Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

ขายสินค้าส่งออก/บริการส่งออกต่างประเทศ


เรื่อง ขายสินค้าส่งออก/บริการส่งออกต่างประเทศ
แหล่งที่มา Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วันที่ วันที่ถาม 17/08/2022 - วันที่ตอบ 18/08/2022
ประเภทภาษี ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย มาตรา 80/1 (2) แห่งประมวลรัษฎากร, คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 97/2543ฯ
ปุจฉา
กิจการ ก (ประเทศไทย) ขายสินค้าให้บริษัท XX ในประเทศจีน โดยกิจการต้องส่งสินค้าไปยัง AA ในประเทศอมริกา ในเอกสาร BL ระบุ shipper คือบริษัท XX (จีน) ระบุ Consignee คือบริษัท AA (อเมริกา) ใบขนสินค้าขาออกระบุบริษัท ก (ประเทศไทย)
เรียนถามอาจารย์ว่า
    1. ถ้า BL ระบุตามตัวอย่างข้างต้นจะขัดแย้งจนทำให้ไม่ถือว่าบริษัทเป็นผู้ส่งออกได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 0 หรือไม่ และ
    2. ในกรณีที่กิจการตั้งในประเทศไทย ให้บริการหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยและจัดส่งข้อมูลให้ลูกค้าในประเทศเบลเยี่ยม ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 0 หรือไม่ครับ
วิสัชนา
ตามข้อ 2 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 97/2543 เรื่อง การส่งออกสินค้า ซึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับสิทธิเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2543 กรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อในต่างประเทศ
    “ข้อ 2 กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อในต่างประเทศ และผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นผู้ผลิตสินค้า หรือซื้อสินค้าจากโรงงานผู้ผลิตหรือผู้ขายในประเทศ โดยผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นผู้ดำเนินพิธีการศุลกากรยื่นใบขนสินค้าขาออกในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียน เพื่อส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักรเพื่อส่งไปต่างประเทศ ตามมาตรา 77/1 (14) แห่งประมวลรัษฎากร ถือว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นผู้ส่งออก ตามมาตรา 77/1 (13) แห่งประมวลรัษฎากร และได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 แห่งประมวลรัษฎากร
         โรงงานผู้ผลิตหรือผู้ขายในประเทศตามวรรคหนึ่ง มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร โดยคำนวณภาษีตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร
         ผู้ประกอบการจดทะเบียนตามวรรคหนึ่ง จะต้องมีหลักฐานดังต่อไปนี้พร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้
         (1) หลักฐานที่แสดงว่าผู้ซื้อในต่างประเทศซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียนจริง เช่น Proforma Invoice หรือ Purchase Order หรือ Order Note หรือเอกสารอื่นที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน
         (2) หลักฐานที่แสดงว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ผลิตสินค้าดังกล่าวหรือซื้อสินค้าจากโรงงานผู้ผลิตหรือผู้ขายในประเทศ และโรงงานผู้ผลิตหรือผู้ขายในประเทศได้จัดทำใบกำกับภาษีเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการจดทะเบียนตามมาตรา 82/4 และมาตรา 86 แห่งประมวลรัษฎากร
        (3) หลักฐานการส่งออกสินค้าในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนเช่น ใบกำกับสินค้า (Invoice) ใบตราส่ง (Bill of Lading) หรือ Airway Bill
        (4) หลักฐานที่แสดงว่าจะมีการชำระราคาค่าสินค้าตามใบกำกับสินค้า(Invoice) ในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียน เช่น หลักฐานการเปิด L/C (Letter of Credit) หรือหลักฐานการจัดทำ T/T (Telex Transfer) หรือ T/P (Term of Payment) เป็นต้น เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้
              (ก) กรณีผู้ซื้อในต่างประเทศมอบหมายให้ตัวแทน ผู้ทำการแทน หรือสำนักงานสาขาในประเทศไทยเป็นผู้ชำระราคาค่าสินค้าแทน ผู้ประกอบการจดทะเบียนสามารถใช้เอกสารที่ระบุว่านำเงินเข้าบัญชีธนาคาร หรือ Bank Statement ในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียน เพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าจะมีการชำระราคาค่าสินค้าตามใบกำกับสินค้า (Invoice) ก็ได้
              (ข) กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนส่งสินค้าไปเป็นตัวอย่างให้แก่ผู้ซื้อในต่างประเทศ โดยไม่มีค่าตอบแทน ก็ไม่จำต้องมีหลักฐานแสดงว่าจะมีการชำระราคาค่าสินค้าตามใบกำกับสินค้า (Invoice)
         (5) หลักฐานสำเนาใบขนสินค้าขาออกในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ผ่านพิธีการศุลกากรฉบับที่มีการสลักหลังการตรวจปล่อยสินค้าโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร หรือหลักฐานอื่นที่แสดงว่ามีการตรวจปล่อยสินค้าโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร” 

ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า
    1. กรณีตามข้อเท็จจริง บริษัท ก (ประเทศไทย) ขายสินค้าให้บริษัท XX ในประเทศจีน โดยกิจการต้องส่งสินค้าไปยัง AA ในประเทศอมริกา ซึ่งในเอกสาร BL ระบุ shipper คือ บริษัท XX (จีน)
ระบุ Consignee คือ บริษัท AA (อเมริกา) ใบขนสินค้าขาออกระบุบริษัท ก (ประเทศไทย) เช่นนี้ ตาม BL ดังกล่าวข้างต้น หากบริษัท ก มีหลักฐานตามข้อ 2 วรรคสาม ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 97/2543ฯ พร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้ โดยบริษัท ก เป็นผู้ดำเนินพิธีการศุลกากรยื่นใบขนสินค้าขาออกในนามของบริษัท ก ในฐานะผู้ประกอบการจดทะเบียน เพื่อส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักรเพื่อส่งไปต่างประเทศ ตามมาตรา 77/1 (14) แห่งประมวลรัษฎากร ถือว่าบริษัท ก เป็นผู้ส่งออก ตามมาตรา 77/1 (13) แห่งประมวลรัษฎากร และได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 แห่งประมวลรัษฎากร 

    2. กรณีที่กิจการตั้งในประเทศไทย ให้บริการหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทย และจัดส่งข้อมูลให้ลูกค้าในประเทศเบลเยี่ยม ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 0 ตามมาตรา 80/1 (2) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 105) เรื่อง กำหนดประเภท หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขกรณีการให้บริการที่ กระทำในราชอาณาจักรและได้มีการใช้บริการนั้นในต่างประเทศ ตาม มาตรา 80/1 (2) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2543 (https://www.rd.go.th/3288.html)



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