1. กรณีที่ทรัพย์สินชำรุด ไม่สามารถใช้งานได้ บริษัทฯ ได้ทำการขายในราคาตลาด นำส่งภาษีขาย ออกใบกำกับภาษี นำมูลค่าต้นทุนที่เหลืออยู่ตามบัญชี ตัดเป็นรายจ่าย และนำราคาขายมารวมคำนวณกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามข้อ 1. ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 58/2538ฯ ลงวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2538 กรณีที่ทรัพย์สินชำรุดจนไม่สามารถใช้งานได้ หากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ได้ขายไปซึ่งทรัพย์สินนั้น ก็มีสิทธิ์ตัดต้นทุนที่เหลืออยู่เป็นรายจ่ายได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร
2. กรณีที่ตรวจนับไม่พบทรัพย์สินสูญหาย บริษัทฯ ได้ตัดจำหน่ายออกจากบัญชี สินทรัพย์ที่หายถือว่าเป็นการขาย โดยใช้ราคาตลาด นำส่งภาษีขาย ไม่ออกใบกำกับภาษี ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 86/2542 และนำภาษีขายที่นำส่ง และมูลค่าทรัพย์สินที่เหลืออยู่ของทรัพย์สินที่บริษัทฯ ได้ตัดจำหน่าย (write off) บวกกลับไม่ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
3. กรณีที่ทรัพย์สินไม่มีตัวตน ประเภทโปรแกรม Software ต่างๆ ที่เลิกใช้งาน และตัดจำหน่ายเต็มมูลค่าคงเหลือ 1 บาท ไม่สามารถขายได้ บริษัทฯ ตัดออกจากบัญชี และนำมูลค่าต้นทุนที่เหลืออยู่ตามบัญชีถือเป็นรายจ่ายปกติ
4. กรมสรรพากรอนุโลมให้นำหลักเกณฑ์การทำลายสินค้าไปปรับใช้กับการทำลายทรัพย์ ซึ่งตามข้อ 3.2 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 79/2541 กำหนดหลักเกณฑ์การแจ้งการทำลายให้สรรพากรพื้นที่ในท้องที่ที่รับผิดชอบทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 30 วันก่อนวันทำลาย ดังนี้
“(3.2) สำหรับของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากที่โดยสภาพสามารถเก็บรักษาและรอการทำลายพร้อมกันได้เมื่อมีปริมาณที่เหมาะสม ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องแจ้งการทำลายให้สรรพากรพื้นที่... ในท้องที่ที่รับผิดชอบทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 30 วันก่อนวันทำลาย ซึ่งสรรพากรพื้นที่... อาจส่งเจ้าหน้าที่ไปดูการทำลายด้วยก็ได้ตามความเหมาะสมแล้วแต่กรณี”
อนึ่ง กรณีการทำลายทรัพย์สินที่ชำรุดไม่สามารถใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากบริษัทฯ สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการทำลายทรัพย์สินดังกล่าวจริง และมีผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ รับรองการกระทำดังกล่าว ถือเป็นผลเสียหายจากการประกอบกิจการโดยตรงไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร จึงมีสิทธินำมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินที่เหลืออยู่ดังกล่าวมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ ถึงแม้ไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่สรรพากรทราบล่วงหน้าก่อนก็ตาม แต่ในการทำลายครั้งต่อไปเพื่อไม่ให้มีปัญหากับการตรวจของเจ้าหน้าที่จึงขอให้บริษัทฯ ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 79/2541 ฯ ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 (หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0811/09658 ลงวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2542)
5. สำหรับแบบฟอร์มการทำลายสินค้าหรือทรัพย์สินนั้น กรมสรรพากรมิได้กำหนดไว้แต่อย่างใด ให้กระทำเป็นคำร้องตามแบบฟอร์มหนังสือราชการทั่วไป โดยต้องแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าหรือทรัพย์สินที่จะทำลาย ดังต่อไปนี้เป็นอาทิ
(1) ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือทรัพย์สินที่ต้องการทำลาย ซึ่งได้รับอนุมัติให้ทำลายของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากหรือทรัพย์สินจากผู้มีอำนาจอนุมัติให้ทำลาย
(2) วิธีการทำลาย
(3) วัน เวลา สถานที่ที่ใช้ในการทำลาย
(4) เหตุผลที่ต้องการทำลาย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ
คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์