Case study

ถาม-ตอบ ช้อปดีมีคืน ปี 2566
เรื่อง | ถาม-ตอบ ช้อปดีมีคืน ปี 2566 |
แหล่งที่มา | Case study |
วันที่ | 05/01/2023 |
ประเภทภาษี | ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา |
ข้อกฎหมาย | - |
คำถาม | ถาม-ตอบ ช้อปดีมีคืน ปี 2566 หมายเหตุ ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้ที่นี่ ตรวจสอบรายชื่อ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติให้จัดทำ ส่งมอบ และเก็บรักษาใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ ได้ที่นี่ |
คำตอบ | คำถาม-คำตอบ (Q&A) มาตรการ “ช้อปดีมีคืน ปี2566” ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB กรมสรรพากร คำถาม : มาตรการ “ช้อปดีมีคืน ปี 2566” เป็นการให้สิทธิประโยชน์อะไร คำตอบ : ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการสำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 40,000 บาท คำถาม : ผู้ใช้สิทธิประโยชน์ มาตรการ “ช้อปดีมีคืน ปี 2566” คือใคร คำตอบ : บุคคลธรรมดาเท่านั้น ไม่รวมห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล คำถาม : การให้หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการมีหลักเกณฑ์ เงื่อนไขอย่างไร คำตอบ : 1) กำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการสำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 40,000 บาท โดยแบ่งเป็น 1.1) ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ จำนวนไม่เกิน 30,000 บาท จะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบ กระดาษหรือใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากร และ 1.2) ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ จำนวนไม่เกิน 10,000 บาท จากส่วนที่เกิน 1.1) จะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากรเท่านั้น ทั้งนี้ e-Tax Invoice ในที่นี้หมายความรวมถึง e-Tax Invoice by Email ด้วย และตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด 2) หลักเกณฑ์ 2.1. ค่าสินค้าหรือค่าบริการไม่รวมถึง 2.1.1 ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์ 2.2.2 ค่าซื้อยาสูบ 2.2.3 ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ 2.2.4 ค่าซื้อหนังสือพิมพ์และนิตยสาร 2.2.5 ค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต 2.2.6 ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ 2.2.7 ค่าที่พักในโรงแรมที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม 2.2.8 ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต 2.2.9 ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการและผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าวนอกเหนือจากระยะเวลาตามที่กำหนดในข้อ 1) เช่น ค่าสมาชิกต่าง ๆ 2.1.10 ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย 2.2) ผู้มีเงินได้ต้องจ่ายค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและ ได้รับใบกำกับภาษีเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร เว้นแต่ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ดังต่อไปนี้จะจ่ายให้แก่ผู้มิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็ได้ 2.2.1 ค่าซื้อหนังสือ 2.2.2 ค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (e-Book) 2.2.3 ค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรม การพัฒนาชุมชนแล้ว กรณีซื้อสินค้าหรือรับบริการตาม 2.2.1) - 2.2.3) จากผู้มิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับจำนวนไม่เกิน 30,000 บาท ตาม 1.1) ต้องได้รับใบรับตามมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากร ในรูปแบบกระดาษหรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ส่วนจำนวนไม่เกิน 10,000 บาท ตาม 1.2) ต้อง ได้รับใบรับตามมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากรในรูปแบบใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เท่านั้น 3) หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด เช่น วิธีการใช้สิทธิโดยทั่วไป วิธีการใช้สิทธิของสามีและภริยา ข้อห้ามการใช้สิทธิของผู้มีเงินได้ที่เป็น ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หลักฐานประกอบการใช้สิทธิ เป็นต้น คำถาม : ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการใดบ้างที่สามารถนำมาหักลดหย่อนตามมาตรการนี้ได้ คำตอบ : 1) ค่าซื้อสินค้าและค่าบริการทุกประเภทที่ซื้อจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถนำมาหักลดหย่อนตามมาตรการนี้ได้ ยกเว้นค่าซอ้ืสินค้าหรือค่าบริการ ดังต่อไปนี้ 1.1 ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์ 1.2 ค่าซื้อยาสูบ 1.3 ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ 1.4 ค่าซื้อหนังสือพิมพ์และนิตยสาร 1.5 ค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต 1.6 ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ 1.7 ค่าที่พักในโรงแรมที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม 1.8 ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต 1.9 ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการและผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าวนอกเหนือจากระยะเวลาตามที่กำหนด (1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566) เช่น ค่าสมาชิกต่าง ๆ 1.10 ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย 2) ผู้มีเงินได้ต้องจ่ายค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รับใบกำกับภาษีเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร เว้นแต่ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการดังต่อไปนี้จะจ่ายให้แก่ผู้มิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็ได้ 2.1 ค่าซื้อหนังสือ 2.2 ค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (e-Book) 2.3 ค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว คำถาม : ค่าซื้ออาหารในโรงแรมสามารถนำมาหักลดหย่อนได้หรือไม่ คำตอบ : ได้ หากโรงแรมเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม คำถาม : ค่าซ่อมรถสามารถนำมาหักลดหย่อนได้หรือไม่ คำตอบ : ได้ หากร้านเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม คำถาม : น้ำมันชนิดใดที่สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ คำตอบ : น้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ ที่ซื้อจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม คำถาม : กรณีซื้อทองรูปพรรณสามารถนำมาหักลดหย่อนได้หรือไม่ คำตอบ : สามารถนำมาหักลดหย่อนได้เฉพาะค่ากำเหน็จ (ตามมูลค่าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม) คำถาม : ค่าซื้อแพคเกจทัวร์ท่องเที่ยวในประเทศสามารถนำมาหักลดหย่อนได้หรือไม่ คำตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากการค่าบริการนั้นไม่รวมถึงค่าบริการจัดนำเที่ยว คำถาม : กรณีจ่ายค่าที่พักโรงแรมหรือจ่ายค่าบริการนำเที่ยวระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 สามารถนำมาหักลดหย่อนได้หรือไม่ คำตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากการค่าบริการนั้นไม่รวมถึงค่าที่พักโรงแรมและค่าบริการจัดนำเที่ยว คำถาม : ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ สามารถนำมาหักลดหย่อนได้หรือไม่ คำตอบ : ไม่ได้ คำถาม : กรณีมีสัญญาใช้บริการระยะยาวที่มีระยะเวลาสัญญาเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2566 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมีส่วนที่ชำระและใช้บริการระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 สามารถนำค่าบริการเฉพาะส่วนที่ใช้บริการในช่วงเวลาดังกล่าวมาหักลดหย่อน ได้หรือไม่ คำตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากเป็นค่าบริการสำหรับบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการระยะยาวซึ่งเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2566 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 คำถาม : กรณีชำระค่าบริการระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 แต่ได้ใช้บริการหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 จะสามารถนำมาหักลดหย่อน ได้หรือไม่ คำตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากต้องชำระค่าบริการและใช้บริการระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เท่านั้น คำถาม : ค่าซื้อประกันชีวิต ประกันวินาศภัย ประกันสุขภาพ หรือประกันรถยนต์สามารถนำมาหักลดหย่อน ได้หรือไม่ คำตอบ : ไม่ได้ 1.1) ค่าซื้อประกันชีวิต ไม่สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ เนื่องจากเป็นบริการที่ไม่อยู่บังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ขอให้พิจารณาใช้สิทธิหักลดหย่อนค่าซื้อเบี้ยประกันชีวิตตามประมวลรัษฎากร (มาตรา 47 (1)(ง)) และกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 พ.ศ. 2509 ข้อ 2 (61) ไม่เกินจำนวน 100,000 บาทแทน 1.2) ค่าซื้อประกันวินาศภัย ประกันสุขภาพ และประกันรถยนต์ไม่สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ คำถาม : การซื้อทองคำแท่งสามารถนำมาหักลดหย่อน ได้หรือไม่ คำตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากทองคำแท่งเป็นสินค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีอันเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิ คำถาม : ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าทำศัลยกรรมสามารถนำมาหักลดหย่อน ได้หรือไม่ คำตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากการให้บริการของสถานพยาบาลได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีอันเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิ คำถาม : ค่าซื้อบัตรเพื่อแลกรับบริการสามารถนำมาหักลดหย่อน ได้หรือไม่ คำตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากการขายบัตรเพื่อแลกรับบริการไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ขายบัตรเพื่อแลกรับบริการไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีอันเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิ แต่หากนำบัตรเพื่อแลกรับบริการไปแลกรับบริการระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งคำนวณเป็นจำนวนเงินและออกใบกำกับภาษีได้ สามารถนำใบกำกับภาษีมาเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิ คำถาม : ค่าซื้อบัตรของขวัญของห้างสรรพสินค้า (Gift voucher) ค่าซื้อบัตรของขวัญ (Voucher) สำหรับค่าซื้ออาหารของโรงแรมหรือบัตรเติมเงินค่าโทรศัพท์ สามารถนำมาหักลดหย่อน ได้หรือไม่ คำตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากการขายบัตรของขวัญ/บัตรเติมเงินไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ขายบัตรของขวัญ/เติมเงินไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีอันเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิ แต่หากนำบัตรของขวัญ/บัตรเติมเงินไปแลกซื้อสินค้าหรือบริการระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งคำนวณเป็นจำนวนเงินและออกใบกำกับภาษีได้ สามารถนำใบกำกับภาษีมาเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิ คำถาม : ต้องใช้หลักฐานใดในการใช้สิทธิหักลดหย่อน คำตอบ : หลักฐานที่ใช้ คือ ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร (ใบกำกับภาษีที่มีข้อความระบุชื่อ และที่อยู่ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ) เว้นแต่สินค้าหรือบริการดังต่อไปนี้ ที่ซื้อมาจากผู้ประกอบการที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องมีหลักฐานใบรับ ซึ่งมีรายการอย่างน้อยตามมาตรา 105 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร พร้อมระบุชื่อและนามสกุลของผู้มีเงินได้ 1. หนังสือ 2. หนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (e-Book) 3. สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว คำถาม : ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ที่สามารถนำมาเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิหักลดหย่อน หมายถึงอะไร คำตอบ : ใบกำกับภาษีที่มีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ 1. คำว่า "ใบกำกับภาษี" ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด 2. ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษี 3. ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ 4. หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษี และหมายเลขลำดับของเล่ม (ถ้ามี) 5. ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ 6. จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ โดยให้แยกออกจากมูลค่าของ สินค้าและหรือของบริการให้ชัดแจ้ง 7. วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี 8. ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด เช่น คำว่าเอกสารออกเป็นชุด สำเนาใบกำกับภาษี ฯลฯ คำถาม : ใบกำกับภาษีมีข้อความไม่สมบูรณ์ เช่น เขียนชื่อหรือที่อยู่ผู้ซื้อสินค้าผิด หรือมีการแก้ไขสามารถนำมาเป็นหลักฐาน ได้หรือไม่ คำตอบ : หากใบกำกับภาษีนั้นมีรายการครบถ้วนตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร แม้จะมีการเขียนชื่อหรือที่อยู่ของผู้ซื้อสินค้าผิด หรือมีการแก้ไขข้อความ ก็สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้ คำถาม : ผู้ซื้อมีที่อยู่ตามบัตรประชาชนกับที่อยู่ในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแตกต่างกันให้ใช้ที่อยู่ใด คำตอบ : จะใช้ที่อยู่ตามบัตรประชาชน หรือที่อยู่ปัจจุบันก็ได้ คำถาม : กรณีซื้อสินค้าหรือรับบริการหลายครั้ง (มีใบกำกับภาษีหลายใบ) ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 จะสามารถนำมูลค่าการซื้อสินค้าหรือการรับบริการแต่ละครั้งมารวมกันเพื่อใช้สิทธิ ได้หรือไม่ คำตอบ : การซื้อสินค้าหรือการรับบริการในแต่ละครั้ง หากมีมูลค่าไม่ถึงที่กำหนดในแต่ละกรณีสามารถนำหลายครั้งมารวมกันได้ คำถาม : กรณีซื้อสินค้าหรือรับบริการครั้งเดียว (มีใบกำกับภาษี 1 ใบ) ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมูลค่าการซื้อสินค้าหรือการรับบริการนั้นสูงกว่า 40,000 บาท สามารถนำมาเป็นหลักฐาน ได้หรือไม่ คำตอบ : สามารถใช้สิทธิตามมาตรการนี้ได้ เฉพาะมูลค่าสินค้าหรือบริการส่วนที่ไม่เกิน 40,000 บาท คำถาม : ใบกำกับภาษีมีชื่อผู้ซื้อสินค้าหลายคนสามารถหักลดหย่อน ได้หรือไม่ คำตอบ : ไม่ได้ ใบกำกับภาษีต้องมีชื่อผู้ซื้อสินค้าหรือรับบริการเพียงคนเดียว คำถาม : กรณีใบกำกับภาษีมีทั้งรายการสินค้าและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มและไม่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มจะหักลดหย่อนอย่างไร คำตอบ : สามารถนำมาหักลดหย่อนได้เฉพาะค่าซื้อสินค้าและค่าบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เว้นแต่สินค้าหรือบริการ ดังต่อไปนี้ สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ แม้จ่ายให้แก่ผู้มิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม 1. หนังสือ 2. หนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (e-Book) 3. สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว คำถาม : ใบรับตามมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากร ที่สามารถนำมาเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิหักลดหย่อน หมายถึงอะไร คำตอบ : ใบรับที่มีรายการอย่างน้อยตามมาตรา 105 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้ พร้อมชื่อและนามสกุลของผู้มีเงินได้ 1. เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ออกใบรับ 2. ชื่อหรือยี่ห้อของผู้ออกใบรับ 3. เลขลำดับของเล่มและของใบรับ 4. วันเดือนปีที่ออกใบรับ 5. จำนวนเงินที่รับ 6. ชนิด ชื่อ จำนวนและราคาสินค้าในกรณีการขายสินค้าที่มีราคาตั้งแต่ 100 บาท ขึ้นไป คำถาม : สามารถขอรับใบกำกับภาษีในรูปแบบ e-Tax Invoice หรือใบรับในรูปแบบ e-Receipt ได้อย่างไร คำตอบ : ประชาชนสามารถแจ้งความประสงค์ขอรับ e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ต่อผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติจากกรมสรรพากร คำถาม : ผู้ขอรับใบกำกับภาษีในรูปแบบ e-Tax Invoice หรือใบรับในรูปแบบ e-Receipt จะได้รับเป็นอย่างไร คำตอบ : โดยทั่วไปผู้ประกอบการจะจัดส่งไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ให้ทางอีเมล คำถาม : ผู้ขอรับใบกำกับภาษีในรูปแบบ e-Tax Invoice หรือใบรับในรูปแบบ e-Receipt สามารถขอให้ผู้ประกอบการจัดพิมพ์ในรูปแบบกระดาษด้วย ได้หรือไม่ คำตอบ : ได้ แต่ไม่ต้องนำส่งให้แก่กรมสรรพากร คำถาม : สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการที่เข้าร่วม e-Tax Invoice และ e-Receipt ได้ที่ใด คำตอบ : สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ได้รับอนุมัติได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร คำถาม : ผู้ประกอบการสามารถสมัครเข้าร่วม e-Tax Invoice และ e-Receipt ได้อย่างไร คำตอบ : 1. ผู้ประกอบการทั่วไป สามารถสมัคร e-Tax Invoice และ e-Receipt ได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร หรือที่ https://etax.rd.go.th 2. ในกรณีผู้ประกอบการมีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี และต้องการสมัคร e-Tax Invoice by Email สามารถสมัครได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร คำถาม : กรณีได้รับใบกำกับภาษีในรูปแบบ e-Tax Invoice หรือใบรับในรูปแบบ e-Receipt จะใช้หลักฐานใดในการใช้สิทธิ คำตอบ : ผู้ประกอบการจะนำส่งข้อมูล e-Tax Invoice และ e-Receipt ให้แก่กรมสรรพากรและกรมสรรพากรจะนำข้อมูลดังกล่าวของผู้มีเงินได้แต่ละคนขึ้นบน My Tax Account ซึ่งเข้าถึงได้จากเว็บไซต์กรมสรรพากร โดยผู้มีเงินได้สามารถตรวจสอบข้อมูลและนำไปใช้ในการกรอกแบบแสดงรายการภาษีตามสิทธิหักลดหย่อนที่ได้รับ โดยไม่ต้องนำส่งหลักฐานให้แก่กรมสรรพากรอีก คำถาม : ผู้ประกอบการได้ประโยชน์อย่างไรจากการออกใบกำกับภาษีในรูปแบบ e-Tax Invoice และการออกใบรับในรูปแบบ e-Receipt คำตอบ : มีต้นทุนการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีลดลง เพราะ e-Tax Invoice และ e-Receipt มีต้นทุนต่ำกว่าแบบกระดาษและกรมสรรพากรยังให้หักรายจ่ายการลงทุนและค่าใช้บริการระบบ e-Tax Invoice และ e-Receipt ได้ 2 เท่า ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 718) พ.ศ. 2564 คำถาม : ประชาชนได้ประโยชน์อย่างไรจากการรับใบกำกับภาษีในรูปแบบ e-Tax Invoice และการรับใบรับในรูปแบบ e-Receipt คำตอบ : ไม่ต้องเก็บรักษาใบกำกับภาษีหรือใบรับและนำส่งให้แก่กรมสรรพากร โดยสามารถใช้ข้อมูล e-Tax Invoice และ e-Receipt ในฐานข้อมูลของกรมสรรพากรในการยื่นแบบแสดงรายการภาษี (กรมสรรพากรจะนำขึ้นบน My Tax Account) และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรจะไม่ขอให้ส่งใบกำกับภาษีหรือใบรับอีก ซึ่งส่งผลให้การพิจารณาคืนภาษีสามารถดำเนินการได้รวดเร็ว *********************************************************************************************************************************************************************** Tax-EZ Website ปรับข้อความบางส่วนจาก Q&A กรมสรรพากร(Clear Cut ชัดเจนกับประเด็นช้อปดีมีคืน ปี 2563 เเละ 2565) ถาม : ใบกำกับภาษีมีชื่อผู้ซื้อมากกว่า 1 คน เช่น นาย ก และ นาย ข ใช้สิทธิได้หรือไม่ ตอบ : ไม่ได้ ใบกำกับภาษีต้องเป็นชื่อผู้มีเงินได้คนเดียว ถาม : ที่อยู่ในใบกำกับภาษี ใช้ที่อยู่ที่ใด ตอบ : ที่อยู่ตามที่สะดวก (หากผู้มีเงินได้ไม่ได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) ถาม : ชื่อ – ที่อยู่ ในใบกำกับภาษีผิด ใช้สิทธิได้หรือไม่ ตอบ : ได้ หากไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นบุคคลอื่นสามารถใช้สิทธิได้ แต่หากทำให้เข้าใจผิดได้ว่าเป็นบุคคลอื่น ให้ผู้ออกใบกำกับขีดฆ่าและลงลายมือชื่อกำกับ หรือยกเลิกฉบับเดิมและจัดทำใบกำกับภาษีฉบับใหม่ที่ถูกต้อง ถาม : ใบกำกับภาษี ออก ชื่อ-สกุล เป็นภาษาอังกฤษได้หรือไม่ ตอบ : ได้ หากใบกำกับภาษีมีรายละเอียดครบถ้วนตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ถาม : ใบรับ ผู้ขาย ออกชื่อ-สกุล เป็นภาษาอังกฤษได้หรือไม่ ตอบ : ไม่ได้ ชื่อผู้ขายต้องออกเป็นภาษาไทยเท่านั้น ตามมาตรา 105 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ส่วนชื่อผู้ซื้อจะระบุเป็นภาษาอังกฤษก็ได้ ถาม : กรณีได้ใช้สิทธิลดหย่อนไปแล้ว ต่อมาได้รับใบลดหนี้ ต้องยื่นแบบเพิ่มเติมปรับปรุงการยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90/91 หรือไม่ ตอบ : ต้องดำเนินการยื่นแบบเพิ่มเติม ถาม : กรณีได้รับส่วนลดจากการซื้อสินค้า ระบุในใบกำกับภาษี เช่น ซื้อสินค้า 32,000 บาท ได้รับส่วนลด 3,000 บาทยอดซื้อคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 29,000 บาท สามารถใช้สิทธิได้หรือไม่ อย่างไร ตอบ : ใช้สิทธิได้จากยอดหลังหักส่วนลด 29,000 บาท ถาม : การจ่ายชำระเงิน กรณีใบกำกับชื่อนาย ก แต่ใช้บัตรเครดิต นาย ข จ่าย ได้สิทธิหรือไม่ ตอบ : ได้ เนื่องจากไม่ได้กำหนดวิธีการจ่ายชำระ ถาม : ซื้อน้ำมันเครื่อง ได้สิทธิหรือไม่ ตอบ : ได้ เนื่องจากไม่ใช่น้ำมันเติมยานพาหนะในลักษณะของน้ำมันเชื้อเพลิง ถาม : น้ำมันและก๊าซเติมพาหนะค่ารถยนต์ ใช้สิทธิ์ได้หรือไม่ ตอบ : ได้ เนื่องจากปี 2566 ไม่ได้ระบุยกเว้นไว้ ว่าห้ามใช้สิทธิ์ ถาม : ค่าเติมเงิน Easy Pass เช่น เติมเงิน 2,000 บาท ในวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2566 แต่ใช้บริการถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เหลือเงินอยู่ 200 บาท ได้สิทธิหรือไม่ อย่างไร ตอบ : ได้สิทธิจำนวน 1,800 บาท หากพิสูจน์ได้ว่าจ่ายและใช้บริการในช่วงที่กำหนด (1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566) และได้รับใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ถาม : ผ่อนชำระค่าซื้อสินค้ากับร้านค้า เช่น ซื้อสินค้าจำนวน 9,000 บาท ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 แบ่งจ่าย 3 งวด งวดที่ 1 : วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2566 งวดที่ 2 : 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 งวดที่ 3 : 31 มีนาคม พ.