Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

บริษัทฯ ว่าจ้างชาวต่างชาติเป็นที่ปรึกษา / เกี่ยวกับเรื่อง e withholding tax


เรื่อง บริษัทฯ ว่าจ้างชาวต่างชาติเป็นที่ปรึกษา / เกี่ยวกับเรื่อง e withholding tax
แหล่งที่มา Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วันที่ วันที่ถาม 22/03/2022 - วันที่ตอบ 13/06/2022
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา,ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
ข้อกฎหมาย มาตรา 51 (1) วรรคหนึ่ง และวรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร, ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 20)ฯ
ปุจฉา
ขออนุญาตสอบถามอาจารย์ว่า 
    1. บริษัทฯ จ้างชาวต่างชาติเป็นที่ปรึกษา รับเงินในไทย ทำงานในไทย ต้องหักภาษีกี่ % ค่ะ
    2. อาจารย์คะ อยากรบกวนสอบถาม เรื่อง e-withholding tax คือ ทั้งผู้รับเงินและผู้จ่ายเงิน ต้องเข้าระบบทั้งคู่ใช่ไหมคะ ถึงจะหัก 2% ได้
วิสัชนา
1. กรณีบริษัทฯ ว่าจ้างชาวต่างชาติเป็นที่ปรึกษา รับเงินในไทย ทำงานในไทย นั้น 
    (1) หากชาวต่างประเทศดังกล่าวเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยถึง 180 วันในปีภาษี ให้คำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา 51 (1) วรรคหนึ่ง และวรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ตามอัตราก้าวหน้าของเงินได้สุทธิ ในลักษณะทำนองเดียวกับการจ่ายเงินเดือนค่าจ้าง  
    (2) หากชาวต่างประเทศดังกล่าว อยู่ในประเทศไทยไม่ถึง 180 วันในปีภาษี ให้คำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตรา 15% ของเงินได้ แต่ทั้งนี้ ต้องพิจารณาประเทศที่ชาวต่างชาติดังกล่าวมีภูมิลำเนา 

