Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

เปลี่ยนจากหลักทรัพย์เพื่อค้า เป็นหลักทรัพย์เผื่อขาย
| เรื่อง | เปลี่ยนจากหลักทรัพย์เพื่อค้า เป็นหลักทรัพย์เผื่อขาย |
| แหล่งที่มา | Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ |
| วันที่ | วันที่ถาม 24/01/2023 - วันที่ตอบ 30/01/2023 |
| ประเภทภาษี | ภาษีเงินได้นิติบุคคล |
| ข้อกฎหมาย | มาตรา 65 ทวิ (3) (6) แห่งประมวลรัษฎากร |
| ปุจฉา | จากที่อาจารย์เคยตอบ เรื่อง หลักทรัพย์เพื่อค้า ดังนี้คะ “คุณ Thewa Damdaeng (20 มีนาคม เวลา 18:37 น. จากกรุงเทพมหานคร) ปุจฉา: เรียน อาจารย์สุเทพครับ ผมสรุปเกี่ยวกับประเด็นเงินลงทุนตามข้างล่างนี้ถูกต้องหรือไม่ครับ ขอความกรุณาอาจารย์ไขข้อข้องใจด้วยครับ เงินลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อค้าถือเป็นสินค้า จะต้องปฏิบัติตาม มาตรา 65 ทวิ (6) แห่งประมวลรัษฎากร ต้องตีราคาสินค้าคงเหลือด้วยราคาทุนหรือราคาตลาดแล้วแต่ราคาใดจะต่ำกว่าและต้องเข้าเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ 1. ขายได้ทันทีในตลาดหลักทรัพย์ 2. มีการซื้อขายสม่ำเสมอ 3. มีการจำหน่ายออกไปภายใน 1 รอบระยะเวลาบัญชี หากไม่เข้าเกณฑ์ 3 ข้อ จะต้องถือเป็นสินทรัพย์อื่น ต้องไปใช้มาตรา 65 ทวิ (3) แห่งประมวลรัษฎากร ในทางบัญชีเราจะตั้งเป็นบัญชีค่าเผื่อการปรับมูลค่าสินค้า/เงินลงทุน ซึ่งมีทั้งกำไรและขาดทุน และเมื่อคำนวณกำไรเพื่อเสียภาษี จะเอารายการขาดทุนมาบวกกลับ และรายการกำไรมาหักออก แต่จะไม่ถูกต้องตาม มาตรา 65 ทวิ (6) แต่จะต้องไปพิจารณาเปรียบเทียบราคาระหว่างราคาทุนและราคาตลาด หากราคาตลาดต่ำกว่าให้รับรู้เป็นรายการขาดทุนในการคำนวณกำไรเพื่อเสียภาษีในปีทันที และให้ถือราคานี้เป็นราคายกมาสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีถัดไป (จะไม่มีกำไรในทางภาษี) แต่ปัจจุบันผู้ประกอบการโดยส่วนใหญ่จะไปใช้ในประเด็นการประมาณการทางบัญชีโดยถือว่ารายการดังกล่าวยังไม่ได้ถือเป็นกำไรหรือขาดทุนที่เกิดขึ้นจริง และจะรับรู้กำไรหรือขาดทุนในงวดที่มีการขายเกิดขึ้นถูกต้องแล้วครับ เว้นแต่ข้อ 3 การจำหน่ายออกไปภายใน 1 รอบระยะเวลาบัญชี ไม่ได้มีข้อกำหนดในทางภาษีอากร แต่ถ้าทางเป็นเกณฑ์ทางบัญชี ก็สามารถนำไปปรับใช้ทางภาษีอากรได้ เมื่อถือ “หลักทรัพย์เพื่อค้า” เป็น “สินค้าคงเหลือ” ก็ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขตามมาตรา 65 ทวิ (6) แห่งประมวลรัษฎากร การตีราคาสินค้าคงเหลือ ตาม “ราคาทุนหรือราคาตลาดแล้วแต่อย่างใดจะต่ำกว่า” จึงจะมีผลทางภาษีอากร ขอบคุณสำหรับประเด็นที่เป็นประโยชน์” หนูมีคำถามต่อว่า ถ้าปีแรกเข้าเงื่อนไขนิยามเป็น “สินค้า” คำนิยามข้างต้น แล้วเกิดว่า 3 ปี หลังจากนั้นบริษัทฯ เปลี่ยนความตั้งใจไม่ขายภายใน 1 ปี นะคะ แต่ถือระยะยาวเพื่อรับเงินปันผล อีกทั้งราคาตลาดมีแต่ต่ำลง ซึ่งบริษัทฯ ไม่ต้องการที่จะใช้ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงในแต่ละปีเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีแล้วเนื่องจากบริษัทฯ มีขาดทุนสะสมจำนวนมาก คำถามคือ 1. กรณีเช่นนี้จะถือว่าหลักทรัพย์เพื่อค้า lot เดิมที่เคยซื้อมาจะพิจารณาว่าเป็นสินทรัพย์ได้หรือไม่ 2. ถ้าได้แบบนี้ก็คือ ทางบัญชีเวลามีการวัดมูลค่ายุติธรรม