หลักเกณฑ์เกี่ยวกับภาษีซื้อ ภาษีซื้อที่จะนำมาใช้เป็นเครดิตหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งประมวลจากมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากร และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 17) และ (ฉบับที่ 42) อาจสรุปหลักเกณฑ์ ได้ดังต่อไปนี้ 1. ต้องเป็น “ภาษีซื้อ” ตามมาตรา 77/1 (18) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้ “ภาษีซื้อ” หมายความว่า ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนถูกผู้ประกอบการจดทะเบียนอื่นเรียกเก็บตามมาตรา 82/4 วรรคสี่ และให้หมายความรวมถึง (ก) ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้เสียเมื่อนำเข้าสินค้า (ข) ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้เสีย เนื่องจากได้รับโอนสินค้านำเข้าที่จำแนกประเภทไว้ในภาคว่าด้วยของที่ได้รับยกเว้นอากร ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากรตามมาตรา 82/15 (ค) ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ได้นำส่งตามมาตรา 83/5 มาตรา 83/6 และมาตรา 83/7
2. ต้องเป็นภาษีซื้อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการทีอยู่ในข่ายที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม อาทิ ค่าสินค้าหรือบริการที่จะนำมาขายหรือให้บริการ รายจ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการ
3. ต้องเป็นภาษีซื้อตามหลักฐาน “ใบกำกับภาษี” ดังต่อไปนี้ 3.1 ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร กรณีซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการจดทะเบียนรายอื่น 3.2 ใบเสร็จรับเงินค่า “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” ที่ออกโดยกรมศุลกากรตามมาตรา 83/8 แห่งประมวลรัษฎากร กรณีนำเข้าสินค้าตามมาตรา 77/1 (12) แห่งประมวลรัษฎากร กล่าวคือ เป็นการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร และให้หมายความรวมถึงการนำสินค้าที่ต้องเสียภาษีอากรขาเข้า หรือที่ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรออกจากเขตปลอดอากรโดยมิใช่เพื่อส่งออกด้วย 3.3 ใบเสร็จรับเงินค่า “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” ที่ออกโดยกรมสรรพากร หรือกรมสรรพสามิต กรณีนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/5 มาตรา 83/6 และมาตรา 83/7 แห่งประมวลรัษฎากร 3.4 ใบเพิ่มหนี้ ตามมาตรา 86/9 แห่งประมวลรัษฎากร กรณีเป็นไปตามเหตุแห่งการออกใบเพิ่มหนี้ตามมาตรา 82/9 แห่งประมวลรัษฎากร (รายการ “เพิ่มยอดภาษีซื้อ” ในเดือนภาษีที่ได้รับใบเพิ่มหนี้) 3.5 ใบลดหนี้ ตามมาตรา 86/10 แห่งประมวลรัษฎากร กรณีเป็นไปตามเหตุแห่งการออกใบลดหนี้ตามมาตรา 82/10 แห่งประมวลรัษฎากร (รายการ “ลดยอดภาษีซื้อ” ในเดือนภาษีที่ได้รับใบลดหนี้) 3.6 ใบแทนใบกำกับภาษี ใบแทนใบเพิ่มหนี้ หรือใบแทนใบลดหนี้ตามมาตรา 86/12 แห่งประมวลรัษฎากร
4. กรณีได้รับ “ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป” ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร 4.1 ต้องมีรายการครบถ้วน สมบูรณ์ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร 4.2 รายการในใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ต้องเป็นรายการที่ไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง 4.3 การจัดทำรายการในใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปต้องเป็นไปตามวิธีที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดตามมาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับคำสั่งกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42) ดังนี้ (1) กรณีที่ คำว่า “ใบกำกับภาษี” รายการ “ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร” ของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เป็นผู้ออกใบกำกับภาษี รวมทั้งข้อความ “เอกสารออกเป็นชุด” ต้องตีพิมพ์จากโรงพิมพ์ ซึ่งจะเป็นผลให้รายการอื่นๆ ในใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปนั้นสามารถออกโดยวิธีการใดๆ ก็ได้ อาทิ เขียนด้วยหมึก พิมพ์ดีด ประทับด้วยตรายาง จัดทำด้วยระบบคอมพิวเตอร์ หรือจัดทำด้วยวิธีการอื่นใดในลักษณะทำนองเดียวกัน (2) กรณีที่ คำว่า “ใบกำกับภาษี” รายการ “ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร” ของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เป็นผู้ออกใบกำกับภาษี รวมทั้งข้อความ “เอกสารออกเป็นชุด” รายการใดรายการหนึ่ง จัดทำด้วยระบบคอมพิวเตอร์ รายการอื่นที่เหลือต้องจัดทำด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทั้งฉบับ เว้นแต่เป็นรายการที่ได้ตีพิมพ์จากโรงพิมพ์ แต่ทั้งนี้ ไม่รวมถึงรายการดังกต่อไปนี้ จะจัดทำให้มีขึ้นโดยวิธีการใดก็ได้ (ก) รายการคำว่า “สำนักงานใหญ่” หรือ “สาขา” ของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เป็นผู้ออกใบกำกับภาษี (ข) รายการคำว่า “สำนักงานใหญ่” หรือ “สาขา” และ “เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร” ของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ (ค) รายการ “เลขทะเบียนรถยนต์” กรณีซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการสถานีบริการน้ำมัน 4.4 รายการ “จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม” ต้องเป็นรายการที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ โดยให้แยกออกจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการให้ชัดแจ้ง กรณีจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการตามวรรคหนึ่ง มีเศษเป็นจุดทศนิยม ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนถือปฏิบัติดังนี้ (1) ถ้าเศษของภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นจำนวนเงินตัวที่สามหลังจุดทศนิยม มีค่าไม่ถึง 5 ให้ปัดเศษนั้นทิ้ง ตัวอย่าง มูลค่าของสินค้าที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว คือ 100 บาท คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้เท่ากับ 7/107 x 100 = 6.542 บาท ดังนั้น จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่แสดงในใบกำกับภาษี คือ 6.54 บาท (2) ถ้าเศษของภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นจำนวนเงินตัวที่สามหลังจุดทศนิยม มีค่าตั้งแต่ 5 ขึ้นไป ให้ปัดเศษขึ้น ตัวอย่าง มูลค่าของสินค้าที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว คือ 180 บาท คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้เท่ากับ 7/107 x 180 = 11.775 บาท ดังนั้น จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่แสดงในใบกำกับภาษี คือ 11.78 บาท 4.5 ต้องพิสูจน์ได้ว่า มีการชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภาษีซื้อ) ตามใบกำกับภาษีนั้นไปจริง กรณี ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปมีรายการไม่เป็นไปตาม 4.1 หรือ 4.4 หรือ 4.5 จะถือเป็นภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากร และเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (6 ทวิ) แห่งประมวลรัษฎากร กรณี ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปมีรายการไม่เป็นไปตาม 4.2 หรือ 4.3 จะถือเป็นภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากร แต่ถือเป็นรายจ่ายได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (6 ทวิ) แห่งประมวลรัษฎากร
5. ต้องเป็นภาษีซื้อตามหลักฐานใบกำกับภาษีที่ออกโดยผู้ที่มิสิทธิที่จะออกใบกำกับภาษีตามกฎหมาย
6. ต้องไม่เข้าลักษณะเป็นภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับคำสั่งกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 17) และ (ฉบับที่ 42)
ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า กรณีตามข้อเท็จจริงข้างต้น รายการขีดฆ่าคำว่า “ใบเสร็จรับเงิน” ไม่ใช่รายการตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร โดยทั่วไป ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับใบกำกับภาษีสามารถนำไปใช้เป็นภาษีซื้อได้ แต่สำหรับโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท คู่สัญญาคงคาดหวังว่า ควรจะได้รับใบกำกับภาษีที่สะอาดหมดจดไร้ร่องรอยการขีดฆ่า เพราะอาจต้องชี้แจงกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ขอแนะนำให้ใช้คอมพิวเตอร์ออกใบกำกับภาษีใหม่ ตามข้อ 25 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 