ศ. 2566 ได้สิทธิหรือไม่ กี่บาท ตอบ : ได้สิทธิจำนวน 3,000 บาท เนื่องจากซื้อและจ่ายชำระในช่วงเวลาที่กำหนด (1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566) และได้รับใบกำกับภาษี ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ถาม : วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2566 มีการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า จ่ายชำระด้วยบัตรเครดิต และมีการผ่อนชำระ 10 งวดกับบัตรเครดิต สามารถใช้สิทธิได้หรือไม่ ตอบ : ได้ เนื่องจาก เป็นการซื้อและจ่ายชำระในช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนด การผ่อนชำระเป็นการผ่อนกับบัตรเครดิต ถือว่าเป็นการจ่ายชำระทั้งจำนวนให้กับผู้ขาย ถาม : ใบกำกับภาษีที่มีการแก้ไข สามารถใช้สิทธิได้หรือไม่ ตอบ : ได้ หากรายการครบถ้วนตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ถาม : ต่างชาติอยู่ในไทยไม่ถึง 180 วัน มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ใช้สิทธิได้หรือไม่ ตอบ : ได้ ถาม : กรณีการจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าบริการอินเทอร์เน็ตของเดือน มกราคม พ.ศ. 2566 ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 ใช้สิทธิได้หรือไม่ ตอบ : ได้ เนื่องจากเป็นการซื้อสินค้าหรือรับบริการ ซึ่งมีการชำระราคาค่าสินค้าหรือค่าบริการภายในช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนด (1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566) ถาม : กรณีการจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าบริการอินเทอร์เน็ตของเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 จ่ายชำระในช่วงวันที่ 1 มกราคม 2566 – วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 ใช้สิทธิได้หรือไม่ ตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากเนื่องจากเป็นการซื้อสินค้าหรือรับบริการ ไม่อยู่ ช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนด (1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566) ถึงแม้จะมีการชำระเงินภายในกำหนด ก็ไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ ถาม : จ่ายค่าบริการเสริมสวยล่วงหน้า วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2566จำนวน 6,000 บาท ได้รับใบกำกับภาษีแล้วกำหนดเวลาการใช้บริการภายใน 6 เดือน ได้รับสิทธิหรือไม่ ตอบ : ไม่ได้รับสิทธิ หากเป็นกรณีการจ่ายค่าบริการในลักษณะที่ต้องมีการรับบริการต่อเนื่อง และการรับบริการดังกล่าวเสร็จสิ้นเกินกำหนดเวลาตามที่กฎหมายกำหนด (1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566) ถาม : เช่ารถยนต์ได้สิทธิหรือไม่ ตอบ : ได้ หากได้รับบริการและชำระในช่วงเวลาที่กำหนด (1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566) ถาม : จ่ายค่าโบรกเกอร์ ในการซื้อ-ขายหุ้น ที่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม ในวันที่ 15 มกราคม 2566 ใช้สิทธิได้หรือไม่ ตอบ : ได้ เนื่องจากเป็นการจ่ายและใช้บริการในช่วงเวลาที่กำหนด (1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566) ถาม : ค่าบริการซื้อตั๋วเครื่องบินจากตัวแทน ในการเดินทางต่างประเทศใช้สิทธิได้หรือไม่ ตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากต้องเป็นการซื้อสินค้าหรือรับบริการเพื่อใช้ในราชอาณาจักร ถาม : ซื้อรถสามล้อเครื่อง ใช้สิทธิได้หรือไม่ ตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากการจ่ายค่าซื้อรถยนต์เป็นการจ่ายค่าซื้อสินค้าที่ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 368 (พ.ศ. 2563) ถาม : ค่าซื้อรถยนต์ จักรยานยนต์ หมายถึง รถ หรือจักรยานที่มีเครื่องยนต์ทุกประเภทใช่หรือไม่ ตอบ : ใช่ ถาม : ค่าซื้อเรือที่ไม่มีเครื่องยนต์ ใช้สิทธิได้หรือไม่ ตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากไม่รวมถึงการจ่ายค่าซื้อเรือ ถาม : จ่ายค่าซื้อแชมเปญ สามารถใช้สิทธิช้อปดีมีคืนได้หรือไม่ ตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากแชมเปญอยู่ในกลุ่มของ สุรา เบียร์ และไวน์ ถาม : กรณีชาวต่างชาติ มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแต่ยังไม่มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษี หากใบกำกับภาษีระบุเป็นเลขพาสปอร์ต สามารถนำมาใช้สิทธิได้หรือไม่ ตอบ : ได้ หากชาวต่างชาติไม่ใช่ผู้ประกอบการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ถาม : ใบกำกับภาษีสาระสำคัญไม่ครบตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร แต่มีชื่อ-ที่อยู่ผู้ซื้อ ใช้ได้หรือไม่ ตอบ : ไม่ได้ ถาม : ซื้อสินค้า ใบกำกับภาษีลงวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2566 แต่ทำหาย ขอใบแทนใบกำกับภาษี ออกใบแทนฯ วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2566 ใช้สิทธิได้หรือไม่ ตอบ : ได้ เนื่องจากเป็นการซื้อสินค้าในช่วงเวลาที่กำหนด ถาม : ซื้อแพ็คเกจดูคอนเสิร์ตและมีที่พัก โดยมีการแยกรายละเอียดค่าบัตรและค่าที่พักออกจากกัน ระยะเวลาอยู่ในช่วงที่กฎหมายกำหนด