบริษัทต่างประเทศ จะถือเป็นเงินได้ประเภทเดียวกับที่ผู้ให้บริการเป็นบริษัทไทยหรือไม่คะ

วิสัชนา

กรณีบริษัทฯ ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ซื้อข้อมูลจากบริษัทไทยที่ประกอบกิจการ shopping online และกิจการค้าปลีก มาเพื่อนำมารวบรวม วิเคราะห์ และประมวลผลด้วยโปรแกรมของบริษัทฯ จากนั้นจึงเสนอบริการฐานข้อมูลนี้ให้กับลูกค้าของบริษัทฯ เอง ในรูปแบบของการให้ user name และ password กับลูกค้าในการเข้ามาใช้ฐานข้อมูลนี้ ตาม level ที่ลูกค้าเลือกซื้อ อาทิ

    level 1 เป็นการเข้าถึงฐานข้อมูลจำนวนยอดขาย และ

    level 2จะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกวิเคราะห์ในแต่ละเรื่อง เช่น ความสัมพันธ์ยอดขายกับแคมเปญส่งเสริมการขายต่างๆ เป็นต้น นั้น

       1.ธุรกรรมการให้ใช้ข้อมูลของบริษัทฯ ถือเป็นเงินได้ค่าสิทธิ ตามมาตรา 40 (3) แห่งประมวลรัษฎากร ในลักษณะที่เป็นงานวรรณกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์

      2.สัญญาการให้ใช้ฐานข้อมูลนี้ ไม่ต้องเสียอากรแสตมป์ เพราะไม่ใช่ตราสารจ้างทำของ หากแต่เพียงการให้บริการใช้สิทธิในงานวรรณกรรมของบริษัทฯ  

       3. จากข้อเท็จจริงข้างต้น หากบริษัทฯ ผู้ให้บริการเป็นบริษัทต่างประเทศ ย่อมถือเป็นเงินได้ประเภทเดียวกับที่ผู้ให้บริการเป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยดังกล่าว



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"


เรื่อง

ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการจ่ายค่าลิขสิทธิ์และค่าบริการอื่นให้แก่บริษัทต่างประเทศที่มิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย

แหล่งที่มา

ข้อหารือ กรมสรรพากร

วันที่

21/05/2003

เลขที่หนังสือ

กค 0706/4653

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ข้อกฎหมาย

มาตรา 70, มาตรา 40(8), มาตรา 40(3)

ข้อหารือ

กรณีดังต่อไปนี้ บริษัทฯ ต้องหักภาษีจากเงินได้ที่จ่ายหรือไม่
 1. กรณีจ่ายเงินค่า Software ซึ่งใช้กับผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากบริษัทผู้ผลิต หรือบริษัทสาขาของบริษัทผู้ผลิต โดย Software ดังกล่าวได้นำเข้ามาพร้อมกับตัวเครื่อง (Hardware)โดยราคาSoftware ในใบ Invoice นำเข้าได้แยกรายการต่างหากกับราคา Hardware
 2. กรณีจ่ายเงินค่า Software ระบบปฏิบัติการ (Operating System OS) ไม่ว่าจะนำเข้ามาพร้อมผลิตภัณฑ์หรือนำเข้ามาต่างหากก็ตาม
 3. กรณีจ่ายเงินค่า Application Software ที่ได้ซื้อแยกต่างหากจากเครื่องคอมพิวเตอร์
 4. กรณีจ่ายเงินค่า Software ที่สั่งซื้อผ่านทางบริษัทสาขาซึ่งตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ โดยประเทศเจ้าของลิขสิทธิ์คือประเทศสหรัฐอเมริกา หากต้องหักภาษีจากเงินได้ที่จ่าย จะใช้อัตราภาษีตามอนุสัญญาภาษีซ้อนของประเทศใด
 5. กรณีจ่ายเงินค่า Software ที่เป็นการซื้อโดยตรงจากประเทศเจ้าของลิขสิทธิ์
 6. กรณีจ่ายเงินค่าอบรมในต่างประเทศ
 7. กรณีจ่ายเงินค่าค้ำประกันคุณภาพสินค้าในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ (Warranty Fee)
 8. กรณีจ่ายเงินค่า Channel Fee ซึ่งเป็นค่าอนุญาตให้ช่างของบริษัทฯ ดำเนินการซ่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ของบริษัทผู้ผลิตให้แก่ลูกค้ารายใดก็ได้ แม้บริษัทฯ จะไม่ได้เป็นผู้ขายเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นก็ตาม