86/2542 ดังนี้ แนวทางยกเลิกใบกำกับภาษีฉบับเดิมและจัดทำใบกำกับภาษีฉบับใหม่ที่ถูกต้อง ตามข้อ 25 และข้อ 26 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 86/2542 เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดทำใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/4 และมาตรา 86/5 แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะที่มีลักษณะเป็นแบบเต็มรูป ลงวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 กรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการยกเลิกแใบกำกับภาษีฉบับเดิมและจัดทำฉบับใหม่ที่ถูกต้อง ดังนี้ "ข้อ 25 ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งจัดทำใบกำกับภาษีโดยมีรายการในส่วนที่เป็นสาระสำคัญไม่ถูกต้องครบถ้วนตามข้อ 4 ข้อ 5 ข้อ 6 และข้อ 22 เมื่อได้รับการร้องขอให้ยกเลิกใบกำกับภาษีฉบับเดิมและจัดทำใบกำกับภาษีฉบับใหม่ที่ถูกต้อง ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ (1) เรียกคืนใบกำกับภาษีฉบับเดิมและนำมาประทับตราว่า“ยกเลิก” หรือขีดฆ่า แล้วเก็บรวมไว้กับสำเนาใบกำกับภาษีฉบับเดิม (2) จัดทำใบกำกับภาษีฉบับใหม่ซึ่งเป็นเลขที่ใหม่ แต่จะต้องลง วัน เดือน ปี ให้ตรงกับ วัน เดือน ปี ตามใบกำกับภาษีฉบับเดิม และ (3) หมายเหตุไว้ในใบกำกับภาษีฉบับใหม่ว่า “เป็นการยกเลิกและออกใบกำกับภาษีฉบับใหม่แทนฉบับเดิมเลขที่ ... เล่มที่ ...” และหมายเหตุการยกเลิกใบกำกับภาษีไว้ในรายงานภาษีขายของเดือนภาษีที่จัดทำใบกำกับภาษีฉบับใหม่ด้วย ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ร้องขอให้ยกเลิกใบกำกับภาษีฉบับเดิมและจัดทำฉบับใหม่ที่ถูกต้อง จะต้องถ่ายเอกสารใบกำกับภาษีฉบับเดิมที่ขอยกเลิกติดเรื่องไว้ด้วย ข้อ 26 กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนตามข้อ 25 จัดทำใบกำกับภาษีด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีระบบซอฟต์แวร์ในระบบงานจัดทำใบกำกับภาษีบันทึกเข้าระบบบัญชีแยกประเภทโดยอัตโนมัติ ถ้าระบบซอฟต์แวร์ดังกล่าวไม่สามารถระบุวัน เดือน ปี ในใบกำกับภาษีฉบับใหม่ ให้ตรงกับวัน เดือน ปี ตามใบกำกับภาษีฉบับเดิม ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนจัดทำใบกำกับภาษีฉบับใหม่ โดยดำเนินการตามข้อ 8 วรรคสามและวรรคสี่ ดังนี้ (1) จัดทำใบกำกับภาษีฉบับใหม่โดยรายการดังต่อไปนี้ ได้จัดทำขึ้นโดยตีพิมพ์ ซึ่งทำให้รายการอื่น ๆ ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร จะตีพิมพ์ ประทับด้วยตรายาง เขียนด้วยหมึก พิมพ์ดีด จัดทำขึ้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์ หรือทำให้ปรากฏขึ้นด้วยวิธีการอื่นใดในลักษณะทำนองเดียวกันก็ได้ (ก) คำว่า “ใบกำกับภาษี” (ข) ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่จัดทำใบกำกับภาษี (ค) คำว่า “เอกสารออกเป็นชุด” (2) จัดทำใบกำกับภาษีฉบับใหม่โดยรายการตาม (1) (ก)(ข) และ(ค) ทั้งสามรายการหรือเพียงรายการหนึ่งรายการใดได้จัดทำขึ้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำให้รายการอื่น ๆ ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร จะต้องตีพิมพ์ หรือจัดทำขึ้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์เท่านั้น" จากแนวทางปฏิบัติดังกล่าว กรมสรรพากรได้กำหนดให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งจัดทำใบกำกับภาษีดำเนินการดังต่อไปนี้ (1) เรียกคืนใบกำกับภาษีฉบับเดิมและนำมาประทับตราว่า “ยกเลิก” หรือขีดฆ่า แล้วเก็บรวมไว้กับสำเนาใบกำกับภาษีฉบับเดิม (2) จัดทำใบกำกับภาษีฉบับใหม่ซึ่งเป็นเลขที่ใหม่ แต่จะต้องลง วัน เดือน ปี ให้ตรงกับ วัน เดือน ปี ตามใบกำกับภาษีฉบับเดิม และ (3) หมายเหตุไว้ในใบกำกับภาษีฉบับใหม่ว่า “เป็นการยกเลิกและออกใบกำกับภาษีฉบับใหม่แทนฉบับเดิมเลขที่ ... เล่มที่ ...” และหมายเหตุการยกเลิกใบกำกับภาษีไว้ในรายงานภาษีขายของเดือนภาษีที่จัดทำใบกำกับภาษีฉบับใหม่ด้วย สำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ร้องขอให้ยกเลิกใบกำกับภาษีฉบับเดิมและจัดทำฉบับใหม่ที่ถูกต้อง จะต้องถ่ายเอกสารใบกำกับภาษีฉบับเดิมที่ขอยกเลิกติดเรื่องไว้ด้วย (ข้อ 25)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์ " |