Case study

บริษัทจ่ายค่าเช่าห้องพักรายเดือนให้พนักงาน เพื่อไปปฎิบัติงานต่างจังหวัด ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายหรือไม่


เรื่อง บริษัทจ่ายค่าเช่าห้องพักรายเดือนให้พนักงาน เพื่อไปปฎิบัติงานต่างจังหวัด ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายหรือไม่
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 15/01/2025
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
ข้อกฎหมาย
คำถาม

บริษัทจ่ายค่าเช่าห้องพักรายเดือนให้พนักงาน เพื่อไปปฎิบัติงานต่างจังหวัด ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายหรือไม่

คำตอบ

ตอบ 

กรณีบริษัทฯ จ่ายค่าเช่าห้องพักให้แมนชั่น อพาร์ทเมนท์ ซึ่งจากโจทย์ไม่ได้แจ้งว่าเจ้าของแมนชั่น อพาร์ทเมนท์ นั้น จดทะเบียนประกอบกิจการ ในรูปแบบใด คือ บุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคล (บริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด) และประกอบกิจการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ที่มีการส่งมอบครองพื้นที่ให้กับผู้เช่า หรือ ประกอบกิจการรูปแบบ Service apartment (ลักษณะคล้ายโรงแรม) ที่ไม่ได้มีการส่งมอบครอบครองพื้นที่ มีการเข้าไปให้บริการ ทำความสะอาด และบริการอื่นใด ซึ่งข้อเท็จจริงเหล่านี้ มีผลต่อคำตอบว่าควรจะหัก ณ ที่จ่ายหรือไม่ ดังนั้นจะขอตอบให้เป็นแต่ละกรณีต่อไปนี้คะ


1. กรณีเช่าห้องและมีการส่งมอบครองพื้นที่ ให้แก่ผู้เช่าที่ประกอบกิจการให้เช่าทรัพย์สิน

       1.1 การให้เช่าทรัพย์สิน เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (5) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร

       1.2 การให้เช่าห้องพักรายวัน ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81 (1)(ณ) แห่งประมวลรัษฎากร

       1.3 กรณีผู้เช่าเป็นบริษัท เมื่อจ่ายค่าเช่าตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่าย ในอัตรา 5% ของเงินได้ ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 

             - หากจ่ายให้กับผู้ให้เช่า ที่เป็นบุคคลธรรมดา ให้หัก ณ ที่จ่ายในอัตรา 5% และนำส่งแบบ ภ.ง.ด.3 

             - หากจ่ายให้กับผู้ให้เช่า ที่เป็นนิติบุคคล (บริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด) ให้หัก ณ ที่จ่ายในอัตรา 5% และนำส่งแบบ   ภ.ง.ด.53


2. กรณีเช่าห้องและไม่มีการส่งมอบครองพื้นที่ ให้แก่ผู้เช่าที่ประกอบกิจการให้ใช้บริการพื้นที่

       2.1 การให้ใช้พื้นที่ เป็นกิจการให้บริการที่อยู่ในข่ายที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 (1) ประกอบมาตรา 77/1 (10) แห่งประมวลรัษฎากร และเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร

       2.2 กรณีผู้ใช้บริการเป็นบริษัท ที่จ่ายค่าเช่า ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตรา 3% ของเงินได้ ตามมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528

             - หากจ่ายให้กับผู้ให้เช่า ที่เป็นบุคคลธรรมดา ให้หัก ณ ที่จ่ายในอัตรา 3% และนำส่งแบบ ภ.ง.ด.3 

             - หากจ่ายให้กับผู้ให้เช่า ที่เป็นนิติบุคคล (บริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด) ให้หัก ณ ที่จ่ายในอัตรา 3% และนำส่งแบบ   ภ.ง.ด.53


3. กรณีเช่าห้องพักรายวันหรือรายเดือน ซึ่งเป็นเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ในลักษณะทำนองเดียวกับโรงแรม 

     3.1 กิจการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ในลักษณะทำนองเดียวกับโรงแรม เป็นกิจการให้บริการที่อยู่ในข่ายที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 (1) ประกอบมาตรา 77/1 (10) แห่งประมวลรัษฎากร และเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร 

    3.2 เมื่อบริษัทฯ จ่ายค่าเช่าห้องพักรายวันหรือรายเดือน บริษัทฯ ไม่มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แต่อย่างใด ตามข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528


สรุป

ผู้รับเงิน (ผู้ให้เช่า)