แนววินิจฉัย

     1. กรณีบริษัทฯ นำเข้าผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นอุปกรณ์หลัก (Hardware) เช่น ตัวเครื่องจักร หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งบรรจุโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Software) มาพร้อมกับอุปกรณ์หลัก และ Software ทำหน้าที่ควบคุมให้อุปกรณ์หลักใช้งานได้ โดยมิได้กำหนดแยกราคา Software ออกจากราคาอุปกรณ์หลัก (Hardware) Software ดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์หลัก เมื่อบริษัทฯ จ่ายเงินค่า Software ในลักษณะดังกล่าว จึงไม่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร

     2. กรณีบริษัทฯ นำเข้า Software ไม่ว่าจะนำเข้าโดยบรรจุมาพร้อมกับตัวเครื่องหรือนำเข้าโดยแยกต่างหากจากตัวเครื่อง และไม่ว่าจะเป็น Software ระบบปฏิบัติการ (Operating Software-OS) หรือ Application Software หากได้กำหนดแยกราคา Software ออกจากราคาของตัวเครื่อง การจ่ายเงินค่า Software ดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการจ่ายค่าแห่งลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(3) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีหน้าที่หักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร โดยพิจารณาประกอบกับอนุสัญญาภาษีซ้อนที่ประเทศไทยได้ทำไว้กับประเทศซึ่งบริษัทฯ ได้สั่งโปรแกรมเพื่อนำเข้าด้วย

     3. กรณีการจ่ายเงินค่า Software ที่สั่งซื้อผ่านบริษัทสาขาซึ่งตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ โดยประเทศเจ้าของลิขสิทธิ์คือประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากบริษัทฯ จ่ายเงินค่า Software ไปยังบริษัทสาขาซึ่งตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ บริษัทฯ สาขาในประเทศสิงคโปร์ดังกล่าวย่อมมีถิ่นที่อยู่ตามสำนักงานใหญ่ ทั้งนี้ ไม่ว่าประเทศที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่จะเป็นประเทศเจ้าของลิขสิทธิ์ Softwareหรือไม่ก็ตาม บริษัทฯ ต้องพิจารณาการหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายค่า Software ดังกล่าวประกอบกับอนุสัญญาภาษีซ้อนที่ประเทศไทยได้ทำไว้กับประเทศซึ่งสำนักงานใหญ่ของบริษัทสาขาในประเทศสิงคโปร์ตั้งอยู่หากบริษัทฯ จ่ายเงินค่า Software ที่ซื้อโดยตรงกับประเทศเจ้าของลิขสิทธิ์ การจ่ายเงินค่า Software ดังกล่าว บริษัทฯ มีหน้าที่หักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่าย ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร โดยพิจารณาประกอบกับอนุสัญญาภาษีซ้อนที่ประเทศไทยได้ทำไว้กับประเทศ เจ้าของลิขสิทธิ์นั้น

     4. การจ่ายเงินค่าอบรมในต่างประเทศ เป็นกรณีบริษัทต่างประเทศให้บริการอบรมแก่พนักงานของบริษัทฯ หากการอบรมดังกล่าวมิได้เป็นการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี สูตร หรือกรรมวิธีลับใด ๆ เงินค่าอบรมที่บริษัทฯ จ่ายไปยังบริษัทต่างประเทศ ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ไม่มีหน้าที่หักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่าย ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร แต่หากการอบรมดังกล่าวมีการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี สูตร หรือกรรมวิธีลับใด ๆ เงินค่าอบรมที่บริษัทฯ จ่ายไปยังบริษัทต่างประเทศ ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(3) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีหน้าที่หักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามมาตรา 70แห่งประมวลรัษฎากร โดยพิจารณาประกอบกับอนุสัญญาภาษีซ้อนที่ประเทศไทยได้ทำไว้กับประเทศซึ่งบริษัทฯได้จ่ายเงินค่าอบรมดังกล่าว

