Case study

ภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีทำลายสินค้าตามคำสั่ง Vendor


เรื่อง ภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีทำลายสินค้าตามคำสั่ง Vendor
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 03/04/2025
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ข้อกฎหมาย
คำถาม

กรณีบริษัทฯ  ซื้อสินค้าจาก Supplier ต่างประเทศ และหลังจากได้รับสินค้าแล้วพบว่า สินค้าไม่ตรงตามที่ตกลง หรือชำรุดเสียหาย หรือด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม และทาง Supplier ต่างประเทศยินดีรับผิดชอบให้คืนสินค้าดังกล่าวได้ โดยได้ออกใบลดหนี้ค่าสินค้า แต่มีความประสงค์จะบริษัทในประเทศไทยทำลายสินค้าให้ นั้น สามารถทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้ ต้องทำอย่างไรบ้าง จึงจะไม่มีความเสี่ยงที่จะถูกเจ้าหน้าที่ประเมินเพิ่มเติม

คำตอบ

คำตอบ 

กรณีบริษัทฯ  ซื้อสินค้าจาก Supplier ต่างประเทศ และหลังจากได้รับสินค้าแล้วพบว่า สินค้าไม่ตรงตามที่ตกลง หรือชำรุดเสียหาย หรือด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม และทาง Supplier ต่างประเทศยินดีรับผิดชอบให้คืนสินค้าดังกล่าวได้ โดยได้ออกใบลดหนี้ค่าสินค้า แต่มีความประสงค์จะบริษัทในประเทศไทยทำลายสินค้าให้ นั้น สามารถทำได้ โดยปฏิบัติดังนี้


1. เมื่อบริษัทฯ ได้รับใบลดหนี้ แล้ว บริษัทฯ สามารถตัดรายการสินค้าออกจากรายงานได้ ก็ต่อเมื่อบริษัทฯ ได้ดำเนินการทำลายตามแนวทางปฏิบัติของกรมสรรพากรตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 79/2541 ฯ ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 


2. ถ้า Supplier ต่างประเทศไม่ประสงค์จะรับของคืน เราเอาไปใช้หรือขายก็ไม่ได้ บริษัทฯ จะต้องจัดการทำลายสินค้าตามแนวทางปฏิบัติของกรมสรรพากรตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 79/2541 ฯ ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 ตามความประสงค์ของ Supplier ต่างประเทศ โดยไม่ต้องเปิดบิลขายให้ Supplier ต่างประเทศ และไม่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด


3. สำหรับรายจ่ายในการนำเข้าสินค้า ที่บริษัทฯ ได้จ่ายไปในการนำเข้าสินค้าจาก Supplier ที่สินค้าไม่ตรงตามที่ตกลง หรือชำรุดเสียหาย หรือด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ในส่วนของภาษีซื้อจากการนำเข้าสินค้าดังกล่าว บริษัทฯ ได้นำไปใช้เป็นเครดิตหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว บริษัทฯ จะต้องเรียกเก็บค่าชดเชยจาก Supplier ในต่างประเทศด้วย โดยค่าชดเชยดังกล่าวไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากไม่ถือเป็นค่าตอบแทนจากการขายสินค้าหรือการให้บริการ ตามมาตรา 77/1 (8) มาตรา 77/1 (10) และมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น บริษัทฯ จึงไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีกรณีเรียกเก็บเงินชดเชยค่าเสียหาย


และ บริษัทฯ ต้องนำเงินชดเชยความเสียหายที่บริษัทได้รับมาถือเป็นรายได้โดยใช้เกณฑ์สิทธิในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 65 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 1/2528 



https://www.rd.go.th/3575.html

คำสั่งกรมสรรพากร

ที่ ป. 79/2541

เรื่อง      แนวทางปฏิบัติ กรณีการทำลายของเสีย สินค้าที่เสื่อมคุณภาพ สินค้าที่มีตำหนิสินค้าที่หมดสมัยนิยม สินค้าที่หมดอายุ และเศษซาก

---------------------------------------------

                เพื่อให้เจ้าพนักงานสรรพากรถือเป็นแนวทางปฏิบัติในการตรวจสอบและแนะนำการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการทำลายของเสีย สินค้าที่เสื่อมคุณภาพ สินค้าที่มีตำหนิ สินค้าที่หมดสมัยนิยม สินค้า ที่หมดอายุ และเศษซาก กรมสรรพากรจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้

                ข้อ 1 ในคำสั่งนี้ เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น

                        (1) ของเสียตามปกติ หมายถึงของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้กรรมวิธีการผลิต ซึ่งได้มีการกำหนดอัตราของเสียที่ถือว่าเป็นอัตราปกติของกรรมวิธีการผลิต

                        (2) ของเสียเกินปกติ”หมายถึงของเสียที่เกิดขึ้นมากกว่าอัตราปกติที่ได้กำหนดไว้ในกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ

                        (3) เศษซาก หมายถึงเศษวัตถุที่เกิดจากกระบวนการผลิตบางประเภทซึ่งมีมูลค่ากลับคืนที่อาจวัดได้ แต่มีจำนวนน้อย

                ข้อ 2 การพิจารณาต้นทุนหรือรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับผลิตภัณฑ์ หน่วยที่ดี ให้ถือว่าต้นทุนของของเสียตามปกติที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต เป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนของผลิตภัณฑ์หน่วยที่ดีด้วย

                ข้อ 3 การลงรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับของเสียเกินปกติที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต สินค้าที่เสื่อมคุณภาพ สินค้าที่มีตำหนิ สินค้าที่หมดสมัยนิยม สินค้าที่หมดอายุ และเศษซาก ถ้าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลประสงค์จะตัดต้นทุนดังกล่าวเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิของรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ทำลายนั้น บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้

                        (1) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอยู่ในเขตอุตสาหกรรมส่งออก ให้ถือปฏิบัติตามวิธีการเกี่ยวกับการทำลายของเสีย สินค้า และเศษซากที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกำหนดและให้เชิญผู้สอบบัญชีมาเป็นพยานในการทำลาย หรือจัดทำรายงานการทำลายให้ผู้สอบบัญชีรับทราบ ทั้งนี้ ให้ผู้สอบบัญชีรับรองเป็นลายลักษณ์อักษรแนบงบดุลไว้ด้วย

                        (2) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่มีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศมาใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก การควบคุมปริมาณวัตถุดิบนำเข้าซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนนั้น ในการทำลายวัตถุดิบ ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกำหนด และให้เชิญผู้สอบบัญชีมาเป็นพยานในการทำลาย หรือจัดทำรายงานการทำลายให้ผู้สอบบัญชีรับทราบ ทั้งนี้ ให้ผู้สอบบัญชีรับรองเป็นลายลักษณ์อักษรแนบงบดุลไว้ด้วย สำหรับการทำลายสินค้าอื่นนอกจากวัตถุดิบดังกล่าวข้างต้น ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตาม (3)

                        (3) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่น

                              (3.1) การทำลายของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากที่โดยสภาพไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ เช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร เวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เป็นต้น บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้

                                       (ก) ต้องมีการตรวจสอบสภาพสินค้าดังกล่าวว่า เสียหายตามเงื่อนไขที่แต่ละกิจการได้กำหนดไว้หรือไม่ และต้องได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจในการพิจารณาให้เป็นสินค้าเสียหายตามเงื่อนไข ที่กำหนดดังกล่าว กรณีสินค้าที่ได้รับคืน บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องมีเอกสารหลักฐานการรับคืนสินค้า ซึ่งระบุรายละเอียดของสินค้าที่รับคืน เช่น วันเดือนปีที่รับคืน ปริมาณสินค้า ชนิดสินค้าหรือรหัสสินค้า สาเหตุที่รับคืนสินค้า เลขที่อ้างอิงของการสั่งซื้อสินค้าที่รับคืนนั้น และให้มีการลงลายมือชื่อของลูกค้าที่คืนสินค้า พนักงานที่รับคืนสินค้าด้วย เมื่อมีการนำสินค้าที่รับคืนมาเก็บไว้เพื่อรอทำลาย ให้พนักงานฝ่ายคลังสินค้าที่เก็บรักษาสินค้าเสียหายตรวจนับและลงลายมือชื่อกำกับไว้ พร้อมทั้งแจ้งให้ฝ่ายบัญชีทราบด้วย