กิจการให้เช่าทรัพย์สิน

กิจการให้บริการใช้พื้นที่

กิจการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์

หัก ณ ที่จ่าย

ภาษีมูลค่าเพิ่ม

หัก ณ ที่จ่าย

ภาษีมูลค่าเพิ่ม

หัก ณ ที่จ่าย

ภาษีมูลค่าเพิ่ม

บุคคลธรรมดา

5%

NON VAT

3%

VAT

ไม่หัก

VAT

นิติบุคคล

5%

NON VAT

3%

VAT

ไม่หัก

VAT



อ้างอิงข้อกฏหมาย


ประกาศกรมสรรพากร

เรื่อง      การหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร

  ข้อ 3 กรณีจ่ายค่าเช่า หรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้เนื่องจากการให้เช่าทรัพย์สินแต่ไม่รวมถึงค่าแห่งอาคารหรือโรงเรือนที่ได้รับกรรมสิทธิ์ ถ้าผู้จ่ายเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่น จ่ายเงินได้ดังกล่าวให้แก่ผู้รับดังต่อไปนี้ ได้กำหนดให้หักภาษี ณ ที่จ่าย ดังนี้ คือ

                        (1) ผู้รับเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ให้หักในอัตราร้อยละ 5.0

                        (2) ผู้รับเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย ให้หักในอัตราร้อยละ 5.0

                        (3) ผู้รับเป็นมูลนิธิหรือสมาคมที่มิใช่มูลนิธิหรือสมาคมที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้หักภาษีในอัตราร้อยละ 10.0



คำสั่งกรมสรรพากร
 ที่ ท.ป. 4/2528
 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่ หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย


ข้อ 6ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งเป็นผู้จ่ายค่าเช่าหรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้เนื่องจากการให้เช่าทรัพย์สิน ตามมาตรา 40(5)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร แต่ไม่รวมถึงค่าแห่งอาคารหรือโรงเรือนที่ได้รับกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้รับซึ่งเป็น
 (1) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หักภาษี ณ ที่จ่าย โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 5.0
                   “(1/1) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นอกจากที่ระบุใน (4) หักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดำเนินการนำส่งภาษีด้วยวิธีการที่กำหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0”
 
(แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.354/2566 ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป)
 (2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย นอกจากที่ระบุใน (3) หักภาษี ณ ที่จ่ายโดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 5.0
                   “(2/1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย นอกจากที่ระบุใน (3) และ (4) หักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดำเนินการนำส่งภาษีด้วยวิธีการที่กำหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0”
 
(แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.354/2566 ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป)


              "ข้อ 12/1 ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) เฉพาะที่เป็นการจ่ายเงินได้จากการให้บริการอื่น ๆ นอกเหนือจากกรณีที่กำหนดไว้ในข้อ 8 ข้อ 9 (2) ข้อ 10 ข้อ 12 ข้อ 12/3 และข้อ 12/4 แต่ไม่รวมถึงการจ่าย ค่าบริการของโรงแรม ค่าบริการของภัตตาคาร และค่าเบี้ยประกันชีวิต ให้แก่ผู้รับซึ่งเป็น
 (1) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หักภาษี ณ ที่จ่าย โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 3.0
                         “(1/1) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563 โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.5”
 
(แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.324/2563 ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป)
                         “(1/2) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับเงินได้พึงประเมิน ที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดำเนินการนำส่งภาษี ด้วยวิธีการที่กำหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0”
 
(แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.354/2566 ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป)
 (2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคม หักภาษี ณ ที่จ่าย โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 3.0
                         “(2/1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคม หักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563 โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.5”
 
(แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.324/2563 ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป)
                         “(2/2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ไม่รวมถึง มูลนิธิหรือสมาคม หักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดำเนินการนำส่งภาษีด้วยวิธีการที่กำหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0”
 
(แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.354/2566 ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป)
 คำว่า “การให้บริการ” หมายความว่า การกระทำใด ๆ อันอาจหาประโยชน์อันมีมูลค่าซึ่งมิใช่การขายสินค้า



อ้างอิงคำตอบ


เรื่อง

นำห้องเช่ารายเดือน ไปปล่อยเช่าเป็นรายวัน ผ่าน agent เช่น agoda

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 20/03/2024 - วันที่ตอบ 14/04/2024