     5. กรณีจ่ายเงินค่าค้ำประกันคุณภาพสินค้าในช่วงระยะเวลาหนึ่ง (Warranty fee)ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่า หากบริษัทฯ ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการต่างประเทศ และสินค้าดังกล่าวชำรุดเสียหายภายในช่วงระยะเวลา 1 ปี บริษัทต่างประเทศซึ่งเป็นผู้ขายจะให้บริการซ่อมแก่บริษัทฯ โดยไม่เรียกเก็บค่าบริการอีก ทั้งนี้ ค่าค้ำประกันคุณภาพสินค้าดังกล่าว บริษัทฯ ได้จ่ายรวมไปกับค่าสินค้าเรียบร้อยแล้ว จึงเป็นกรณีบริษัทฯ ได้จ่ายเงินค่าซื้อสินค้าทั้งจำนวน แม้ในราคาดังกล่าวสามารถแยกค่าค้ำประกันคุณภาพสินค้าออกมาก็ตาม บริษัทฯ ไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายแต่อย่างใด

     6. กรณีจ่ายเงินค่า Channel Fee ซึ่งเป็นค่าอนุญาตให้ช่างของบริษัทฯ ดำเนินการซ่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ของบริษัทผู้ผลิตให้แก่ลูกค้ารายใดก็ได้ แม้บริษัทฯ จะไม่ได้เป็นผู้ขายเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นก็ตาม เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ควบคุมระบบการเปิดปิดประตูอัตโนมัติ หากผู้ซ่อมไม่มีความรู้ในเทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการควบคุมระบบการเปิดปิดประตูดังกล่าวก็ไม่สามารถดำเนินการซ่อมได้ ซึ่งช่างของบริษัทฯ อาจศึกษาวิธีการซ่อมได้เองจากคู่มือ หรือบริษัทฯ ได้ส่งช่างไปฝึกเพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีและวิธีการซ่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ควบคุมระบบการเปิดปิดประตูดังกล่าว ณ บริษัทผู้ผลิตซึ่งตั้งอยู่ในต่างประเทศ กรณีดังกล่าวสามารถแยกพิจารณาดังนี้

       6.1 กรณีช่างของบริษัทฯ ได้ศึกษาวิธีการซ่อมด้วยตนเองจากคู่มือ โดยมิได้เรียนรู้เทคโนโลยีสูตร หรือกรรมวิธีพิเศษใดๆ ในการซ่อมจากบริษัทผู้ผลิต เมื่อบริษัทฯ จ่ายเงินค่าอนุญาตให้ช่างของบริษัทฯดำเนินการซ่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ของบริษัทผู้ผลิตให้แก่ลูกค้ารายใด ๆ เป็นกรณีบริษัทฯ จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศ บริษัทฯไม่มีหน้าที่หักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่าย ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร

       6.2 กรณีบริษัทฯ ส่งช่างไปฝึกเพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีและวิธีการซ่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ควบคุมระบบการเปิดปิดประตูดังกล่าว ณ บริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศและบริษัทผู้ผลิตได้ถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี สูตร และกรรมวิธีพิเศษในการซ่อมนั้นให้แก่ช่างของบริษัทฯ เมื่อบริษัทฯ จ่ายเงินค่าอนุญาตให้ช่างของบริษัทฯ ดำเนินการซ่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ผลิตให้แก่ลูกค้ารายใด ๆ เป็นกรณีบริษัทฯ จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(3) แห่งประมวลรัษฎากรให้แก่บริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศบริษัทฯ มีหน้าที่หักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่าย ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร โดยบริษัทฯต้องพิจารณาประกอบกับอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยกับประเทศที่บริษัทผู้ผลิตตั้งอยู่

เลขตู้

66/32424

หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