Case study

การรับรู้รายได้ เเละการนำส่งภาษีขาย จากการขายสินค้าออกไปต่างประเทศ


เรื่อง การรับรู้รายได้ เเละการนำส่งภาษีขาย จากการขายสินค้าออกไปต่างประเทศ
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 05/03/2025
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย
คำถาม

 ขอสอบถามเกี่ยวกับการรับรู้รายได้ เเละการนำส่งภาษีขาย จากการขายสินค้าออกไปต่างประเทศ  ทางบัญชี เเละ ภาษี เหมือนหรือต่างกันอย่างไรคะ

คำตอบ


ตอบ

การรับรู้รายได้

การรับรู้รายได้ทั้งทางบัญชี และ ทางภาษี รับรู้ที่จุดเดียวกัน คือ จุดที่ตกลงกันระหว่างผู้ขาย และ ผู้ซื้อว่าจะโอนความเสี่ยงและผลตอบแทนให้กับผู้ซื้อ   (Point of Delivery and Transfer of Risk)  ซึ่งมักจะยึดตาม IncoTerm  ตกลงซื้อขายกันตาม  เงื่อนไขตัวอย่างเช่น  ขายด้วยเงื่อนไข  CIF ให้รับรู้รายได้ และต้นทุน ณ วันที่สินค้าวางบนเรือที่ท่าเรือต้นทาง (on board the vessel) ณ ท่าเรื่อประเทศไทย (ซึ่งคือ สถานะ Status 0409 เป็นวันส่งออกสินค้า Goods Load   ในใบขนนั่นเอง)

การพิจารณาจุดส่งมอบแต่ละเงื่อนไขใน Incoterm ให้ดูที่ครื่องหมาย ! ตามภาพ  คือจุดโอนความเสี่ยงของสินค้า

 

ขอบคุณภาพจากhttps://www.smartfreight.co.th/incoterms/


จุดรับผิดทางภาษีมูลค่าเพิ่ม(การนำส่งภาษีขาย) Tax Point

ความรับผิดในการส่งออกสินค้า ตามมาตรา 78 (4)(ก)  สำหรับสินค้าที่ไม่ต้องชำระอากรให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออก ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร   ดังนั้นวันที่ที่จะต้องระบุในรายงานภาษี คือวันที่ในใบขนสินค้า Status 0209 (ตามตัวอย่างด้านล่างที่เทสีชมพู)ไม่ใช่Status 0409  ที่


 



 มาตรา
78 ภายใต้บังคับมาตรา 78/3 ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการขายสินค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

    (4) การขายสินค้าโดยส่งออกให้ความรับผิดเกิดขึ้นดังต่อไปนี้
  
(ก) การส่งออกนอกจากที่ระบุใน (ข) หรือ (ค) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อชำระอากรขาออก วางหลักประกันอากรขาออก หรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันอากรขาออก เว้นแต่ในกรณีที่ไม่ต้องเสียอากรขาออกหรือได้รับยกเว้นอากรขาออก แล้วแต่กรณี ก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร



 

มาตรา80/1   ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละ 0 ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการประกอบกิจการประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
      (1) การส่งออกสินค้าที่มิใช่การส่งออกสินค้าซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81(3)


 
อ้างอิงคำตอบ


เรื่อง

บริษัทฯ ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ยื่นแบบภ.พ.30 โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนผิดวัน

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 19/02/2024 - วันที่ตอบ 16/03/2024

ประเภทภาษี

ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

มาตรา 78 (4)(ก), มาตรา 89 แห่งประมวลรัษฎากร , คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.132/2548

ปุจฉา

ขอสอบถามเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ.30 เนื่องจากบริษัทฯ มีขายต่างประเทศ ยื่นภาษีขายในอัตรา 0% ใช้อัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารพาณิชย์ แต่ทางบริษัทฯ ใช้อัตราแลกเปลี่ยนผิดวัน ไปใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามวันที่ในใบขนขาออก status 04 ถ้าในกรณีนี้จะต้องยื่น ภ.พ.30 ใหม่ไหม และต้องเสียค่าปรับแบบไหมค่ะ มีข้อกฎหมายใดบ้างค่ะ

วิสัชนา

1.ตามมาตรา 78 (4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการขายสินค้าโดยส่งออกในกรณีที่ไม่ต้องเสียอากรขาออกหรือได้รับยกเว้นอากรขาออกแล้วแต่กรณี เกิดขึ้นในวันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ดังนี้

    “มาตรา 78 ภายใต้บังคับมาตรา 78/3 ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการขายสินค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

         (4) การขายสินค้าโดยส่งออกให้ความรับผิดเกิดขึ้นดังต่อไปนี้

              (ก) การส่งออกนอกจากที่ระบุใน (ข) หรือ (ค) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อชำระอากรขาออก วางหลักประกันอากรขาออก หรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันอากรขาออก เว้นแต่ในกรณีที่ไม่ต้องเสียอากรขาออกหรือได้รับยกเว้นอากรขาออกแล้วแต่กรณีก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร

              (ข) การส่งออกในกรณีที่นำสินค้าเข้าไปในเขตปลอดอากรตามมาตรา 77/1 (14)(ก) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่นำสินค้าในราชอาณาจักรเข้าไปในเขตดังกล่าว

              (ค) การส่งออกซึ่งสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้าทัณฑ์บนตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ให้ความรับผิดเกิดขึ้นพร้อมกับความรับผิดตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร” 


  

2.ตามมาตรา 79/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าโดยการส่งออก ได้แก่ มูลค่าของสินค้าส่งออกโดยให้ใช้ราคา เอฟ.โอ.บี. ของสินค้าซึ่งได้แก่ ราคาสินค้า ณ ด่านศุลกากรส่งออกโดยไม่รวมค่าประกันภัยและค่าขนส่งจากด่านศุลกากรส่งออกไปต่างประเทศ ดังนี้

    “มาตรา 79/1 ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการในกิจการเฉพาะอย่าง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

         (1) ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าโดยการส่งออก ได้แก่ มูลค่าของสินค้าส่งออกโดยให้ใช้ราคา เอฟ.โอ.บี. ของสินค้าบวกด้วยภาษีสรรพสามิตตามที่กำหนดในมาตรา 77/1 (19) และภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นตามที่จะได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาแต่ทั้งนี้ไม่ให้รวมอากรขาออก

         ราคา เอฟ.โอ.บี. ได้แก่ ราคาสินค้า ณ ด่านศุลกากรส่งออกโดยไม่รวมค่าประกันภัยและค่าขนส่งจากด่านศุลกากรส่งออกไปต่างประเทศ”  


3. ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.132/2548เรื่อง การคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามมาตรา 9 มาตรา 65 ทวิ (5) มาตรา 65 ทวิ และมาตรา 79/4 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2548

    “ข้อ 3 กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้รับมาหรือจ่ายไปซึ่งเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สิน ซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินเป็นเงินตราไทยตามราคาตลาดในวันที่รับมาหรือจ่ายไปนั้น ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 ทวิ (5) วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร

         ราคาตลาดตามวรรคหนึ่ง กรณีการบันทึกบัญชี ณ วันที่เกิดรายการทรัพย์สิน หรือหนี้สินหมายถึง

         (1) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อหรืออัตราขาย)หรือ

         (2) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ยหรืออัตราขายถัวเฉลี่ย)

         ราคาตลาดตามวรรคหนึ่ง กรณีการได้รับเงินหรือจ่ายเงินเป็นเงินตราต่างประเทศ หมายถึง อัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นจริงในทางปฏิบัติจากการนำเงินสกุลบาทไปแลกเป็นเงินสกุลต่างประเทศ หรือเกิดจากการนำเงินสกุลต่างประเทศไปแลกเป็นเงินสกุลบาท” 

         ตัวอย่าง

         (2) บริษัท ข จำกัด  ประกอบกิจการขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าให้แก่บริษัทในต่างประเทศ โดยตกลงราคาสินค้าเป็นหน่วยเงินตราต่างประเทศ บริษัท ข จำกัดดำเนินการส่งออกสินค้าและบันทึกบัญชีในวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2548 บริษัท ข จำกัด มีสิทธิใช้อัตราแลกเปลี่ยนในการบันทึกบัญชีเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลดังนี้                               

              (2/1) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (อัตราซื้อ) ของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2548 หรือ

              (2/2) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ยซึ่งจะเป็น SIGHT หรือ T/T ก็ได้) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ ณ วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2548 ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่าง ๆ ณ สิ้นวันทำการประจำวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2548 เนื่องจากวันเสาร์ที่ 12 และวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2548 เป็นวันหยุดราชการ” 


ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า

    กรณีบริษัทฯ ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ได้ยื่นแบบ ภ.พ.30 แสดงภาษีขายอัตรา 0% ในแบบ ภ.พ.30 โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารพาณิชย์ ตามวันที่ในใบขนขาออก status 0409 นั้น ต่อไปให้ใช้วันที่ในใบขนสินค้าขาออก Status 0209 ซึ่งได้แก่ วันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ให้ถูกต้อง เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มในกรณีเป็นอัตรา 0% บริษัทฯ จึงไม่ต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับ ตามมาตรา 89 แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด


ขอขอบคุณข้อมูลจากFB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ  คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตามFB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์



หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