                                       (ข) เมื่อได้รับอนุมัติให้ทำลายของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากจากผู้มีอำนาจอนุมัติให้ทำลายแล้ว ให้มีบุคคลอย่างน้อยประกอบด้วย ฝ่ายคลังสินค้า ฝ่ายบัญชี ฝ่ายขาย หรือฝ่ายตรวจสอบ (ถ้ามี) ร่วมสังเกตการณ์ และลงลายมือชื่อเป็นพยานในการทำลาย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชี พร้อมทั้งให้เชิญผู้สอบบัญชีมาเป็นพยานในการทำลาย ทั้งนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่จำเป็นต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่กรมสรรพากรร่วมเป็นพยานในการทำลายก็ได้

                              (3.2) การทำลายของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากที่โดยสภาพสามารถเก็บรักษาและรอการทำลายพร้อมกันได้เมื่อมีปริมาณที่เหมาะสม บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตาม (3.1) และให้แจ้งการทำลายให้สรรพากรพื้นที่หรือสรรพากรจังหวัด หรือสรรพากรจังหวัด (สาขา) ในท้องที่ที่รับผิดชอบทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 30 วันก่อนวันทำลาย ซึ่งสรรพากรพื้นที่ หรือสรรพากรจังหวัด หรือสรรพากรจังหวัด (สาขา) อาจส่งเจ้าหน้าที่ไปดูการทำลายด้วยก็ได้ตามความเหมาะสมแล้วแต่กรณี

                ข้อ 4 บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือตอบข้อหารือ หรือแนวทางปฏิบัติใดที่ขัดหรือแย้งกับคำสั่งนี้ให้เป็นอันยกเลิก

สั่ง ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541

ร้อยเอก สุชาติ เชาว์วิศิษฐ

อธิบดีกรมสรรพากร





อ้างอิงคำตอบ

เรื่อง

Supplier ต่างประเทศส่งสินค้าผิดมาให้ และได้ส่งใบลดหนี้มาให้แล้ว แต่ไม่ประสงค์รับของคืน

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 03/01/2023 - วันที่ตอบ 07/01/2023

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 79/2541 ฯ

ปุจฉา

ขอสอบถามค่ะ Supplier ต่างประเทศส่งสินค้าผิดมาให้ และได้ส่งใบลดหนี้มาให้แล้ว

    1.เมื่อเราได้รับใบลดหนี้ เราสามารถตัดรายการสินค้าออกจากรายงานได้เลยใช่มั๊ยค่ะ

    2.ถ้า supplier ไม่ประสงค์จะรับของคืน เราเอาไปใช้หรือขายก็ไม่ได้ เราจะต้องจัดการกับสินค้าที่ส่งมาผิดยังไงซึ่งบริษัทเข้าใจว่าสามารถเก็บไว้เฉยได้ (สนง. บัญชี แนะนำให้ส่งคืน supplier หรือเปิดบิลขายให้ Supplier เพราะว่าสรรพากรจะมาตรวจว่ามีใบขนส่งคืนมั๊ย ถ้าไม่มีใบขนมีบิลเปิดขายไหม

วิสัชนา

การทำลายสินค้าที่ Supplier ต่างประเทศส่งสินค้าผิดมาให้ และได้ส่งใบลดหนี้มาให้ด้วยแล้ว นั้น ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 79/2541 ฯ ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 ดังนี้  

    1. การทำลายของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากไม่ว่าจะเป็นของเสียหรือสินค้าที่โดยสภาพไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ เช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร เวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เป็นต้น หรือของเสียหรือสินค้าที่โดยสภาพสามารถเก็บรักษาไว้ได้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้

        (1) ต้องมีระบบการควบคุมภายในที่ดีเกี่ยวกับการทำลายสินค้า โดย

             (ก) ทำการตรวจสอบสภาพสินค้าดังกล่าวว่า เสียหายตามเงื่อนไขที่แต่ละกิจการได้กำหนดไว้หรือไม่ และ

             (ข) ต้องได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจในการพิจารณาให้เป็นสินค้าเสียหายตามเงื่อนไขที่กำหนดดังกล่าว