2. เกี่ยวกับเรื่อง e withholding tax 
    อธิบดีกรมสรรพากรอาศัยอำนาจตามความในตามมาตรา 50 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร และตามความในข้อ 2 ข้อ 5 และข้อ 6 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 364 (พ.ศ. 2563) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการนำส่งเงินภาษี ออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 20)ฯ ลงวันที่ 17  กรกฎาคม พ.ศ. 2563 กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลา ในการนำส่งเงินภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร และยกเว้นการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ดังต่อไปนี้ 
    “ข้อ 1 ในประกาศนี้ 
             “ธนาคาร” หมายความว่าธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน และสถาบันการเงิน ของรัฐที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น 
             “ผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษี” หมายความว่า ผู้มีหน้าที่นำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา 52 ภาษีเงินได้ตามมาตรา 70 และมาตรา 70 ทวิ และภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/5 และมาตรา 83/6 แห่งประมวลรัษฎากร 
    ข้อ 2 ให้ธนาคารที่มี่ความประสงค์เป็นผู้ให้บริการนำส่งข้อมูลและเงินภาษียื่นคำขอผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร เพื่อทรับเงินภาษีจากผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีแทนกรมสรรพากร ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่กำหนดไว้ในขั้นตอนการลงทะเบียน และต้องผ่านการประเมินระบบงานที่เกี่ยวข้องกับการนำส่งรายการและเงินภาษีจากกองเทคโนโลยีสารสนเทศของกรมสรรพากร ทั้งนี้ ธนาคารต้องไม่เคยถูกอธิบดีกรมสรรพากรเพิกถอนการเป็นผู้ให้บริการนำส่งข้อมูลและเงินภาษี ตามประกาศนี้ 
    ข้อ 3 ธนาคารที่ได้รับอนุมัติตามข้อ ๒ อาจกำหนดประเภทของบริการธุรกรรมทางการเงินของ ธนาคารทั้งหมด หรือบางส่วนที่ธนาคารให้บริการเพื่อรองรับระบบการนำส่งเงินภาษี โดยต้องจัดให้ การให้บริการที่สามารถรองรับรายการที่เกี่ยวข้องกับการนำส่งเงินภาษีจากผู้มีหน้าที่ตามท้าย ประกาศนี้ 
ธนาคารมีหน้าที่แจ้งประเภทของบริการธุรกรรมทางการเงินของธนาคารที่ให้บริการเพื่อรองรับระบบการนำส่งเงินภาษีต่อกรมสรรพากรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากรเพื่อการเผยแพร่บนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากรให้ผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง 
    ข้อ 4 ผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีอาจเลือกวิธีการนำส่งเงินได้หักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 52 แห่งประมวลรัษฎากร ภาษีเงินได้ตามมาตรา 70 และมาตรา 70 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร และ ภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/5 และมาตรา 83/6 แห่งประมวลรัษฎากร โดยกระทำผ่านธนาคารที่ได้รับอนุมัติตามข้อ ๒ พร้อมกับการจ่ายเงินได้พึงประเมินหรือการจำหน่ายเงินกำไร หรือเงินประเภทอื่นใดที่กันไว จากกำไรหรือที่ถือได้ว่าเป็นเงินกำไร หรือการจ่ายเงินค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการนอกราชอาณาจักร โดยจะต้องแจ้งรายการที่เกี่ยวข้องกับการนำส่งเงินภาษีต่อธนาคารอย่างน้อยดังต่อไปนี้ 
         (1) เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้มีหเงินภาษี้าที่นำส่ง 
         (2) ชื่อหรือเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้รับเงิน 
         (3) ในกรณีภาษีเงินได้ ให้ระบุประเภทของเงินได้พึงประเมินและจำนวนเงินได้ที่ผู้มีหน้าที่หักภาษีได้นำส่ง และจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ถ้ามี) 
         (4) ในกรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ระบุมูลค่าทั้งหมดที่ผู้ประกอบการได้รับหรือพึงได้ร สินค้าหรือการให้บริการ 
         (5) จำนวนเงินภาษีที่หักหรือนำส่ง 
    ข้อ 5 ให้ธนาคารซึ่งได้รับเงินภาษีและรายการตามข้อ ๔ ออกหลักฐานแสดงการรับชำระเงินภาษีให้แก่ผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีและผู้รับเงินหรือผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ด้วยวิธีการ สามารถระบุได้ว่าหลักฐานดังกล่าวนั้นธนาคารเป็นผู้ออก โดยต้องมีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ 
         (1) เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้มีหน้าที่นเงิภาษีาส่ง 
         (2) เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย (สำหรับธุรกรรมในประเทศ) 
         (3) ประเภทของเงินได้พึงประเมิน 
         (4) จำนวนเงินภาษีหัก ณ ที่จ่าย (ถ้ามี) 
         (5) จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ถ้ามี) 
         (6) หมายเลขอ้างอิง (ธนาคารกำหนดเอง) 
         (7) ชื่อผู้รับเงินภาษาอังกฤษ (สำหรับเฉพาะธุรกรรมระหว่างประเทศ) 
         นามสกุลผู้รับเงินภาษาอังกฤษ (สำหรับเฉพาะธุรกรรมระหว่างประเทศ) 
         เพื่อประโยชน์ในการส่งหลักฐานตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีแจ้งช่องทางการติดต่อของตน และผู้รับเงินหรือผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายให้แก่ธนาคาร 
         ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่กรณีที่ธนาคารส่งหลักฐานให้ผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษี และผู้รับเงินหรือผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย Short Message Service (SMS) แต่ธนาคารต้องระบุรายการอย่างน้อยตาม (1)(2)(4) สำหรับธุรกรรมในประเทศ หรือ (1)(4)(7) สำหรับธุรกรรมระหว่างประเทศ เพื่อเป็นหลักฐานที่ส่งให้ผ่านช่องทางดังกล่าว ให้หลักฐานแสดงการรับชำระเงินภาษีที่ธนาคารได้ออกให้แก่ผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีและผู้รับหรือผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามวรรคหนึ่งเป็นหลักฐานการหักภาษี ณ ที่จ่าย และให้ยกเว้นการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย แก่ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร 
    ข้อ 6 ธนาคารต้องนำส่งเงินภาษีพร้อมรายการตามข้อ 4 และรายการเดินบัญชีในรูปแบบ MT940 หรือตามรูปแบบที่กำหนดไว้ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากรต่อกรมสรรพากรภายในสี่วันทำการนับ ถัดจากวันที่ธนาคารได้รับเงินภาษีและรายการจากผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษี
         รายการที่ธนาคารต้องนำส่งต่อกรมสรรพร้อมเงินภาษีตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในท้ายประกาศนี้”
    จากหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขดังกล่าว e-withholding tax ดังกล่าวข้างต้น นั้น โดยหลักเฉพาะผู้จ่ายเงินได้ที่เป็นผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และนำส่งภาษีเท่านั้นที่ถูกบังคับให้ต้องเข้าระบบ e-withholding tax แต่อย่างไรก็ตาม ผู้รับเงินได้ที่เป็นผู้ถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ก็ต้องชำระเงินผ่านธนาคาร จึงจะได้สิทธิถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตรา 2% ของเงินได้



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