ถ้าเกิดขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงก็ต้องบวกกลับในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล ส่วนถ้าเป็นกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงก็ต้องหักออก แบบนี้ถูกต้องหรือไม่ 2.1 ต่อข้อ 2 กรณีเช่นนี้จะทำได้หรือไม่ค่ะ จะถูกพิจารณาว่าเป็นการเปลี่ยนนโยบายการบัญชีหรือไม่ แล้วทางภาษีต้องไปเป็นสินค้าหรือไม่คะ ทั้งๆ ที่แต่แรกเข้านิยาม แต่ตอนหลังไม่เข้านิยามแล้ว 3. สอบถามว่า ราคามูลค่ายุติธรรมทางภาษี คือ ใช้ราคาอะไรคะ เนื่องจากว่าในทางบัญชีถ้าเป็นหุ้นในตลาดฯ จะใช้ราคา last bid price แต่ถ้านอกตลาดจะใช้ NAV นะคะ |
| วิสัชนา | ประเภทเงินลงทุน 1. แบ่งตามระยะเวลาของการลงทุน ได้แก่ 1.1 เงินลงทุนชั่วคราว หมายถึง เงินลงทุนที่กิจการตั้งใจจะถือไว้ไม่เกิน 1 ปี เงินลงทุนชั่วคราวรวมถึง หลักทรัพย์เพื่อค้า หลักทรัพย์เผื่อขาย เงินลงทุนทั่วไป และตราสารหนี้ที่จะครบกำหนดภายใน 1 ปี 1.2 เงินลงทุนระยะยาว หมายถึง เงินลงทุนที่กิจการตั้งใจจะถือไว้เกิน 1 ปี เงินลงทุนระยะยาวรวมถึง ตราสารทุนที่จัดประเภทเป็นหลักทรัพย์เผื่อขายเงินลงทุนทั่วไป ตราสารหนี้ที่จัดประเภทเป็นหลักทรัพย์เผื่อขายและตราสารหนี้ที่จะถือจนครบกำหนด 2. แบ่งตามสถานภาพของผู้ถือหลักทรัพย์ต่อกิจการ 2.1 ตราสารทุน หมายถึง สัญญาที่แสดงว่าผู้ถือตราสารมีความเป็นเจ้าของในส่วน ได้เสียคงเหลือของกิจการที่ไปลงทุนได้แก่ หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ 2.2 ตราสารหนี้ หมายถึง สัญญาที่แสดงว่าผู้ออกตราสารมีภาระผูกผันทั้งทางตรง และทางอ้อมที่จะต้องจ่ายเงินสดหรือสินทรัพย์อื่นให้แก่ผู้ถือตราสารตามจำนวนและเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้โดยชัดเจนหรือโดยปริยายได้แก่ หุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล 3. แบ่งตามวัตถุประสงค์ของการถือหลักทรัพย์ 3.1 หลักทรัพย์เพื่อค้า หมายถึง เงินลงทุนในตราสารหนี้ทุกชนิดหรือตราสารทุนในความต้องการของตลาดที่กิจการถือไว้โดยมีวัตถุประสงค์หลักที่จะขายในอนาคตอันใกล้ ทำให้กิจการถือหลักทรัพย์นั้นไว้เป็นระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อหากำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาของหลักทรัพย์ ดังนั้น หลักทรัพย์เพื่อค้าจึงมีอัตราการหมุนเวียนสูง 3.2 หลักทรัพย์เผื่อขาย หมายถึง เงินลงทุนในตราสารหนี้ทุกชนิดหรือตราสารทุนในความต้องการของตลาดซึ่งไม่ถือเป็นหลักทรัพย์เพื่อค้าและในขณะเดียวกันไม่ถือเป็นตราสารหนี้ที่จะถือจนครบกำหนดหรือเงินลงทุนในบริษัทย่อยหรือบริษัทร่วม หลักทรัพย์เผื่อขายสามารถแยกประเภทเป็นเงินลงทุนชั่วคราวหรือเงินลงทุนระยะยาว 3.3 เงินลงทุนทั่วไป หมายถึง เงินลงทุนในตราสารทุนที่ไม่อยู่ในความต้องการของตลาดทำให้กิจการไม่สามารถจัดประเภทเป็นหลักทรัพย์เพื่อค้าหรือหลักทรัพย์เผื่อขาย เงินลงทุนทั่วไปสามารถแยกประเภทเป็นเงินลงทุนชั่วคราวหรือเงินลงทุนระยะยาว 3.4 ตราสารหนี้ที่จะถือจนครบกำหนด หมายถึง เงินลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารหนี้ที่กิจการมีความตั้งใจแน่วแน่และมีความสามารถที่จะถือไว้จนครบกำหนดไถ่ถอน นอกจากนี้ มาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 40 