             (ค) กรณีสินค้าที่ได้รับคืน บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องมีเอกสารหลักฐานการรับคืนสินค้า ซึ่งระบุรายละเอียดของสินค้าที่รับคืน เช่น วันเดือนปีที่รับคืน ปริมาณสินค้า ชนิดสินค้าหรือรหัสสินค้า สาเหตุที่รับคืนสินค้า เลขที่อ้างอิงของการสั่งซื้อสินค้าที่รับคืนนั้น และให้มีการลงลายมือชื่อของลูกค้าที่คืนสินค้า พนักงานที่รับคืนสินค้าด้วย เมื่อมีการนำสินค้าที่รับคืนมาเก็บไว้เพื่อรอทำลาย ให้พนักงานฝ่ายคลังสินค้าที่เก็บรักษาสินค้าเสียหายตรวจนับและลงลายมือชื่อกำกับไว้ พร้อมทั้งแจ้งให้ฝ่ายบัญชีทราบด้วย

        (2) เมื่อได้รับอนุมัติให้ทำลายของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากจากผู้มีอำนาจอนุมัติให้ทำลายแล้ว ให้มีบุคคลอย่างน้อยประกอบด้วย ฝ่ายคลังสินค้า ฝ่ายบัญชี ฝ่ายขาย หรือฝ่ายตรวจสอบ (ถ้ามี) ร่วมสังเกตการณ์ และลงลายมือชื่อเป็นพยานในการทำลาย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชี พร้อมทั้งให้เชิญผู้สอบบัญชีมาเป็นพยานในการทำลาย ทั้งนี้

    2. การแจ้งการทำลายของเสียหรือสินค้าหรือเศษซาก

        (1) สำหรับของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากที่โดยสภาพไม่สามารถเก็บรักษาและรอการทำลายพร้อมกันได้ เช่น ของสด เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์อาหารที่บูดเน่า เป็นต้น ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลทำลายของเสียหรือสินค้าหรือเศษซาก โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่กรมสรรพากรร่วมเป็นพยานในการทำลายก็ได้

        (2) สำหรับของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากที่โดยสภาพสามารถเก็บรักษาและรอการทำลายพร้อมกันได้เมื่อมีปริมาณที่เหมาะสม ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องแจ้งการทำลายให้สรรพากรพื้นที่หรือสรรพากรจังหวัด หรือสรรพากรจังหวัด (สาขา) ในท้องที่ที่รับผิดชอบทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 30 วันก่อนวันทำลาย ซึ่งสรรพากรพื้นที่ หรือสรรพากรจังหวัด หรือสรรพากรจังหวัด (สาขา) อาจส่งเจ้าหน้าที่ไปดูการทำลายด้วยก็ได้ตามความเหมาะสมแล้วแต่กรณี


ต่อขุ้อถาม ขอเรียนว่า

    กรณี Supplier ต่างประเทศส่งสินค้ามาให้บริษัทฯ ผิดไปจากข้อกำหนดที่ตกลงกัน และได้ส่งใบลดหนี้มาให้แล้ว ในส่วนของภาษีซื้อจากการนำเข้าสินค้าดังกล่าว บริษัทฯ ได้นำไปใช้เป็นเครดิตหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว สำหรับค่าใช้จ่ายในการนำเข้า อาทิ ภาษีศุลกากร และค่าใช้จ่ายในการออกของอื่นๆ นั้น บริษัทฯ พึงต้องเรียกรับค่าชดเชยจาก Supplier ในต่างประเทศต่อไป

    1. เมื่อบริษัทฯ ได้รับใบลดหนี้ แล้ว บริษัทฯ ย่อมสามารถตัดรายการสินค้าออกจากรายงานได้ก็ต่อเมื่อบริษัทฯ ได้ดำเนินการทำลายตามแนวทางปฏิบัติของกรมสรรพากรตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 79/2541  ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 ดังกล่าวข้างต้น  

    2. ถ้า supplier ไม่ประสงค์จะรับของคืน เราเอาไปใช้หรือขายก็ไม่ได้ บริษัทฯ พึงต้องจัดการทำลายสินค้าตามแนวทางปฏิบัติของกรมสรรพากรตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 79/2541  ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 ดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องเปิดบิลขายให้ Supplier เมื่อเจ้าพนักงานสรรพากรเข้าตรวจสอบภาษีอากร แม้ว่าจะมีใบขนสินค้า แต่ได้มีหนังสือโต้ตอบ และรับแจ้งจาก Supplier ว่าไม่ประสงค์จะรับคืน บริษัทฯ จึงต้องดำนเนินการทำลายสินค้า เนื่องจากไม่สามารถนำไปขายหรือใช้การใด ๆ ได้