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

มาตรา 40 (5) (ก) ,มาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร

ปุจฉา

ในช่วงโควิคที่ผ่านมา ได้นำห้องเช่ารายเดือนไปปล่อยเช่าเป็นรายวันผ่าน agent เช่น agoda โดยรายได้หลังหักคอมมิชชั่น, ภาษี vat 7% แล้วรายได้ส่วนนี้จัดเป็นรายได้ประเภทที่ 5 หรือ 8 ค่ะ

วิสัชนา

1. การให้เช่าพื้นที่ อันเป็นอสังหาริมทรัพย์

    1.1 สัญญาเช่าทรัพย์ คือ สัญญาซึ่งบุคคลหนึ่งที่เรียกว่า ผู้ให้เช่า ตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า "ผู้เช่า" ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่ง ชั่วระยะเวลาอันจำกัดและผู้เช่าตกลงจะให้ค่าเช่าเพื่อการนั้น (มาตรา 537 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์)

         สัญญาเช่าทรัพย์มีลักษณะดังนี้คือ

         (1)  เป็นสัญญาต่างตอบแทน ซึ่งคู่สัญญาเช่าทรัพย์ต่างเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ซึ่งกันและกัน กล่าวคือ ผู้ให้เช่าเป็นลูกหนี้โดยมีหน้าที่ที่จะต้องส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าให้แก่ผู้เช่าในขณะเดียวกันก็เป็นเจ้าหนี้ในอันที่จะได้รับค่าเช่าทรัพย์สินนั้น

         (2)  ผู้เช่ามีสิทธิได้ใช้หรือได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินที่เช่า

               สิทธิของผู้เช่าในทรัพย์สินที่เช่านั้น แม้ช่วงเวลานานเพียงใดก็เป็นสิทธิที่จะได้ใช้หรือได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินที่เช่านั้น ผู้เช่าไม่ได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เช่า เช่นเช่าบ้าน ผู้เช่ามีสิทธิเพียงครอบครอง ใช้ประโยชน์อยู่อาศัยในบ้านเท่านั้น แม้จะอยู่มานานเท่าใดผู้เช่าก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์

               “ทรัพย์สิน” ที่เป็นวัตถุแห่งสัญญาเช่านี้จะเป็นอสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์หรือสิทธิใดๆ ก็ได้ เช่น บ้าน ที่ดิน รถยนต์ สิทธิในเครื่องหมายการค้า หรือลิขสิทธิ์ เป็นต้น

               สิทธิที่จะได้ใช้หรือได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินตามสัญญาเช่านั้น กฎหมายได้กำหนดไว้ชัดเจนว่า ต้องเป็นระยะเวลาอันมีจำกัด เช่น กำหนดเป็นวัน เดือน ปี หรือแม้จะกำหนดระยะเวลาเช่าไว้ตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าก็ได้เพราะเท่ากับเป็นการกำหนดระยะเวลาอันมีจำกัดแล้วนั่นเอง ทั้งนี้ ผู้ให้เช่าต้องส่งมอบการครอบครองให้แก่ผู้เช่า มิฉะนั้น สัญญาเช่าก็จักไม่เกิดขึ้น และเมื่อได้ส่งมอบการครอบครองแล้ว ผู้ให้เช่าจะเข้าไปในพื้นที่เช่าไม่ได้เลย เว้นแต่จะมีเหตุที่กฎหมายยอมให้กระทำได้

         (3) ผู้เช่าตกลงให้ค่าเช่าเพื่อตอบแทนการใช้ทรัพย์สิน เรียกว่า “ค่าเช่า” ซึ่งกำหนดเป็ฯเงินตราที่คู่สัญญาให้แก่กันเพื่อตอบแทนการใช้ทรัพย์สินที่เช่า หรือจะตกลงกันกำหนดค่าเช่าเป็นทรัพย์สินอย่างอื่นก็ได้

         (4) การเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่กำหนดระยะเวลาเช่าไว้ไม่เกิน 3 ปี กฎหมายได้กำหนดว่าสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ มิฉะนั้นจะฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ (มาตรา 538 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์)

               การเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่กำหนดระยะเวลาเช่าไว้เกินกว่า 3 ปี หรือตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่า การเช่าอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะกำหนดระยะเวลาเช่าไว้เพียง 1 ปี 2 ปี หรือเกินกว่านั้นเป็น 10 ปี 20 ปี หลักเกณฑ์ในการทำสัญญาก็เหมือนกัน กล่าวคือการเช่าอสังหาริมทรัพย์สามารถตกลงกันได้นานที่สุด 30 ปี (มาตรา 540 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) ต้องมี “หลักฐานเป็นหนังสือ” จึงจะสามารถฟ้องร้องบังคับคดีตามสัญญาเช่าทรัพย์ได้

               อย่างไรก็ตามถ้าเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่มีกำหนดระยะเวลาเช่าเกินกว่า 3 ปี หรือตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่า กฎหมายกำหนดให้ตองทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งหากไม่ทำตามก็จะฟ้องร้องบังคับคดีได้เพียงแค่ 3 ปี เท่านั้น (มาตรา 538 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์)

เครดิต http://life.cpru.ac.th/.../%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%97%E0...