ได้กำหนดให้กิจการต้องปฏิบัติเมื่อได้มาซึ่งเงินลงทุน 1. จัดประเภทตราสารหนี้และตราสารทุนในความต้องการของตลาดดังนี้ 1.1 หลักทรัพย์เพื่อค้า 1.2 หลักทรัพย์เผื่อขาย 1.3 ตราสารหนี้ที่จะถือจนครบกำหนด 2. จัดประเภทตราสารทุนที่ไม่อยู่ในความต้องการของตลาดเป็นเงินลงทุนทั่วไป บทความโดย : https://sites.google.com หลักทรัพย์เพื่อค้า หมายถึง เงินลงทุนในตราสารหนี้ ทุกชนิดหรือตราสารทุนในความต้องการของตลาดที่กิจการถือไว้ โดยมีวัตถุประสงค์หลักที่จะขายในอนาคตอันใกล้ทําให้กิจการถือหลักทรัพย์นั้นไว้เป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อหากําไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาของหลักทรัพย์ ดังนั้น หลักทรัพย์เพื่อค้าจึงมีอัตราการหมุนเวียนสูง หลักทรัพย์เผื่อขาย หมายถึง เงินลงทุนในตราสารหนี้ ทุกชนิดหรือตราสารทุนในความต้องการของตลาดซึ่งไม่ถือเป็นหลักทรัพย์เพื่อค้า และในขณะเดียวกันไม่ถือเป็นตราสารหนี้ ที่จะถือจนครบกําหนดหรือเงินลงทุนในบริษัทย่อยหรือบริษัทร่วม การร่วมค้า หลักทรัพย์เผื่อขายสามารถแยกประเภทเป็นเงินลงทุนชั่วคราวหรือเงินลงทุนระยะยาว ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า 1. กรณีตามข้อเท็จจริง บริษัทฯ เปลี่ยนความตั้งใจไม่ขายภายใน 1 ปี โดยถือไว้เพื่อการลงทุนระยะยาวเพื่อรับเงินปันผล อีกทั้งราคาตลาดมีแต่ต่ำลง ซึ่งบริษัทฯ ไม่ต้องการที่จะใช้ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงในแต่ละปีเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีแล้ว เนื่องจากบริษัทฯ มีขาดทุนสะสมจำนวนมาก นั้น ถือว่าหลักทรัพย์เพื่อค้า lot เดิมที่เคยซื้อมาจะพิจารณาว่าเป็นสินทรัพย์ได้ โดยต้องถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามวิธีการทางบัญชีที่รับรองทั่วไป อาทิ (1) หลักการและเหตุผล ความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงประเภทหลักทรัพย์ จากหลักทรัพย์เพื่อค้า เป็นหลักทรัพย์เผื่อขาย (2) รายละเอียดเกี่ยวกับหลักทรัพย์ที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลง ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ มูลค่าของหลักทรัพย์ ประวัติการได้มาซึ่งหลักทรัพย์รายการนั้นๆ (3) หลักฐานการอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงประเภทหลักทรัพย์ โดยผู้มีอำนาจของบริษัทฯ (4) รายงานผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงประเภทหลักทรัพย์ ทั้งในทางบัญชีและภาษีอากร 2. เมื่อบริษัทฯ ได้เปลี่ยนแปลงประเภทหลักทรัพย์จากหลักทรัพย์เพื่อค้า เป็นหลักทรัพย์เผื่อขาย ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนขตามข้อ 1 ข้างต้น แล้ว ในทางบัญชีเมื่อมีการวัดมูลค่ายุติธรรม หากเกิดผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง บริษัทฯ พึงต้องบวกกลับในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อภาษีเงินได้นิติบุคคล ส่วนถ้าเป็นกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงก็ต้องหักออก ถูกต้องแล้วครับ 3. ราคามูลค่ายุติธรรมทางภาษี กรณีในทางบัญชีถ้าเป็นหุ้นในตลาดฯ จะใช้ราคา last bid price แต่ถ้านอกตลาดจะใช้ NAV ถูกต้องแล้วครับ ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ |