FAQ กรมศุลกากร

ส่งสินค้าไปซ่อมที่ต่างประเทศ เมื่อนำกลับมาไทย จะต้องชำระภาษีอากรอีกหรือไม่


เรื่อง ส่งสินค้าไปซ่อมที่ต่างประเทศ เมื่อนำกลับมาไทย จะต้องชำระภาษีอากรอีกหรือไม่
แหล่งที่มา FAQ กรมศุลกากร
วันที่ 08/08/2019
ประเภทภาษี
ข้อกฎหมาย
คำถาม

ต้องการส่งสินค้าไปซ่อมที่ต่างประเทศ อยากสอบถามว่าในเวลาที่นำกลับเข้ามาต้องชำระภาษีอากรอีกหรือไม่

คำตอบ

          การส่งสินค้าไปซ่อมต่างประเทศที่มีการดำเนินการในปัจจุบันจะเป็นกรณีสินค้านั้นเป็นของที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ขณะนำเข้าได้ชำระค่าภาษีอากรทุกประเภทแล้ว เช่น เครื่องจักร ต่อมาสินค้านั้นเกิดการชำรุดเสียหาย จำเป็นต้องส่งไปซ่อมแซมในต่างประเทศ และเมื่อดำเนินการแล้วจะนำกลับมาประเทศไทยอีก กรณีเช่นนี้ พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 บัญญัติไว้ในภาค 4 ประเภทที่ 2 สรุปได้ว่า  ของที่นำเข้ามาในประเทศไทยซึ่งได้เสียอากรไว้ครบถ้วนแล้วและภายหลังส่งกลับออกไปซ่อม ณ ต่างประเทศ และนำกลับเข้าภายในหนึ่งปีหลังจากได้รับใบสุทธินำกลับ จะได้รับยกเว้นเพียงเท่าราคาหรือปริมาณแห่งของเดิมที่ส่งออกไปเท่านั้น   สำหรับราคาหรือปริมาณที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการซ่อมจะต้องชำระอากรตามพิกัดของของเดิมที่ส่งออกไป ทั้งนี้ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการขนส่งและการประกันภัย

          นั่นแสดงว่า ของที่ส่งออกไปซ่อมแล้วและนำกลับเข้ามาจะมีค่าภาษีอากรเฉพาะที่เกี่ยวกับส่วนของค่าซ่อมแซมที่ไปดำเนินการเพิ่มเติมมาเท่านั้น  เนื่องจากกฎหมายให้ยกเว้นราคาของที่ส่งอออกไป  และ ไม่ต้องนำค่าขนส่งและค่าประกันภัยในการนำเข้าครั้งหลังมารวมคำนวณเป็นราคาศุลกากรสำหรับการนำเข้าด้วย

          ตัวอย่างเช่น เครื่องจักรที่จะส่งออกไปซ่อมได้นำเข้ามาจากต่างประเทศ ชำระอากรไว้ครบถ้วนตามใบขนสินค้าA0210610500125 

                       ผู้นำเข้าประสงค์จะส่งเครื่องจักรนี้ออกไปซ่อมแซมความเสียหายจากการใช้งาน โดยราคาเครื่องจักรที่จะส่งออกไปซ่อมนี้ ผู้นำเข้าแจ้งว่ามีราคา 100,000 บาท

                       การซ่อมแซม มีราคาค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 5,000 บาท ค่าขนส่ง 2,000 บาท ค่าประกันภัย 300 บาท

    การทำใบขนสินค้าขาเข้าเพื่อนำเข้าเครื่องจักรที่ผ่านการซ่อมแซมแล้ว จะคำนวณอากรขาเข้าจากราคา 5,000 บาท เป็นราคาศุลกากรสำหรับการนำเข้า  (เนื่องจากกฎหมายให้ยกเว้นราคาของที ส่งออกไป  และ ไม่ต้องนำค่าขนส่งและค่าประกันภัยในการนำเข้าครั้งหลังมารวมคำนวณเป็นราคาศุลกากรสำหรับการนำเข้าด้วย) ใช้อัตราภาษีอากรของของที่ส่งออกไปซ่อม  และคำนวณค่าภาษีอื่นๆโดยใช้ฐานราคาศุลกากร 


การปฏิบัติพิธีการขอส่งออกไปซ่อมและการขอใบสุทธิสำหรับนำกลับเข้ามา

           1 ผู้ส่งของออกยื่นคำร้องต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร ณ ท่าที่ส่งของออกเพื่อแจ้งว่าจะขอส่งเครื่องจักรออกไปซ่อมและจะนำกลับเข้ามาภายหลัง    และจัดทำใบขนสินค้าขาออกที่แสดงว่าเป็นของที่ได้นำเข้ามาในราชอาณาจักรและชำระภาษีอากรแล้ว (แสดงเลขที่ใบขนสินค้าขาเข้าที่นำเครื่องจักรเข้ามาและชำระอากรแล้ว)

           2 ใบสุทธิสำหรับนำกลับถือเป็นใบรับรองการบรรทุกซึ่งหน่วยงานผู้ออกจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมฉบับละ 40บาท

           3 ใบสุทธินำกลับมีอายุ 1 ปี นับแต่วันที่ส่งออก แต่หากไม่สามารถนำกลับได้ภายใน 1 ปี ผู้ส่งออกสามารถขยายกำหนดเวลาได้    กรมศุลกากรจะขยายเวลาให้ตามสมควรแก่กรณีแต่ไม่เกินครั้งละ 1 ปี

           4 ในการนำเข้า ผู้ส่งออกซึ่งเป็นผู้นำเข้ามาจัดทำใบขนสินค้าขาเข้าโดยระบุรายการที่สำคัญที่แสดงว่าเป็นของที่นำกลับเข้ามาภายหลังการซ่อมแซมในส่วน รายการในใบขนสินค้า  ดังนี้

                   - ระบุReImportation Certificate=Y

                   - สำแดงพิกัดศุลกากรและรหัสสถิติ ตรงกับของที่ส่งออกไปซ่อม

                   - ระบุImport Tariff=2 Part 4

                   - ระบุPrivilege Code=000

                   - อัตราอากรใช้ อัตราที่ลดหย่อนเป็นการทั่วไปเท่านั้น

                   - มูลค่าการนำเข้าCIF= ค่าซ่อม

                   - ในช่องรายการใบขนสินค้าที่อ้างถึง  บันทึกเลขที่ใบขนสินค้าขาออกที่ส่งเครื่องจักรออกไป

                   - คำนวณอากร โดยใช้ฐานราคาCIF= ค่าซ่อม คูณ อัตราอากรทั่วไป

                   - คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยใช้ฐานราคาCIF+ อากรขาเข้าที่คำนวณได้  


           กรณีไม่มีใบสุทธิสำหรับนำกลับ ให้ยื่นคำร้องต่อหน่วยงานพิธีการนำเข้า ณ ท่า หรือที่ที่นำเข้าเพื่อขอผ่อนผันและ/หรือขยายกำหนดเวลา   โดยต้องอธิบายเหตุผลและต้องยื่นใบตราส่งสินค้าฉบับขาออก และหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง  ประกอบการตรวจสอบ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