เครดิต อาจารย์ Yong Yee


ขอขอบคุณข้อมูจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"



เรื่อง

ซื้อสินค้าจากต่างประเทศไม่ได้คุณภาพ ได้รับใบลดหนี้ทั้งจำนวนแต่ไม่ส่งสินค้าคืน แจ้งให้ทำลายแทนโดยการส่งไปในเขตฟรีโซน

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 09/09/2024 - วันที่ตอบ 10/09/2024

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

-

ปุจฉา

ขอสอบถามอาจารย์เกี่ยวกับสินค้าคงเหลือค่ะ

บริษัท A เป็นผู้ผลิตสินค้าที่อยู่ในประเทศไทยและได้รับส่งเสริมการลงทุน BOI ได้มีการซื้อสินค้าวัตถุดิบ RM มาจากบริษัท B ในต่างประเทศเพื่อใช้ในการผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูป FG และขายส่งออกไปให้กับบริษัท B ในต่างประเทศ แต่ภายหลังทราบว่า สินค้าวัตถุดิบ RM ดังกล่าวที่ซื้อมาจากบริษัท B ไม่ได้คุณภาพและไม่สามารถผลิตสินค้าได้และได้แจ้งปัญญาดังกล่าวให้กับทางบริษัท B ทราบ บริษัท B จึงได้ออกใบลดหนี้ CN ทั้งจำนวนให้กับบริษัท A แต่บริษัท A ไม่ได้มีการส่งสินค้าคืนให้กับบริษัท B ในต่างประเทศ เนื่องจากมีต้นทุนในการขนส่งที่สูง บริษัท B จึงให้บริษัท A ดำเนินการทำลายสินค้าดังกล่าวแทน (บริษัท A ทำลายโดยการขายออกไปในเขต Fee Zone)

จึงรบกวนสอบถามท่านอาจารย์ดังนี้

    1. สินค้าที่บริษัท B ในต่างประเทศที่ฝากบริษัท A ในประเทศไทยทำลาย จะต้องแจ้งการทำลายสินค้าดังกล่าวต่อกรมสรรพากรหรือไม่

    2.การตัด Stock สินค้าบริษัท A จะต้องตัดสินค้าออกจาก Stock วันไหน ตามวันที่ออกใบลดหนี้ CN หรือไม่ หรือต้องตัด Stock ออกในวันที่ขายสินค้าดังกล่าวไปในเขต Fee Zone 

    3. หากมีวัตถุดิบ RM บางส่วนผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูป FG แล้ว แต่ไม่สามารถขายได้ แต่ทางบริษัท B ได้มีการออกใบลดหนี้ให้กับบริษัท A เท่าราคาขาย และได้ฝากบริษัท A ทำลายโดยการขายไปในเขต Fee Zone เช่นเดียวกับวัตถุดิบ RM จึงรบกวนสอบถามท่านอาจารย์เพิ่มเติมว่ารายการ FG ดังกล่าวจะต้องแจ้งทำลายต่อกรมสรรพากรหรือไม่

    4. ใบลดหนี้ CN ทั้งค่าวัตถุดิบ RM และค่าสินค้าสำเร็จรูป FG ที่ทางบริษัท B ออกมาให้กับบริษัท A จะต้องยื่น PP 30 ต่อกรมสรรพากรหรือไม่

วิสัชนา

กรณีบริษัท A เป็นผู้ผลิตสินค้าที่อยู่ในประเทศไทย และได้รับส่งเสริมการลงทุน BOI ได้มีการซื้อสินค้าวัตถุดิบ RM มาจากบริษัท B ในต่างประเทศเพื่อใช้ในการผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูป FG และขายส่งออกไปให้กับบริษัท B ในต่างประเทศ แต่ภายหลังทราบว่า สินค้าวัตถุดิบ RM ดังกล่าวที่ซื้อมาจากบริษัท B ไม่ได้คุณภาพและไม่สามารถผลิตสินค้าได้ และได้แจ้งปัญญาดังกล่าวให้กับทางบริษัท B ทราบ บริษัท B จึงได้ออกใบลดหนี้ CN ทั้งจำนวนให้กับบริษัท A แต่บริษัท A ไม่ได้มีการส่งสินค้าคืนให้กับบริษัท B ในต่างประเทศ เนื่องจากมีต้นทุนในการขนส่งที่สูง บริษัท B จึงให้บริษัท A ดำเนินการทำลายสินค้าดังกล่าวแทน ซึ่งบริษัท A ทำลายโดยการขายออกไปในเขต Fee Zone  นั้น

