FB คุณพงษ์นรินทร์ Transfer Pricing Specialist
Transfer Pricing Methodology คืออะไร
| เรื่อง | Transfer Pricing Methodology คืออะไร |
| แหล่งที่มา | FB คุณพงษ์นรินทร์ Transfer Pricing Specialist |
| วันที่ | |
| ประเภทภาษี | |
| ข้อกฎหมาย | |
| คำถาม | Transfer Pricing Methodology คืออะไร ? |
| คำตอบ | วิธีการกำหนดราคา (Transfer Pricing Methodology) ตามข้อ 5 ของประกาศอธิบดีฯ ฉบับที่ 400 เป็นวิธีพิจารณาว่าผลตอบแทนที่บริษัทกำหนดสำหรับธุรกรรมที่ถูกควบคุม (คือธุรกรรมระหว่างบริษัทที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 71 ทวิ วรรค 2) เป็นผลตอบแทนที่คู่สัญญาที่เป็นอิสระต่อกันจะกำหนดสำหรับธุรกรรมที่คล้ายคลึงกัน วิธีกำหนดราคาที่กฎหมายรับรองแล้วมีทั้งหมด 5 วิธี ดังนี้ (2) วิธีราคาขายต่อ (Resale Price Method หรือ RPM) (3) วิธีราคาทุนบวกกำไรส่วนเพิ่ม (Cost Plus Method หรือ CPM) (4) วิธีอัตรากำไรสุทธิที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกรรม (Transactional Net Margin Method หรือ TNMM) และ (5) วิธีแบ่งสรรกำไรของธุรกรรม (Transactional Profit Split Method หรือ TPSM) บริษัทอาจเลือกใช้ “วิธีกำหนดราคาอื่น” นอกเหนือจากวิธีที่รับรองแล้ว เฉพาะแต่กรณีที่พิสูจน์ได้ว่าไม่สามารถปรับใช้วิธีการทั้ง 5 ข้างต้น และมีวิธีการอื่นที่สามารถปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม โดยให้บริษัทแจ้งต่ออธิบดีฯ เป็นหนังสือ ภายใน “รอบระยะเวลาบัญชีที่ใช้วิธีการอื่น” นั้น พร้อมทั้งคำอธิบายเบื้องต้นเกี่ยวกับวิธีราคานั้น รวมถึงอธิบายเหตุที่ไม่สามารถใช้วิธีราคาที่รับรองแล้วโดยละเอียด หากจะยกตัวอย่างวิธีราคาอื่น นอกเหนือจากวิธีที่กฎหมายรับรอง 5 วิธีแล้ว วิธีที่เราจะพบเห็นได้บ่อยๆ โดยเฉพาะในแวดวงที่ปรึกษาทางการเงิน ก็จะเป็นวิธี Discounted Cash Flow (“DCF”) ซึ่งโดยพื้นฐานเป็นวิธีประเมินมูลค่า (“Valuation”) เช่น ใช้ประเมินมูลค่ากิจการ เมื่อประเมินมูลค่าแล้วก็นำมากำหนดเป็นราคาหุ้นที่เสนอขายหุ้นต่อสาธารณชน (Public Offering) เป็นต้น ที่นี้เรามาดูมุมมองของสรรพากรเกี่ยวกับการใช้วิธีประเมินมูลค่ากำหนดราคาโอนในสมัยที่ยังไม่มีกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับราคาโอนกัน ตามหนังสือหารือภาษีที่ กค. 0706/2549 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2549 บริษัท ป. ซึ่งประกอบกิจการสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและร้านสะดวกซื้อในสถานีบริการฯ ต้องการโอนสิทธิการเช่าที่ดิน ซึ่งไม่มีราคาประเมินกรมที่ดินหรือหน่วยงานราชการอื่นๆ ให้กับบริษัทในเครือ จึงให้ผู้ประเมินราคาอิสระที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“กลต.”) รับรองทำการประเมินราคา บริษัทถามกรมสรรพากรว่า “ควรใช้ผู้ประเมินราคาอิสระกี่ราย เพื่อให้กรมสรรพากรยอมรับ และเป็น “ราคายุติธรรม” ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย หากใช้ผู้ประเมินฯ หลายราย และราคาที่ได้ไม่เท่ากัน จะถือราคาเฉลี่ยเป็น “ราคาตลาด” ได้หรือไม่? กรมสรรพากรตอบว่า การใช้ผู้ประเมินอิสระที่ กลต. รับรอง [“จะกี่รายก็แล้วแต่” อันนี้สรรพากรไม่ได้ตอบ] มาประเมินราคาทรัพย์สิน ได้เป็นราคาต่ำกว่ามูลค่าสุทธิตามบัญชี (“Net Book Value”) ยังไม่อาจทราบได้ว่าเป็นราคาตลาดหรือไม่ [ผมแปลความประโยคนี้ว่า “ราคาประเมินเป็นราคาที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ย่อมไม่ใช่ราคาตลาด ซึ่งเป็นราคาที่เกิดขึ้นเมื่อบริษัทอิสระซื้อขายสินทรัพย์ที่คล้ายคลึงกันนั้นจริงๆ”] และ [กำชับว่า] หากการโอนทรัพย์สินดังกล่าวมีค่าตอบแทนต่ำกว่าราคาตลาด เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินค่าตอบแทนตามราคาตลาด ถ้าเป็นสมัยนี้ บริษัท ป. ไม่จำเป็นต้องทำหนังสือขอ Ruling อีกแล้ว ตามประกาศอธิบดีฯ ฉบับที่ 400 บริษัทเพียงแต่ทำหนังสือ “แจ้ง” ไปยังอธิบดีฯ ถึงความจำเป็น และอธิบายสาเหตุที่ไม่สามารถใช้ราคาที่รับรองแล้วทั้ง 5 วิธีได้ พร้อมทั้ง ชี้แจงว่าวิธีการที่จะนำมาใช้ เช่น วิธี DCF เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ อย่างไร และอธิบายเกี่ยวกับวิธี DCF โดยสังเขป ในกรณีนี้ ความเสี่ยงอยู่ที่ความเป็น Competent Authority ของสรรพากร ซึ่งมีอำนาจ access ข้อมูลที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน และนำข้อมูลเปรียบเทียบที่เป็น secret comparables นั้นมาใช้ประเมินภาษี เช่น แม้จะเป็นไปได้ยาก เจ้าหน้าที่ฯ อาจเข้าถึงและใช้ข้อมูลค่าตอบแทนการโอนสิทธิการเช่าที่ดินระหว่างบริษัทอิสระที่คล้ายคลึงกัน ทำธุรกิจเดียวกันมาเทียบเคียงกับราคาโอนตามวิธี CUP ได้ อย่างไรก็ตาม คำถามที่ตามมาคือ การจัดเก็บภาษีด้วยข้อมูลลับเช่นนิ้ เป็นวิธีการที่โปร่งใสและเป็นธรรมกับผู้เสียภาษีหรือไม่? เราจะกลับมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับใช้วิธีราคาที่กฎหมายรับรองทั้ง 5 วิธี เพื่อกำหนดราคาโอนของธุรกรรมที่ถูกควบคุมให้เป็นไปตามหลักการ Arm’s Length ในตอนต่อๆ ไปครับ phongnarin_r@drkilaw.com
ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB: Phongnarin Ratanarangsikul ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะคลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ " Phongnarin Ratanarangsikul " |
