Case study

ภาระภาษีของการจ่ายเงินค่าที่ปรึกษาไปประเทศญี่ปุ่น ข้อแตกต่างของ ข้อ 12 เเละ ข้อ 7 DTA ไทย-ญี่ปุ่น


เรื่อง ภาระภาษีของการจ่ายเงินค่าที่ปรึกษาไปประเทศญี่ปุ่น ข้อแตกต่างของ ข้อ 12 เเละ ข้อ 7 DTA ไทย-ญี่ปุ่น
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 11/05/2025
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย
คำถาม

 ขอสอบถามเรื่องการจ่ายค่าที่ปรึกษาให้ประเทศญี่ปุ่น 

-  เมื่อมีการจ่ายชำระค่าที่ปรึกษานี้ บริษัทฯ ต้องหัก ณ ที่จ่ายและยื่นแบบ ภงด.54 และ ภพ.36 หรือไม่ 

-  ค่าที่ปรึกษา เป็นเงินได้ ตาม ม.40(2) หรือ ม.40(3) หรือ ม.40(6) หรือ ม.40(8) หรือมีความแตต่างกันอย่างไร  

-   ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ภงด.54) และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภพ.36) ว่ามีหลักในการพิจารณาว่าจะต้องหัก ณ ที่จ่ายหรือไม่ ต้องยื่นเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่

-   ค่าบริการแบบใดถือเป็นกำไรธุรกิจ (ข้อ 7) ตามอนุสัญญาภาษีซ้อนของประเทศญี่ปุ่น หรือ ค่าที่ปรึกษาของบริษัทฯ ถือเป็นการจ่ายเงินได้ตาม ข้อ 12 ของอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทย-ญี่ปุ่น (มีความต่างกันอย่างไร ระหว่างค่าบริการตามข้อ 7 และ ข้อ 12)  

-  หลักเกณฑ์การเฉลี่ยภาษีซื้อ

คำตอบ

ตอบ  

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.54)

ค่าที่ปรึกษา ถ้าเข้านิยามค่าสิทธิ์  เงินได้จะเป็นเงินได้พึงประเมิน 40(3) ถ้าไม่เข้าค้าสิทธิ์จะเป็น กำไรธุรกิจ 40(8)   

ประเภทเงินได้

ข้อสังเกตุ

หัก ณ ที่จ่าย

มาตรา 40(2)  

ค่าจ้างทำงานอิสระ มักเป็นการจ้างรายบุคคล และ เป็นการให้คำปรึกษาเรื่องทั่วไป

หัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา 70  15%     เทียบกับอนุสัญญาภาษีซ้อน DTA ไทย-ญี่ปุ่น ข้อบริการส่วนบุคคล ว่าให้หักได้หรือไม่ มียกเว้น หรือ ลดอัตราหรือไม่

มาตรา 40(3) 

ให้คำปรึกษา เป็นการจ้างบุคคล ที่เข้านิยามค่าสิทธิ์

หัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา 70  15% เทียบกับอนุสัญญาภาษีซ้อน DTA ไทย-ญี่ปุ่น ข้อบริการส่วนบุคคล และค่าสิทธิ์ ว่าให้หักได้หรือไม่ มียกเว้น หรือ ลดอัตราหรือไม่

มาตรา 40(6)  

ค่าจ้างทำงานอิสระ  เป็นการให้คำปรึกษาเรื่องเฉพาะจาก 6 วิชาชีพ 

หัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา 70  15%     เทียบกับอนุสัญญาภาษีซ้อน DTA ไทย-ญี่ปุ่น ข้อบริการส่วนบุคคล ว่าให้หักได้หรือไม่ มียกเว้น หรือ ลดอัตราหรือไม่

มาตรา 40(3) 

ให้คำปรึกษา เป็นการจ้างบริษัท ที่เข้านิยามค่าสิทธิ์

หัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา 70  15%  เทียบกับอนุสัญญาภาษีซ้อน DTA ไทย-ญี่ปุ่น ข้อ12 บริษัทในไทย สามารถหักภาษี ณ ที่จ่ายได้  15%

มาตรา 40(8) 

ให้คำปรึกษา เป็นการจ้างบริษัท เป็นการประกอบธุรกิจ  ที่ไม่เข้านิยามค่าสิทธิ์ จะถือเป็นกำไรธุรกิจ ให้ดูต่อว่ามี สถานประกอบการถาวร(P/E) หรือไม่ 

หลักไม่สามารถหัก หัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา 70   แต่ อนุสัญญาภาษีซ้อน DTA ไทย-ญี่ปุ่น ข้อ7 และ ข้อ 5 ระบุว่า  ถ้าบริษัทญี่ปุ่นมี สถานประกอบการถาวร(P/E)  บริษัทในไทย สามารถหักภาษี ณ ที่จ่ายได้  5% ตามมาตรา 76 ทวิ ประกอบกับ ท.ป.4/2528 ข้อ 12 


อนุสัญญาระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงการรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้รัฐบาลแห่งประเทศไทยและรัฐบาลแห่งประเทศญี่ปุ่น

         

ข้อ 5 สถานประกอบการถาวร

(วรรค4) วิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งจะถือว่ามีสถานประกอบการถาวรในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งถ้าวิสาหกิจนั้นให้บริการรวมถึงบริการให้คำปรึกษาผ่านลูกจ้างหรือพนักงานอื่น โดยมีเงื่อนไขว่ากิจกรรมเช่นว่านั้นดำเนินอยู่ (สำหรับโครงการเดียวกันหรือโครงการที่เกี่ยวเนื่องสองโครงการหรือมากกว่านั้น) เป็นระยะเวลาเดียวกันหรือหลายระยะเวลารวมกันเกินกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลาสิบสองเดือนใดๆ



ข้อ 7 กำไรธุรกิจ 

(วรรค1)     เงินได้หรือกำไรของวิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง ให้เก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐนั้น เว้นแต่วิสาหกิจนั้นประกอบธุรกิจในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง โดยผ่านทางสถานประกอบการถาวร ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งนั้น ถ้าวิสาหกิจนั้นประกอบธุรกิจดังกล่าวแล้ว เงินได้หรือกำไรของวิสาหกิจนั้นอาจเป็นภาษีได้ในอีกรัฐหนึ่ง แต่ต้องเก็บจากเงินได้หรือกำไรเพียงเท่าที่พึงถือว่าเป็นของสถานประกอบการถาวรนั้น



ข้อ 12 ค่าสิทธิ์

(วรรค1)     ค่าสิทธิที่เกิดขึ้นในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งและจ่ายให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งอาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งนั้น

(วรรค2)    อย่างไรก็ตาม ค่าสิทธิเช่นว่านั้นอาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญาซึ่งค่าสิทธินั้นเกิดขึ้นและตามกฎหมายของรัฐผู้ทำสัญญารัฐนั้น แต่ถ้าผู้รับเป็นเจ้าของผู้รับประโยชน์จากค่าสิทธิภาษีเรียกเก็บจะต้องไม่เกินร้อยละ 15 ของจำนวนค่าสิทธิทั้งสิ้น

(วรรค3)     คำว่า "ค่าสิทธิ" ที่ใช้ในข้อนี้ หมายถึงการจ่ายไม่ว่าชนิดใดๆ ที่ได้รับเป็นค่าตอบแทนเพื่อการใช้หรือสิทธิในการใช้ลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรม ศิลปหรืองานวิทยาศาสตร์ใดๆ รวมทั้งฟิล์มภาพยนตร์และฟิล์มหรือเทปที่ใช้สำหรับการกระจายเสียงทางวิทยุหรือทางโทรทัศน์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า แบบหรือหุ่นจำลอง แผนผัง สูตร หรือกรรมวิธีลับใดๆ หรือเพื่อข้อสนเทศที่เกี่ยวกับประสบการณ์ทางอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือทางวิทยาศาสตร์


มาตรา 76 ทวิบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ มีลูกจ้าง หรือผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อในการประกอบกิจการในประเทศไทย ซึ่งเป็นเหตุให้ได้รับเงินได้หรือผลกำไรในประเทศไทย ให้ถือว่าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ประกอบกิจการในประเทศไทย และให้ถือว่าบุคคลผู้เป็นลูกจ้าง หรือผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อเช่นว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลเป็นตัวแทนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ และให้บุคคลนั้นมีหน้าที่ และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้ เฉพาะที่เกี่ยวกับเงินได้หรือผลกำไรที่กล่าวแล้ว
 ในกรณีที่กล่าวในวรรคแรก ถ้าบุคคลผู้มีหน้าที่และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษีไม่สามารถจะคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษี ตามบทบัญญัติในส่วนนี้ได้ ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการประเมินภาษีตามมาตรา 71(1) มาใช้บังคับโดยอนุโลม
 ในกรณีการประเมินตามความในมาตรานี้ จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้



คำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528
 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่ หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย

ข้อ 12ให้บุคคล บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินที่เป็นค่าจ้างทำของให้แก่ผู้รับจ้างซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศประกอบกิจการในประเทศไทย โดยมิได้มีสำนักงานสาขาตั้งอยู่เป็นการถาวรในประเทศไทยหักภาษี ณ ที่จ่ายโดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 5.0




ภาษีมูลค่าเพิ่ม  (ภ.พ.36)


เนื่องจาก การให้คำปรึกษาที่ญี่ปุ่น ส่งผลของบริการ(ผลของคำปรึกษา) มาใช้ในประเทศไทย 


บริษัทจึงต้องนำส่ง ภ.พ.36 ตามมาตรา 83/6(2)(ข)   แห่งประมวลรัษฎากร 


มาตรา 83/6   เมื่อมีการชำระราคาสินค้าหรือ ราคาค่าบริการให้กับผู้ประกอบการดังต่อไปนี้ ให้ผู้จ่ายเงินค่าซื้อสินค้า หรือค่าบริการมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลเพิ่มที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่เสียภาษี
 
    (1) ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรซึ่งได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้า หรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราวตามมาตรา 85/3
     “(2) ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรทั้งนี้ เฉพาะ
(ก) ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน
        (ข) ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการอื่นนอกจากบริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ทุกราย”





ความแตกต่างของการพิจารณาเรื่อง ภาษี หัก ณ ที่จ่าย

ระหว่างกำไรธุรกิจตามข้อ 7 และ ค่าสิทธิ์ข้อ 12 แห่งอนุสัญญาภาษีซ้อนไทย-ญี่ปุ่น DTA


ให้พิจารณาตามลำดับ เข้านิยามค่าสิทธิ์ หรือไม่  (ระวัง แต่ละประเทศอาจมีนิยามค่าสิทธิ์แตกต่างกัน) 

  1. ถ้าเข้า  ถือเป็นค่าสิทธิ์ 40(3) ให้หักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 70  แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับ DTA ข้อ 12 


  1. ถ้าไม่เข้า แสดงว่าเป็นกำไรธุรกิจ  40(8) ไม่สามารถหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 70  แห่งประมวลรัษฎากร   แต่   DTA ข้อ 7  ให้หัก ณ ที่จ่ายได้ ถ้ามีสถานประกอบการถาวรในไทย (ให้ดูต่อที่ข้อ 5 สถานประกอบการถาวร)  
    1. ไม่มี สถานประกอบการถาวรในไทย  ไม่สามารถหัก ณ ที่จ่ายได้
    2. มี สถานประกอบการถาวรในไทย  ต้องเสียภาษีในไทยตามมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร  และบริษัทในไทย สามารถหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามท.ป.4/2528 ข้อ 12) 



หมายเหตุ เนื่องจากเรื่องอนุสัญญาภาษีซ้อนมีรายละเอียดเยอะ   จึงขอแนะนำให้เรียนใน Tax-EZ Training หัวข้อ DTA  (มีทั้งหมด 4 EP ค่ะ)  คลิ๊กเพื่อเรียน


การเฉลี่ยภาษีซื้อ

สำหรับหลักเกณฑ์การเฉลี่ยภาษีซื้อ  ให้พิจารณาดังนี้

  1. รายการนี้เป็น ภาษีซื้อ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจกรรม VAT หรือไม่   ถ้าใช่ บริษัทสามารถเคลม VAT ได้ 100%
  2. รายการนี้เป็น ภาษีซื้อ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจกรรม Non VAT หรือไม่   ถ้าใช่ บริษัทไม่สามารถเคลม VAT ได้ 100% แต่สามารถนำมารับรู้เป็นค่าใช้จ่ายได้ทั้งจำนวน
  3. รายการนี้เป็น ภาษีซื้อ ที่ใช้ร่วมกันระหว่าง กิจกรรม VAT  และ กิจกรรม Non VAT หรือไม่   ถ้าใช่ บริษัทจะต้องเฉลี่ยภาษีซื้อตาม มาตรา 82/6 แห่งประมวลรัษฎากร โดยต้องปฏิบัติตาม  หลักเกณฑ์ และเงื่อนไข ที่ได้ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29)  ดังนี้
    • ปีที่ 1  เฉลี่ยภาษีซื้อ   50% แสดงว่าบริษัทฯ จะขอคืนภาษีซื้อได้เพียง 50% ค่ะ 
    • ปีที่ 2 เป็นต้นไป  เฉลี่ยภาษีซื้อ .....% ตามอัตราภาษีซื้อจริงของปีก่อนหน้าค่ะ เช่น  


หมายเหตุ เนื่องจากเรื่องการเฉลี่ยภาษีซื้อมีรายละเอียดเยอะ ถ้าอธิบายเป็นข้อความอาจเข้าใจได้ยากพอสมควร จึงขอแนะนำให้เรียนใน Tax-EZ Training รายการ Tax Case Study ที่อาจารย์สุเทพได้สอนไว้นะคะ( 4 EP)  คลิ๊กเพื่อเรียน


 

หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