    1. สินค้าที่บริษัท B ในต่างประเทศที่ฝากบริษัท A ในประเทศไทยทำลาย แต่บริษัท A ได้จัดส่งเข้าไปในเขต Free Zone อันถือเป็นการส่งออกสินค้า จึงไม่ต้องแจ้งการทำลายสินค้าดังกล่าวต่อกรมสรรพากรแต่อย่างใด

    2.ให้บริษัท A ดำเนินการตัด Stock สินค้าออกจาก Stock ในวันที่ส่งสินค้าดังกล่าวไปในเขต Fee Zone

    3.หากมีวัตถุดิบ RM บางส่วนผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูป FG แล้ว แต่ไม่สามารถขายได้ แต่ทางบริษัท B ได้มีการออกใบลดหนี้ให้กับบริษัท A เท่าราคาขาย และได้ฝากบริษัท A ทำลายโดยการขายไปในเขต Fee Zone เช่นเดียวกับวัตถุดิบ RM รายการ FG ดังกล่าว ไม่ต้องแจ้งการทำลายต่อกรมสรรพากร เช่นเดียวกับ RM ตามข้อ 1

    4.ใบลดหนี้ CN ทั้งค่าวัตถุดิบ RM และค่าสินค้าสำเร็จรูป FG ที่ทางบริษัท B ออกมาให้กับบริษัท A ไม่ต้องนำมูลค่าสินค้าตาม CN ไปเป็นฐานในการยื่นแบบ PP 30 แต่อย่างใด เว้นแต่การขายสินค้าเข้าไปในเขต Free Zone ซึ่งบริษัทฯ ได้สิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 0% โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินพิธีการทางศุลกากร สำหรับการส่งออกสินค้าดังกล่าว



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"



เรื่อง

ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีเงินชดเชยค่าเสียหาย

แหล่งที่มา

ข้อหารือ กรมสรรพากร

วันที่

01/05/2006

เลขที่หนังสือ

กค 0706/3551

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

มาตรา 65 วรรคสอง มาตรา 77/1(8)(10) และมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร

ข้อหารือ

     บริษัท ก. ได้ว่าจ้างบริษัท ส. ดำเนินการสรรหา รับสมัคร และคัดเลือกบุคคลภายนอก เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน จำนวน 509 คน ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการไปบางส่วนแล้ว ต่อมาบริษัท ก. ได้ยกเลิกการสั่งจ้างด้วยเหตุจำเป็นบางประการ บริษัทฯ จึงได้มีหนังสือเรียกร้องเงินชดเชยจากบริษัท ก. และได้รับเงินชดเชยค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 12,500,000 บาทบริษัทฯ จึงขอทราบว่า
        1. เงินชดเชยที่บริษัทฯ ได้รับจากบริษัท ก. จำนวน 12,500,000 บาท อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือไม่
        2. เงินชดเชยดังกล่าว บริษัทฯ ต้องนำมาถือเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในปี 2548 ที่บริษัท ก. ตกลงจ่ายให้ หรือในปี 2549 ที่บริษัทฯ ได้รับเงินจริง

แนววินิจฉัย

     1. เงินชดเชยความเสียหายที่บริษัทฯ ได้รับจากบริษัท ก. ไม่ถือเป็นค่าตอบแทนจากการขายสินค้าหรือการให้บริการ ไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนั้น บริษัทฯ จึงไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีกรณีเรียกเก็บเงินชดเชยค่าเสียหาย ทั้งนี้ ตามมาตรา 77/1(8) มาตรา 77/1(10) และมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร
      2. บริษัทฯ ต้องนำเงินชดเชยความเสียหายที่บริษัท ก. ตกลงจ่ายให้ในปี 2548 มาถือเป็นรายได้โดยใช้เกณฑ์สิทธิในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 65 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 1/2528 เรื่อง การใช้เกณฑ์สิทธิในการคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2528 

เลขตู้

69/34146

หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