    1.2 การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ในทางภาษีอากร

         (1) ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (1)(ต) แห่งประมวลรัษฎากร

         (2) ผู้เช่ามีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ เมื่อจ่ายค่าเช่าให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภาษีเงินได้นิติบุคคลดังนี้

              กรณีผู้เช่าเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ให้คำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตรา 5% ของเงินได้ค่าเช่าที่มีจำนวนตั้งแต่ 1,000 บาท ขึ้นไป แม้การแบ่งจ่ายจะมีจำนวนไม่ถึง 1,000 บาทก็ตาม ทั้งนี้ ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528ฯ

              กรณีผู้เช่าเป็นรัฐบาล องค์การของรัฐบาล เทศบาล หรือองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอื่น ให้คำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตรา 1% ของเงินได้ค่าเช่าที่มีจำนวนตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไป แม้การแบ่งจ่ายจะมีจำนวนไม่ถึง 1,000 บาทก็ตาม ทั้งนี้ ตามมาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร

         (3) กรณีให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ผู้ให้เช่ามีหน้าที่ต้องเสียอากรแสตมป์ในอัตรา 1 บาทต่อทุกจำนวนค่าเช่า 1,000 บาท และเศษของ 1,000 บาท

         (4) ตราสารเช่าที่ดิน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ดังต่อไปนี้ ต้องชำระอากรเป็นตัวเงินแทนการปิดแสตมป์อากร

              (ก) ตราสารที่มีค่าเช่าตั้งแต่ 1,000,000 บาทขึ้นไป สำหรับตราสารที่กระทำตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป

              (ข) ตราสารที่รัฐบาล องค์การของรัฐบาล เทศบาล สุขาภิบาล หรือองค์การ บริหารราชการส่วนท้องถิ่นเป็นผู้เช่า หรือ

              (ค) ตราสารที่ต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน



 

2. การให้ใช้พื้นที่อันเป็นอสังหาริมทรัพย์

    เป็นสัญญาการให้บริการ เนื่องจากไม่มีการส่งมอบการครอบครองทรัพย์ที่ให้ใช้พื้นที่กันนั้น ซึ่งผู้ให้บริการใช้พื้นที่ยังคงมีสิทธิครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นตลอดเวลา



 

ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า

1.การจัดการเกี่ยวกับห้องพักรายวันที่เข้าลักษณะเป็นการให้เช่าห้องพัก ที่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (5) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร นั้น  

    (1) ผู้ให้เช่าต้องส่งมอบการครอบครองทรัพย์ให้แก่ผู้เช่า

    (2) ต้องไม่จัดให้มีบริการในห้องพักในลักษณะเดียวกับบริการโรงแรมหรือเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ รวมทั้ง บริการอาหารเช้า ให้แก่ผู้ใช้บริการ

    (3) ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดให้บริการในลักษณะเดียวกับ “โรงแรม” 

    การให้เช่าห้องพักรายวัน ย่อมได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81 (1)(ต) แห่งประมวลรัษฎากร



 

2. การจัดการเกี่ยวกับห้องพักรายวัน ที่เข้าลักษณะเป็นการให้บริการเช่านั้น  

    2.1. กรณีให้บริการตามสัญญาเช่า

          (1) สาระสำคัญดังต่อไปนี้

               (ก) สัญญาเช่าทรัพย์เป็นสัญญาสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเรียกว่า “ผู้ให้เช่า” และ อีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่า  “ผู้ช่า” กรณีจึงต้องนำหลักเกณฑ์ทั่วไปในเรื่องนิติกรรมสัญญามาใช้ด้วย ในกรณีที่ไม่มีหลักเกณฑ์กำหนดไว้โดยเฉพาะในบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยเช่าทรัพย์

               (ข) ผู้ให้เช่าตกลงให้ผู้เช่าได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่า เช่น เช่าหนังสือเพื่ออ่าน หรือเช่าบ้านเพื่ออยู่อาศัย มีข้อสังเกตว่า ผู้ให้เช่าทรัพย์สินนี้ กฎหมายมิได้บัญญัติว่าจะต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ให้เช่า ฉะนั้น ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินก็อาจจะใหเช่าทรัพย์ได้

               (ค) ผู้เช่าได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าโดยมีระยะเวลาอันจำกัด กล่าวคือ ระยะเวลาแห่งการเช่าอาจจะกำหนดเป็นวัน เดือน หรือปีก็ได้นอกจากนี้กำหนดระยะเวลาเช่าจะต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายด้วย

               (ง) ผู้เช่าตกลงให้ค่าเช่าแก่ผู้ให้เช่าเพื่อเป็นการตอบสนองที่ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินที่เช่า สำหรับค่าเช่าที่ผู้เช่าให้เป็นการตอบแทนแก่ผู้ให้เช่านั้น โดยปกติมักจะกำหนดชำระกันเป็นเงินตรา อย่างไรก็ตาม คู่สัญญาอาจจะตกลงกัน เอาทรัพย์สินอื่นหรือแรงงานตอบแทนเป็นค่าเช่าก็ได้

               (จ) สัญญาเช่าทรัพย์จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทน ซึ่งคู่สัญญา ต่างมีหน้าที่จะต้องชำระตอบแทนกัน โดยต่างเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ซึ่งกันและกันโดยผู้เช่ามีหนี้จะต้องชำระ “ค่าเช่า” ให้แก่ผู้เช่า ในขณะเดียวกันผู้ให้เช่าก็มีหนี้ที่จะต้องชำระให้แก่ผู้้เช่า ได้แก่ การให้ผู้เช่า “ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินที่เช่า”

               (ฉ) สัญญาเช่าทรัพย์เป็นสัญญาที่ไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน แต่มุ่งที่จะส่งมอบการครอบครองทรัพย์สินที่เช่ายังเป็นของผู้ให้เช่า เพื่อให้ผู้เช่าได้ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่เช่า นั้น

          (2) ในทางภาษีอากร

               (ก) การให้เช่าทรัพย์สิน เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (5) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร

               (ข) การให้เช่าห้องพักรายวัน ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81 (1)(ณ) แห่งประมวลรัษฎากร

               (ค) กรณีผู้เช่าเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่าย ในอัตรา 5% ของเงินได้ ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528

               (ง) กรณีจัดทำสัญญาเช่า ที่มีลายมือชื่อของคู่สัญญาครบถ้วนทั้งสองฝ่าย ถือเป็นตราสารที่ต้องเสียอากรแสตมป์ ในอัตรา 1 บาทต่อทุกจำนวนค่าเช่า 1,000 บาท และเศษของ 1,000 บาท


2.การให้บริการใช้ทรัพย์สิน

    2.1 เนื่องจากไม่มีการส่งมอบการครอบครองทรัพย์ที่ให้ใช้พื้นที่กันนั้น ซึ่งผู้ให้บริการใช้พื้นที่ยังคงมีสิทธิครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นตลอดเวลา

    2.2 การให้ใช้พื้นที่ที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ในทางภาษีอากร

         (1) เป็นกิจการให้บริการที่อยู่ในข่ายที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 (1) ประกอบมาตรา 77/1 (10) แห่งประมวลรัษฎากร และเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร

         (2) กรณีผู้ใช้บริการเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ที่จ่ายค่าเช่าให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 ในอัตราร้อยละ 3 ของค่าบริการ

        (3)  สัญญาให้ใช้อสังหาริมทรัพย์ หรือให้บริการใช้พื้นที่ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องปิดอากรแสตมป์

การนำห้องเช่ารายเดือน ไปปล่อยเช่าเป็นรายวัน ผ่าน agent เช่น agoda โดยรายได้หลังหักคอมมิชชั่น, ภาษี vat 7% แล้ว รายได้ส่วนนี้จัดเป็นรายได้ประเภทที่ 8



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์



เรื่อง

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กรณีจ่ายค่าเช่าห้องพักเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ (Service Apartment)

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 02/04/2019 - วันที่ตอบ 03/04/2019

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย

ข้อกฎหมาย

คำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528

ปุจฉา

กรณีบริษัทไปเช่าห้องพักรายวันซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นท์บริษัทต้องหักภาษี ณที่จ่าย ค่าเช่าหรือไม่คะ

วิสัชนา

กรณีบริษัทฯ ไปเช่าห้องพักรายวันซึ่งเป็นเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ในลักษณะทำนองเดียวกับโรงแรม บริษัทฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แต่อย่างใด ทั้งนี้ ตามข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528


ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"

หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