สามารถใช้สิทธิได้หรือไม่ อย่างไร ตอบ : ได้สิทธิเฉพาะค่าบัตรคอนเสิร์ต แต่ไม่ได้สิทธิค่าที่พัก ถาม : พาสุนัขไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ ได้รับใบกำกับภาษี ในช่วงที่กฎหมายกำหนด ใช้สิทธิได้หรือไม่ ตอบ : ได้ ถาม : ซื้อโปรแกรม windows ได้รับใบกำกับภาษี ในช่วงที่กฎหมายกำหนด ใช้สิทธิได้หรือไม่ ตอบ : ได้ เนื่องจากเป็นการจ่ายค่าซื้อสินค้า ถาม : ซื้อหนังสือการ์ตูน สามารถใช้สิทธิช้อปดีมีคืนได้หรือไม่ ตอบ : ได้ เนื่องจากหนังสือการ์ตูนถือเป็นหนังสือที่ไม่ใช่หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ถาม : ได้รับใบกำกับภาษีค่าไฟฟ้าตามวันที่ที่ใช้สิทธิได้หากในใบกำกับภาษีระบุชื่อมิเตอร์เป็นนาย ก แต่ชื่อผู้จ่ายเงินเป็นนาย ข ดังนั้น นาย ข สามารถนำมาใช้สิทธิช้อปดีมีคืนได้หรือไม่ ตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากชื่อมิเตอร์ไม่ใช่ชื่อนาย ข แต่หากในใบกำกับภาษีระบุชื่อนาย ข เป็นผู้จ่ายเงินจริงและสามารถพิสูจน์ได้ว่า นาย ข เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าจริง ก็สามารถใช้สิทธิได้ ถาม : ผู้ใช้สิทธิประโยชน์ มาตรการ “ช้อปดีมีคืน ปี 2566” คือใคร ตอบ : บุคคลธรรมดาเท่านั้น ไม่รวมห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ถาม : การให้หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ มีหลักเกณฑ์ เงื่อนไข อย่างไร ตอบ : 1. ซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 - ใบกำกับภาษีแบบกระดาษตามจริงสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท - ใบกำกับภาษีที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) นำมาลดหย่อนได้เพิ่มอีก 10,000 บาท 2. หลักเกณฑ์ 2.1) ค่าสินค้าหรือค่าบริการไม่รวมถึง - เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สุรา เบียร์ ไวน์ - ยาสูบ - รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ - ค่าหนังสือพิมพ์ และนิตยสาร (กระดาษและอิเล็กทรอนิกส์) - ค่าบริการนำเที่ยว มัคคุเทศก์ ค่าที่พักโรงแรม - ค่าสาธารณูปโภค น้ำประปา ไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต และค่าบริการระยะยาวที่เริ่มก่อนวันที่ 1 ม.ค. 66 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 ก.พ. 66 แม้ว่าจะจ่ายค่าบริการระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 66 ถึงวันที่ 15 ก.พ. 66 - ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย 2.2) ผู้มีเงินได้ต้องจ่ายค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รับใบกำกับภาษีเต็มรูปตามมาตรา 86/4 เว้นแต่ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการดังต่อไปนี้จะจ่ายให้แก่ผู้มิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็ได้ 2.2.1) ค่าซื้อหนังสือและค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต 2.2.2) ค่าสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนา ชุมชนแล้ว 2.3) หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ถาม : การซื้อทองรูปพรรณ สามารถนำมาหักลดหย่อนเป็นค่าซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศ ได้หรือไม่ ตอบ : สามารถนำมาหักลดหย่อนเป็นค่าซื้อสินค้าได้ เฉพาะค่ากำเหน็จ (ตามมูลค่าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม) และ ต้องได้รับหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 ถาม : การซื้อทองคำแท่ง สามารถนำมาหักลดหย่อนเป็นค่าซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศ ได้หรือไม่ ตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากทองคำแท่ง เป็นสินค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการไม่มีหน้าที่ออกใบกำกับภาษีอันเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิตามมาตรการได้ ถาม : ค่ารักษาพยาบาล ค่าทำศัลยกรรม สามารถนำมาหักลดหย่อนเป็นค่าซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศได้หรือไม่ ตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากการให้บริการของสถานพยาบาลได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการไม่มีหน้าที่ออกใบกำกับภาษี อันเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิตามมาตรการได้ ถาม : ค่าซื้อแพคเกจทัวร์ท่องเที่ยวในประเทศ สามารถนำมาหักลดหย่อนเป็นค่าซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศได้หรือไม่ ตอบ : ไม่ได้ ถาม : ค่าซื้อประกันชีวิต ประกันวินาศภัย ประกันสุขภาพ ประกันรถยนต์ สามารถนำมาหักลดหย่อนเป็นค่าซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศ ได้หรือไม่ ตอบ : 1) ค่าซื้อประกันชีวิต ไม่สามารถนำมาใช้สิทธิตามมาตรการนี้ได้ เนื่องจากเป็นบริการไม่อยู่บังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ขอให้พิจารณาใช้สิทธิลดหย่อนค่าซื้อเบี้ยประกันชีวิต ตามประมวลรัษฎากร (มาตรา 47 (1)(ง)) และกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 พ.