Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

เงิน "ฟรีดาวน์” รถยนต์ ถือเป็นเงินได้ส่งเสริมการขาย ต้องนำส่งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย


เรื่อง เงิน "ฟรีดาวน์” รถยนต์ ถือเป็นเงินได้ส่งเสริมการขาย ต้องนำส่งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย
แหล่งที่มา Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วันที่ วันที่ถาม 30/01/2023 - วันที่ตอบ 04/02/2023
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ข้อกฎหมาย มาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร
ปุจฉา
แฟนหนูยื่นเรื่องขอคืนภาษีแล้วทางสรรพากรมีการขอเอกสารเพิ่มเติม “ตรวจสอบผลการคืนภาษี ขอให้นำส่งเอกสารดังต่อไปนี้ 
    1. ตรวจพบว่า ท่านยื่นแสดงเงินได้พึงประเมินไม่ครบ มีเงินได้จากบริษัท ...เซลล์ จำกัด ค่าส่งเสริมการขาย จำนวน 99,810.00 บาท ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 2,994.30 บาท จึงขอให้ท่านดำเนินการยื่นแบบเพิ่มเติมให้ครบถ้วน ภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566” 
อยากทราบว่า 
เป็นเอกสารอะไร หมายถึง เงินดาวน์หรืออะไร เพราะออกรถแต่ต้นปีที่แล้วเกี่ยวอะไรกันกับภาษีค่ะ
วิสัชนา
กรณีซื้อรถยนต์จากโชว์รูม เช่น บริษัท A ซึ่งประกอบกิจการขายรถยนต์ ให้กับลูกค้าโดยตกลงซื้อขายรถยนต์ ในราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 750,000 บาท เงื่อนไขการซื้อของลูกค้า คือ จัดไฟแนนซ์ และต้องการกู้เงินไฟแนนซ์ เต็มจำนวน 750,000 บาท ในการจัดไฟแนนซ์ มีเงื่อนไขว่า ต้องมีเงินดาวน์ 25% บริษัทไฟแนนซ์จึงจะจัดไฟแนนซ์ให้ ดังนั้นหากจะกู้จำนวน 750,000 บาท ราคาขายรถที่ บริษัท A ต้องออกใบกำกับภาษีจึงต้องปรับเพิ่มเป็น 1,000,000 บาท โดยผ่านบริษัทไฟแนนซ์ มีกระบวนการขายดังนี้
    เมื่อบริษัทฯ ขายรถยนต์ให้แก่บริษัทไฟแนนซ์ในราคา 1,000,000.00 บาท โดยลูกค้าต้องวางเงินดาวน์ 250,000.00 บาท สำหรับส่วนที่เหลือผ่อนชำระเป็นงวด ๆ กับบริษัทไฟแนนซ์ต่อไป ซึ่งในท้องตลาดเรียกเงินจำนวน 250,000.00 บาท ที่บริษัทฯ ยอมรับว่า ได้รับชำระเงินจากลูกค้าแล้ว ทั้งที่บริษัทฯ มิได้รับจริงว่า “ฟรีดาวน์” นั้น  
    1. จำนวนเงินที่บริษัทฯ ออกหลักฐานให้แก่บริษัทลีสซิ่งว่าได้รับเงินดาวร์จากลูกค้าจำนวน 250,000.00 บาท ดังกล่าว ซึ่งรวมอยู่ในมูลค่ารถยนต์ 1,000,000.00 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) จึงเป็นมูลค่ารถยนต์ที่บริษัทฯ ต้องนำมาคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม 
        บริษัท A ต้องบันทึกบัญชีสำหรับรายการดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัท A ต้องออกใบลดหนี้ สำหรับค่าฟรีดาวน์ ให้แก่ลูกค้า (อนุโลมตามข้อ 5 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 36/2536) 
    2. ในขณะเดียวกัน เงิน “ฟรีดาวน์” จำนวน 250,000 บาท ถือเป็นกรณีที่บริษัทฯ ได้ให้ส่วนลดพิเศษ แก่ลูกค้า ซึ่งหากลูกค้ามิใช่ผู้ซื้อสินค้ารถยนต์ดังกล่าวไปขายต่อ บริษัทฯ ก็ไม่มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามข้อ 12/2 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 แต่อย่างใด 
        อย่างไรก็ตาม บริษัท A โชว์รูมต้องการความมั่นใจว่า ได้ให้ส่วนลดพิเศษ “ฟรีดาวน” แก่ลูกค้า ซึ่งต้องนำไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ จึงได้คำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตรา 3% ของเงินส่วนลดพิเศษ “ฟรีดาวน์” ดังกล่าว และนำส่งต่อทางราชการสรรพากร เพื่อใช้ประกอบเป็นหลักฐานของตนเองอีกทางหนึ่ง (เอาชัวร์ไว้ก่อน)  
    3. ส่วนของลูกค้าที่เป็นบุคคลธรรมดา ส่วนลดเงินดาวน์นี้ ในทางภาษีอากร ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นการเหมา ต้องหักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควรตามมาตรา 8 ทวิ แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2502 
    เนื่องจากราคารถยนต์ที่ซื้อจากโชว์รูม ตามตัวอย่าง คือ 1,000,000 บาท (ไม่ใช่ 750,000 บาท) แต่เป็นหนี้เงินต้นของบริษัทไฟแนนซ์เพียง 750,000 บาท เงิน “ฟรีดาวน์” จำนวน 250,000 บาท เข้าลักษณะเป็นส่วนลดพิเศษที่ได้รับจากบริษัท A โชว์รูม จึงย่อมถือเป็นเงินได้พึงประเมินของผู้ซื้อที่ได้รับจากบริษัท A เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร ที่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยไม่สามารถหักค่าใช้จ่ายใด ๆ ได้ 

ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า
ทางสรรพากรมีการขอเอกสารเพิ่มเติม โดยระบุว่า
“ตรวจสอบผลการคืนภาษี ขอให้นำส่งเอกสารดังต่อไปนี้ 
    1. ตรวจพบว่า ท่านยื่นแสดงเงินได้พึงประเมินไม่ครบ มีเงินได้จากบริษัท ...เซลล์ จำกัด ค่าส่งเสริมการขาย จำนวน 99,810.00 บาท ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 2,994.30 บาท จึงขอให้ท่านดำเนินการยื่นแบบเพิ่มเติมให้ครบถ้วน ภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566” นั้น 
เป็นกรณีส่วนลดเงินดาวน์ ดังตัวอย่างข้างต้น ที่ตอนนี้ เจ้าพนักงานสรรพากร เห็นข้อมูลการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายที่บริษัทโชว์รูมได้คำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตรา 3% ของ “ฟรีดาวน์” จำนวน จำนวน 99,810.00 บาท คิดเป็นภาษีหัก ณ ที่จ่ายจำนวน 2,994.30 บาท ซึ่งเงิน “ฟรีดาวน์” ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร – เงินได้อื่นใดนอกจากที่ระบุในมาตรา 40 (1) – (7) แห่งประมวลรัษฎากร แล้ว จึงต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับปีที่ได้รับเงินได้ตามมาตรา 48 แห่งประมวลรัษฎากร  
ปล. เป็นความเห็นส่วนบุคคล ไม่ผูกพันกรมสรรพากร แต่อย่างใดนะครับ

Post: วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 10:00 น.   
คุณ Kittiphong Sridee  
เรียนสอบถามอาจารย์สุเทพเพิ่มเติมครับ
    กรณีขายรถให้กับลูกค้าที่ไม่ได้นำไปรถไปขายต่อตามข้อ 2. ที่กล่าวไว้ หลักฐานใบรับเงินดาวน์หลังหักส่วนลดจากลูกค้าระบุยอดดาวน์เต็มจำนวน 250,000 บาท และมีระบุส่วนลดลงไปใบรับเงิน 200,000 ลูกค้าชำระจริง 50,000 (โอนเงินเข้าบัญชีของบริษัทฯ) วิธีการที่แจ้ง และบริษัทออกเอกสารใบรับเงิน + สำเนาบัตรประชาชน จะเพียงพอต่อการนำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงใช้เป็นรายจ่ายของบริษัท ตาม ท.ป. 4/2528 หรือไม่ครับ 
สุเทพ พงษ์พิทักษ์ วิสัชนา : 
    วิธีการที่แจ้ง และบริษัทออกเอกสารใบรับเงิน + สำเนาบัตรประชาชน จะเพียงพอต่อการนำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงใช้เป็นรายจ่ายของบริษัทฯ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (18) แห่งประมวลรัษฎากร - ประเด็นรายจ่ายที่พิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้รับ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