ศ. 2509 ข้อ 2 (61) ไม่เกินจำนวน 100,000 บาท 2) ค่าซื้อประกันวินาศภัย ประกันสุขภาพ และประกันรถยนต์ ไม่สามารถนำมาใช้สิทธิตามมาตรการนี้ได้ ถาม : ค่าซ่อมรถ สามารถนำมาหักลดหย่อนเป็นค่าซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศ ได้หรือไม่ ตอบ : ได้ หากเป็นการซ่อมและจ่ายค่าซ่อมระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ถาม : ค่าซื้อเนื้อวัว หมู ไก่ ปลา สามารถนำมาหักลดหย่อนเป็นค่าซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศ ได้หรือไม่ ตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ถาม : ค่าซื้ออาหารในโรงแรม สามารถนำมาหักลดหย่อนเป็นค่าซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศ ได้หรือไม่ ตอบ : ได้ หากโรงแรมสามารถออกใบกำกับภาษีของค่าซื้ออาหารได้ ถาม : ค่าซื้อบัตรเพื่อแลกรับบริการ สามารถนำมาหักลดหย่อนเป็นค่าซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศได้หรือไม่ ตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากการขายบัตรเพื่อแลกรับบริการ ไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ขายบัตรเพื่อแลกรับบริการไม่มีหน้าที่ออกใบกำกับภาษี อันเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิตามมาตรการได้ แต่หากนำบัตรเพื่อแลกรับบริการ ไปแลกรับบริการในช่วงวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งสามารถคำนวณเป็นจำนวนเงินและออกใบกำกับภาษีได้ สามารถนำใบกำกับภาษีมาใช้เป็นหลักฐานในการรับสิทธิตามมาตรการนี้ได้ ถาม : ค่าซื้อบัตรของขวัญของห้างสรรพสินค้า (Gift voucher) ค่าซื้อบัตรของขวัญ (Voucher) สำหรับค่าซื้ออาหารของโรงแรม บัตรเติมเงินค่าโทรศัพท์ สามารถนำมาหักลดหย่อนเป็นค่าซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศ ได้หรือไม่ ตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากการขายบัตรของขวัญ/บัตรเติมเงิน ไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ขายบัตรของขวัญ/เติมเงิน ไม่มีหน้าที่ออกใบกำกับภาษี อันเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิตามมาตรการได้ แต่หากนำบัตรของขวัญ/บัตรเติมเงิน ไปแลกซื้อสินค้าหรือบริการ ในช่วงวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งสามารถคำนวณเป็นจำนวนเงิน และออกใบกำกับภาษีได้ สามารถนำใบกำกับภาษีมาใช้เป็นหลักฐานในการรับสิทธิตามมาตรการนี้ได้
ถาม : กรณีชำระค่าบริการระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 แต่ได้ใช้บริการหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้หรือไม่ ตอบ : ไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากต้องชำระค่าบริการและใช้บริการในช่วงวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เท่านั้น
ถาม : กรณีมีสัญญาใช้บริการระยะยาว ที่มีระยะเวลาสัญญาเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2566 หรือมีระยะสิ้นสุดหลัง 15 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมีส่วนที่ชำระและใช้บริการภายในวันวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2566 สามารถนำค่าบริการเฉพาะส่วนที่ใช้บริการในช่วงเวลาดังกล่าวมาใช้สิทธิหักลดหย่อนตามมาตรการนี้ ได้หรือไม่ ตอบ : ไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากเป็นค่าบริการสำหรับบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการระยะยาว ซึ่งเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2566 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ถาม : กรณีจ่ายค่าที่พักโรงแรม หรือจ่ายค่าบริการนำเที่ยว ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 สามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนตามมาตรการนี้ ได้หรือไม่ ตอบ : ไม่สามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนตามมาตรการนี้ได้ เนื่องจากการจ่ายค่าบริการนั้น ไม่รวมถึงการจ่ายค่าที่พักโรงแรม และค่าบริการนำเที่ยว ถาม : ต้องใช้หลักฐานใด ในการใช้สิทธิหักลดหย่อน ตอบ : หลักฐานที่ใช้ คือ ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ตามมาตรา 86/4 (ใบกำกับภาษีที่มีข้อความระบุชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ) เว้นแต่สินค้าหรือบริการดังต่อไปนี้ ที่ซื้อมาจากผู้ประกอบการที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ต้องมีหลักฐานใบรับ ซึ่งมีรายการอย่างน้อยตามมาตรา 105 ทวิ พร้อมระบุชื่อ และนามสกุลของผู้มีเงินได้ 1) หนังสือ 2) บริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (e-Book) 3) สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว 4) E-Tax Invoice ถาม : ผู้ซื้อมีที่อยู่ตามบัตรประชาชนกับที่อยู่ในแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแตกต่างกันให้ใช้ที่อยู่ใด ตอบ : เลือกใช้ที่อยู่ตามบัตรประชาชนหรือที่อยู่ปัจจุบันก็ได้ ถาม : ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 ที่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานในการหักลดหย่อน หมายถึงอะไร ตอบ : ใบกำกับภาษีที่มีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ (1) คำว่า "ใบกำกับภาษี" ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด (2) ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษี (3) ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ (4) หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษี และหมายเลขลำดับของเล่ม (ถ้ามี) (5) ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ (6) จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ โดยให้แยกออกจากมูลค่าของสินค้าและหรือของบริการให้ชัดแจ้ง (7) วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี (8) ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด เช่น คำว่าเอกสารออกเป็นชุด สำเนาใบกำกับภาษี ฯลฯ ถาม : กรณีซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการหลายครั้ง (มีใบกำกับภาษีหลายใบ) ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 จะสามารถนำมูลค่าการซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการแต่ละครั้งมารวมกันเพื่อใช้สิทธิได้หรือไม่ ตอบ : การซื้อสินค้าหรือค่าบริการในแต่ละครั้งหาก มีมูลค่าไม่ถึง 30,000 บาท (แบบกระดาษและแบบอิเล็กทรอนิกส์) และอีก 10,000 บาท (แบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น) รวมเป็น 40,000 บาท สามารถนำการซื้อหลายครั้งมารวมกันได้ แต่ - ช้อปแรก ใช้สิทธิได้ไม่เกิน 30,000 บาท ใบกำกับภาษีแบบกระดาษและแบบอิเล็กทรอนิกส์ - ช้อปอีก ใช้สิทธิได้ไม่เกิน 10,000 บาท ใบกำกับภาษีที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) เท่านั้น ถาม : กรณีซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการครั้งเดียว (มีใบกำกับภาษี 1 ใบ) ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมูลค่าการซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการนั้นสูงกว่า 30,000 บาท สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานในการรับสิทธิได้หรือไม่ ตอบ : สามารถใช้สิทธิตามมาตรการนี้ได้ เฉพาะมูลค่าสินค้าและบริการส่วนที่ไม่เกิน 30,000 บาท กรณีใบกำกับเป็นแบบกระดาษ แต่หากเป็นใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ใช้ได้ไม่เกิน 40,000 บาท ถาม : ใบกำกับภาษีมีชื่อผู้ซื้อสินค้าหลายคน สามารถนำรายจ่ายดังกล่าวไปหักลดหย่อนเป็นค่าซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศ ได้หรือไม่ ตอบ : ไม่ได้ ใบกำกับภาษีต้องมีชื่อผู้ซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการเพียงคนเดียว ถาม : กรณีใบกำกับภาษีมีทั้งรายการสินค้าและบริการ ที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มและไม่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มจะหักลดหย่อนอย่างไร ตอบ : สามารถนำมาหักลดหย่อนได้เฉพาะค่าสินค้าและค่าบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เว้นแต่สินค้าหรือบริการดังต่อไปนี้ ที่จะสามารถนำมาหักลดหย่อนตามมาตรการนี้ได้ แม้จะจ่ายให้แก่ผู้มิใช่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม 1) หนังสือ และบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต 2) สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว ถาม : สามีมีเงินได้ 500,000 บาท ภริยามีเงินได้ 20,000 บาท ภริยายื่นแบบรวมคำนวณกับสามี ถ้าภริยามีใบกำกับภาษีมูลค่า 30,000 บาท สามารถใช้สิทธิได้ 30,000 หรือไม่ ตอบ : นำมาใช้สิทธิได้ไม่เกินเงินได้พึงประเมินของภริยา คือ 20,000 บาท ถาม : สามารถขอคืนภาษีตามมาตรการช้อปดีมีคืน ปี 2566 กับร้านค้าผู้ออกใบกำกับภาษีได้เลยใช่หรือไม่ ตอบ : ไม่ใช่ ผู้มีเงินได้ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91 ปีภาษี 2566 กรอกรายได้ ค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อนและคำนวณภาษีผ่านระบบe-Filing หรือยื่นแบบฯ ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา
ถาม : ค่าสปา คาราโอเกะ อาบอบนวด สามารถนำมาหักลดหย่อนเป็นค่าซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศ ได้หรือไม่ ตอบ : สามารถนำมาหักลดหย่อนเป็นค่าบริการในประเทศได้ และต้องได้รับหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 จากผู้ประกอบการจดทะเบียน ถาม : การซื้อยารักษาโรค อาหารเสริม สามารถใช้ลดหย่อนมาตรการช้อปดีมีคืน ปี 2566 ได้หรือไม่ ตอบ : สามารถนำมาหักลดหย่อนเป็นค่าซื้อสินค้าได้ และต้องได้รับหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 จากผู้ประกอบการจดทะเบียน ถาม : การซื้ออุปกรณ์ไอที เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน สามารถใช้ลดหย่อนมาตรการช้อปดีมีคืน ปี 2566 ได้หรือไม่ ตอบ : สามารถนำมาหักลดหย่อนเป็นค่าซื้อสินค้าได้ และต้องได้รับหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 จากผู้ประกอบการจดทะเบียน ถาม : การซื้อของออนไลน์ เช่น Shopee Lazada หรือร้านค้าออนไลน์ สามารถใช้ลดหย่อนมาตรการช้อปดีมีคืนปี 2566 ได้หรือไม่ ตอบ : สามารถนำมาหักลดหย่อนเป็นค่าซื้อสินค้าได้ และต้องได้รับหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 จากผู้ประกอบการจดทะเบียน ถาม : การขอคืนภาษีตามมาตรการช้อปดีมีคืน ปี 2566 จะได้รับเงินคืนภาษีจำนวน 30,000 บาท ใช่หรือไม่ ตอบ : ไม่ใช่ การได้รับเงินคืนภาษีขึ้นอยู่กับจำนวนเงินได้ การคำนวณภาษี และอัตราภาษีของแต่ละคน ถาม : การใช้สิทธิลดหย่อนตามมาตรการช้อปดีมีคืน ปี 2566 จำนวน 30,000 บาท คือ ยอดรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วใช่หรือไม่ ตอบ : ใช่ ถาม : ค่าซื้อชุดตรวจ ATK สามารถใช้ลดหย่อนมาตรการช้อปดีมีคืน ปี 2566 ได้หรือไม่ ตอบ : สามารถนำมาหักลดหย่อนเป็นค่าซื้อสินค้าได้ และต้องได้รับหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 จากผู้ประกอบการจดทะเบียน ถาม : การชำระค่าบริการชาร์ตไฟของรถยนต์ไฟฟ้าผ่านจุดบริการเครื่องชาร์ตรถไฟฟ้า สามารถใช้ลดหย่อนมาตรการช้อปดีมีคืน ปี 2566ได้หรือไม่ ตอบ : สามารถใช้ลดหย่อนได้ หากค่าบริการชาร์ตไฟของรถยนต์ไฟฟ้ามีภาษีมูลค่าเพิ่ม กระทำในช่วงวันที่ 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2566 และได้รับหลักฐานใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 จากผู้ประกอบการจดทะเบียน หมายเหตุ: TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง |
หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง |