Case study

นิติบุคคลไทยซื้อโปรแกรมจากประเทศสหรัฐอเมริกา


เรื่อง นิติบุคคลไทยซื้อโปรแกรมจากประเทศสหรัฐอเมริกา
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 05/11/2023
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย มาตรา 83/6 มาตรา 70 อนุสัญญาภาษีซ้อนไทย-อเมริกา
คำถาม

นิติบุคคลจดทะเบียนในไทย ซื้อโปรแกรมจากประเทศสหรัฐอเมริกา อยากทราบว่ามีภาษีอะไรเกี่ยวข้องบ้างคะ 

- ต้องนำส่ง ภ.พ.36 หรือไม่

- ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายหรือไม่  

- หากต้องมีภาษีหัก ณ ที่จ่าย ต้องนำส่งในอัตรากี่เปอร์เซ็นต์  เเละต้องออกเอกสารอะไรให้ผู้จำหน่ายโปรแกรมคะ


คำตอบ


ภาษีมูลค่าเพิ่ม


Software เข้าลักษณะบริการ เมื่อ software  นัันนำมาใช้กับลูกค้าในประเทศไทย จึงถือเป็นค่าบริการที่นำผลของบริการนั้นมาใช้ในประเทศไทย  

เมื่อบริษัทจ่ายเงินชำระค่า Software จึงมีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/6(2) ด้วยเบบ ภ.พ.36



มาตรา 83/6   เมื่อมีการชำระราคาสินค้าหรือ ราคาค่าบริการให้กับผู้ประกอบการดังต่อไปนี้ ให้ผู้จ่ายเงินค่าซื้อสินค้า หรือค่าบริการมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลเพิ่มที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่เสียภาษี
(1) ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรซึ่งได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้า หรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราวตามมาตรา 85/3
  “(2) ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรทั้งนี้ เฉพาะ
  
       (ก) ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน
         (ข) ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการอื่นนอกจากบริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ทุกราย”



ภาษีหัก ณ ที่จ่าย


สำหรับSoftware โดยปกติจะแบ่ง 2 แบบ คือ มีการ  ไม่ได้ส่งมอบ Source code  หรือ  ส่งมอบ Source code 

แบบที่ 1.กรณีที่บริษัทจ่ายค่าการใช้ software ไม่ได้ส่งมอบ Source codeถือเป็นการจ่ายค่าสิทธิ์ (สิทธิ์ในการใช้โปรแกรม) เงินได้พึงประเมิน 40(3) ต้อง หัก ณ ที่จ่าย 5 % ตาม มาตรา 70 ประกอบกับ อนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างไทย กับ อเมริกา ข้อ 12 วรรค 2 (ก) 


มาตรา70 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ มิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา40 (2)(3) (4) (5) หรือ (6) ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทยให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเสียภาษี โดยให้ผู้จ่ายหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามอัตราภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแล้วนำส่งอำเภอท้องที่พร้อมกับยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในเจ็ดวันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมินนั้น ทั้งนี้ ให้นำมาตรา 54 มาใช้บังคับโดยอนุโลม


บัญชีอัตราภาษีเงินได้

" (2) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล

   "(ข) ภาษีตามมาตรา 70 นอกจากที่ระบุใน (ค)                    ร้อยละ 15




 

https://www.rd.go.th/2662.html#article12

อนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา
  เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้

ข้อ 12  ค่าสิทธิ

 1.   ค่าสิทธิที่เกิดขึ้นในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง (ไทย) และจ่ายให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง(อเมริกา)  อาจเก็บภาษีได้ในอีกรัฐหนึ่งนั้น(อเมริกา) 

 2.    อย่างไรก็ตาม ค่าสิทธิเช่นว่านั้น อาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญา (ไทย) ซึ่งค่าสิทธินั้น เกิดขึ้นและตามกฎหมายของรัฐนั้น (ไทย) แต่ถ้าเจ้าของผลประโยชน์ของค่าสิทธินั้นเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง(อเมริกา)   ภาษีที่เรียกเก็บจะต้องไม่เกิน

(ก)ร้อยละ 5 ของจำนวนค่าสิทธิทั้งสิ้น ตามที่ได้ระบุในอนุวรรค (ก) ของวรรค 3

(ข)ร้อยละ 8 ของจำนวนค่าสิทธิทั้งสิ้น ตามที่ได้ระบุในอนุวรรค (ข) ของวรรค 3

(ค)ร้อยละ 15 ของจำนวนค่าสิทธิทั้งสิ้น ตามที่ได้ระบุในอนุวรรค (ค) ของวรรค 3 และ)


 
3. คำว่า "ค่าสิทธิ" ที่ใช้ในข้อนี้หมายถึง การจ่ายไม่ว่าชนิดใด ๆ ที่ได้รับเป็นค่าตอบแทนเพื่อ

                 (ก)การใช้หรือสิทธิในการใช้ลิขสิทธิ์ใดๆ ในงานวรรณกรรม ศิลปะ หรือ วิทยาศาสตร์ รวมทั้งซอฟแวร์และ ฟิล์มภาพยนตร์ และงานฟิล์ม เทป หรือการกระทำ อื่นๆ เพื่อถอดแบบสำหรับการใช้ที่เกี่ยวข้องกับการกระจาย เสียงของวิทยุหรือโทรทัศน์

                 (ข)เพื่อการใช้หรือสิทธิในการใช้อุปกรณ์ทางอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือวิทยาศาสตร์ หรือ

                 (ค)เพื่อการใช้หรือสิทธิในการใช้ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า แบบหรือหุ่นจำลอง แผนผังสูตรลับหรือกรรมวิธีลับใด ๆ หรือเพื่อข้อสนเทศเกี่ยวกับประสบการณ์ทางอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือทางวิทยาศาสตร์คำว่า "ค่าสิทธิ" จะรวมถึงผลได้ที่ได้รับจากการจำหน่ายสิทธิหรือทรัพย์สินใด ๆ  ที่อาจเกิดขึ้นกับการผลิต การใช้ หรือการมอบให้ดังกล่าว



แบบที่ 2.แต่ถ้า บริษัทจ้างเขียนโปรแกรม  มีการ ส่งมอบ Source code กรณีนี้เป็นค่าจ้างทำของ   เงินได้พึงประเมิน 40(8)

  1. ผู้รับจ้างคือ นิติบุคคล  >> ถือเป็นกำไรจากธุรกิจ ถ้าบริษัทที่เขียนโปรแกรมให้ไม่มีสถานประกอบการ P/E ในไทย (จะถือว่ามี P/Eในไทยก็ต้อเมื่อมีการเข้ามาเขียนโปรแกรมในไทยเกินกว่า 90 วัน)>> บริษัทผู้จ่ายเงินไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายค่ะ
  2. ผู้รับจ้างคือ บุคคลธรรมดา  >> ถือเป็นแหล่งเงินได้ต่างประเทศ ถ้าบุคคลนั้นไม่ได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย(อยู่ในไทยไม่ถึง180 วัน) และ ไม่ได้นำเงินได้นั้นเข้ามาในประเทศไทย   >> บริษัทผู้จ่ายเงินไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายค่ะ

https://www.rd.go.th/2664.html#article5

อนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา
  เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้

ข้อ 5  สถานประกอบการถาวร

 1.    เพื่อความมุ่งประสงค์ของอนุสัญญานี้ คำว่า "สถานประกอบการถาวร" หมายถึง สถานธุรกิจประจำซึ่งวิสาหกิจใช้ประกอบธุรกิจทั้งหมดหรือแต่บางส่วน

 2...

 3.    คำว่า "สถานประกอบการถาวร" รวมถึง

                  (ก)     ที่ตั้งอาคาร โครงการก่อสร้าง โครงการประกอบหรือโครงการติดตั้งหรือกิจกรรมตรวจควบคุมเกี่ยวกับโครงการนั้น หรือการติดตั้งเรือหรือแท่นขุดเจาะที่ใช้ในการสำรวจหรือนั้นดำเนินกิจกรรมระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะเวลารวมกันแล้วเกินกว่า 120 วัน ภายในระยะเวลา 12 เดือนใด ๆ และ


                 (ข)    การให้การบริการ รวมทั้งบริการให้คำปรึกษาโดยวิสาหกิจผ่านทาง ลูกจ้างหรือบุคลากรอื่นที่จัดหาโดยวิสาหกิจเพื่อความมุ่งประสงค์เช่นว่านั้นถ้า เพียงแต่

    (1)    กิจกรรมในลักษณะนั้นได้ดำเนินติดต่อกัน (สำหรับโครงการเดียวกันหรือโครงการที่เกี่ยวเนื่อง) ภายในรัฐนั้น (ไทย)เป็นระยะเวลาเดียวหรือหลายระยะเวลารวมกันเกินกว่า 90 วัน ในระยะเวลาสิบสองเดือนใด ๆ โดยมีเงื่อนไขว่า สถานประกอบการถาวรนั้นจะต้องไม่ดำรงอยู่ในปีภาษีใด ๆ ของการให้บริการนั้นเป็นระยะเวลาเดียวหรือหลายระยะเวลารวมกันน้อยกว่า 30 วัน ในปีภาษีนั้น หรือ

       (2)    การบริการได้กระทำในรัฐนั้นสำหรับวิสาหกิจที่เกี่ยวเนื่องกันภายใต้ความหมายของวรรค 1 ของข้อ 9




เลขที่หนังสือ

: กค 0706/10491

วันที่

: 17 ตุลาคม 2550

เรื่อง

: ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการจ่ายเงินไปต่างประเทศ

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 77/2 มาตรา 85/6(2) มาตรา 41 มาตรา 80/1(2) มาตรา 70 มาตรา 80 มาตรา 40(8) มาตรา 40(2) และมาตรา 50(1) แห่งประมวลรัษฎากร

ข้อหารือ

          1. บริษัท ด. ประกอบกิจการเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เมื่อลูกค้าของบริษัทฯ ได้ว่าจ้างบริษัทฯ ทำกราฟฟิกดีไซน์ พัฒนาโปรแกรมซอฟท์แวร์ ทำการตกลงเกี่ยวกับการบริการและขอบเขตการดำเนินงานตลอดจนราคาแล้ว บริษัทฯ จะติดต่อผู้รับจ้างซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลในประเทศอินเดียให้ดำเนินการอีกทอดหนึ่ง หลังจากที่ผู้รับจ้างทำงานเสร็จและส่งมอบงานแล้ว บริษัทฯ จะส่งมอบงานให้ลูกค้าและเรียกเก็บเงินต่อไปโดยผู้รับจ้างไม่มีลิขสิทธิ์ในงานที่ทำ(แสดงว่าส่งมอบ Source code)จึงขอทราบว่า


                1.1 การจ่ายเงินค่าจ้างให้กับผู้รับจ้างซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลในประเทศอินเดียนั้นจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่


                1.2 กรณีบริษัทฯส่งงานดังกล่าวให้กับลูกค้าในต่างประเทศโดยลูกค้าจะได้รับลิขสิทธิ์เต็มตลอดจน ซอร์สโคด (Source Code)ในโปรแกรมดังกล่าว ค่าบริการที่บริษัทฯ ได้รับจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่


            2. การชำระค่าโฆษณาและการรับชำระค่าโฆษณา กรณีลูกค้าอยู่ประเทศไอร์แลนด์


                2.1 ในทุก ๆ เดือน บริษัทฯ จะชำระค่าโฆษณาใน Search engine ให้กับ บริษัท G. ในประเทศไอร์แลนด์ บริษัทฯ จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่


                2.2 บริษัทฯ ได้ให้ G. ใช้พื้นที่ Website บางส่วนของบริษัทฯ ในการโฆษณา จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่


            3. บริษัทฯ ได้ซื้อ License Keys และ Support Contracts จากบริษัท ล. โดยบริษัทฯ จะไม่ได้รับลิขสิทธิ์ใน โปรแกรมนี้ นอกจากการมีสิทธิในการขายให้กับลูกค้าเท่านั้น กรณีของSupport Contracts นั้น ในปีแรกไม่มีค่าบริการ ในปีถัดไปหากลูกค้าไม่ซื้อ Support Contracts ลูกค้าจะไม่ได้รับบริการใด ๆ เช่น ไม่มีสิทธิในการอัพเกรดโปรแกรม แต่ลูกค้ายังคงใช้โปรแกรมเก่าที่มีอยู่ต่อไปได้ การจ่ายค่า License Keys ให้กับบริษัท ล. จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย และเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ ส่วนค่าบริการ Support Contracts นั้น บริษัท ล. ตกลงให้บริษัทฯ หักภาษี ณ ที่จ่ายจากใบแจ้งหนี้ก่อนที่บริษัทฯ จะชำระเงิน จึงขอทราบอัตราการหักภาษี ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่มตลอดจนวิธีคำนวณภาษี


            4. บริษัทฯ เช่าเครื่องเครือข่ายเว็บ (Web Server) จากบริษัท ร. ประเทศอเมริกาและในบางกรณีลูกค้าต้องการเอกสารที่ยืนยันการใช้เครือข่ายนี้ จึงจำเป็นต้องซื้อ SSL Certificates ด้วยเพื่อนำมาจำหน่ายให้กับลูกค้าของบริษัทฯ ที่ต้องการ (SSL Certificates มีอายุ 1 ปี) จึงขอทราบว่า จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ อัตราใด


            5. บริษัทฯ ได้วางเงินล่วงหน้าไว้จำนวนหนึ่งให้แก่ T ประเทศแคนาดา เพื่อชำระค่าโดเมน บริษัทฯ จะติดต่อขอซื้อไปยัง T โดย T จะหักเงินที่บริษัทฯ ได้วางไว้ล่วงหน้านั้นตามจำนวนที่ลูกค้าซื้อ (โดเมนจะต้องต่ออายุทุกปี) จึงขอทราบว่า อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่มในการซื้อโดเมน


            6. บริษัทฯ ได้จ่ายเงินค่าบริการให้กับบุคคลหรือนิติบุคคลในฮ่องกงสำหรับการจัดการวางแผนทางการตลาดจัดการในการขายสินค้า หรือบริการที่บริษัทฯ ได้โฆษณาในเว็บไซต์ จึงขอทราบอัตราภาษีหัก ณที่จ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่ม


            7. บริษัทฯ จ้างคนไทยและหรือคนต่างชาติทำงานโดยงานที่ทำและการจ่ายเงินจะมีลักษณะเป็นเรื่อง ๆ ไป ประเภทของงานจะเปลี่ยนแปลงไปไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับงานในช่วงนั้น ๆ ไม่มีกฎระเบียบเวลาทำงาน หรือรูปแบบในการทำงานและบริษัทฯ จ่ายเงินให้แก่คนไทยและหรือคนต่างชาติเป็นค่านายหน้าจากการขาย จึงขอทราบว่า จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราใด

แนววินิจฉัย

1. กรณีตาม 1. มีภาระภาษีหัก ณ ที่จ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่มดังนี้


                1.1 ลูกค้าของบริษัทฯ ได้ว่าจ้างให้บริษัทฯ ทำกราฟฟิกดีไซน์ หมายถึงการออกแบบรูปภาพด้วยการใช้โปรแกรมทางด้านกราฟฟิก และพัฒนาโปรแกรมซอฟท์แวร์ หมายถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ บริษัทฯ จะติดต่อบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในประเทศอินเดียให้ดำเนินการอีกทอดหนึ่งเมื่อทำงานเสร็จและส่งให้บริษัทฯ ก็จะส่งงานให้กับลูกค้าโดยที่ผู้รับจ้างไม่มีสิทธิในงานที่ทำกรณีดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการให้บริการรับจ้างทำของ ถือเป็นการให้บริการที่ทำในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรจึงอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้จ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้รับจ้างทำของมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่ต้องเสียภาษี ทั้งนี้ ตามมาตรา 77/2 และมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร


                1.2 กรณีบริษัทฯ ว่าจ้างนิติบุคคลในประเทศอินเดียให้ทำกราฟฟิกดีไซน์ และพัฒนาโปรแกรมซอฟท์แวร์การจ่ายค่าตอบแทนในการให้บริการดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นกำไรจากธุรกิจหากนิติบุคคลนั้นไม่มีสถานจัดการ สาขา สำนักงานในประเทศไทยก็ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทยจากค่าตอบแทนที่ได้รับ


            ทั้งนี้ ตามข้อ 7 วรรคหนึ่ง แห่งอนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดียฯ และมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 18) พ.ศ.2505 
บริษัทฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและนำส่งกรมสรรพากรแต่อย่างใด

ส่วนกรณีที่บริษัทฯ ว่าจ้างบุคคลธรรมดาค่าตอบแทนในการให้บริการดังกล่าวไม่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมิน เนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในประเทศไทยหรือเนื่องจากกิจการของนายจ้างในประเทศไทย ตามมาตรา 41 วรรคแรก แห่งประมวลรัษฎากร เพราะสัญญารับทำงานให้ของบุคคลธรรมดาชาวต่างประเทศมิใช่สัญญา จ้างแรงงานซึ่งมีความสัมพันธ์ระหว่างกันในฐานะนายจ้างและลูกจ้าง แต่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินเนื่องจากหน้าที่งานที่ทำในต่างประเทศ หากปรากฏข้อเท็จจริงว่า บุคคลธรรมดาชาวต่างประเทศ ได้พำนักอยู่ในประเทศอินเดีย มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทยในปีภาษีที่ได้รับเงินได้พึงประเมินบุคคลธรรมดาชาวต่างประเทศ จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสีย ภาษีเงินได้จากเงินได้พึงประเมินดังกล่าวในประเทศไทยแต่อย่างใดทั้งนี้ ตามมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินดังกล่าวจึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและไม่มีประเด็นพิจารณาว่า เป็นผู้อยู่ในประเทศซึ่งลงนามอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้ำซ้อนกับประเทศไทยหรือไม่แต่อย่างใด


                1.3 กรณีลูกค้าในต่างประเทศจ้างบริษัทฯ ให้ทำกราฟฟิกดีไซน์ และพัฒนาโปรแกรมซอฟท์แวร์ ซึ่งบริษัทฯ ได้ติดต่อบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในประเทศอินเดียให้ดำเนินการอีกทอดหนึ่ง เมื่อทำงานเสร็จและ ส่งให้บริษัทฯ ก็จะส่งงานให้กับลูกค้าในต่างประเทศโดยลูกค้าจะได้รับลิขสิทธิ์เต็มตลอดจนซอร์สโคด ในโปรแกรมดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นการรับจ้างทำของให้กับผู้ประกอบการในต่างประเทศ โดยบริษัทฯ กระทำกิจการอันเป็นสาระสำคัญของการรับจ้างทำของในประเทศไทย และได้ส่งผลของการให้บริการรับจ้างทำของไปใช้ในต่างประเทศทั้งหมด หากการรับจ้างดังกล่าวมีหลักฐานเป็นหนังสือ บริษัทฯ จะได้รับสิทธิในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1(2) แห่งประมวลรัษฎากรประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 105)ฯ ลงวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2543


            2. กรณีตาม 2. การชำระค่าโฆษณาและรับชำระค่าโฆษณา มีภาระภาษีหัก ณ ที่จ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่มดังนี้


                2.1 กรณีตามข้อ 2.1 บริษัทฯ จ่ายค่าโฆษณาใน Search engine ซึ่งเป็นเครื่องมือในการสืบค้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ตให้กับ G. ในประเทศไอร์แลนด์ เป็นกรณีที่ G. ลงโฆษณาให้กับบริษัทฯ ใน Search engine ซึ่งเป็นการให้บริการในต่างประเทศค่าตอบแทนกรณีการให้บริการดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใดไม่ว่าผู้ให้บริการในต่างประเทศจะอยู่ในประเทศที่มีข้อตกลงว่าด้วยการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับประเทศไทยหรือไม่ และหากการลงโฆษณาดังกล่าวบริษัทฯ ได้นำผลจากการโฆษณามาใช้ย่อมเข้าลักษณะเป็นการให้บริการที่ทำในต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร จึงอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้จ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้ให้บริการมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่ต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 7.0 ทั้งนี้ ตามมาตรา 77/2 และมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร


                2.2 กรณีตามข้อ 2.2 กรณีบริษัทฯ ให้ G. ใช้พื้นที่ Website บางส่วนของบริษัทฯ เพื่อโฆษณาตามข้อเท็จจริงเข้าลักษณะเป็นการให้บริการอันถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด และกรณีการใช้พื้นที่ Website บางส่วนของบริษัทฯ เพื่อโฆษณา ซึ่งลูกค้าในประเทศไทยอาจใช้บริการเปิดข้อมูลเว็บไซต์จากการโฆษณานั้นได้จึงไม่เข้าลักษณะเป็นการให้บริการในราชอาณาจักรแก่ผู้รับบริการในต่างประเทศ และได้ส่งผลของการให้บริการนั้นไปใช้ในต่างประเทศทั้งหมดแต่ถือเป็นการให้บริการที่กระทำในราชอาณาจักร ซึ่งอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2(1) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 105)ฯ ลงวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2543


            3. กรณีตาม 3. บริษัทฯ จ่ายค่า License Keys ซึ่งเป็นตัวเลขลิขสิทธิ์ของซอฟท์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ใช้สำหรับแพคเกจ ซอฟท์แวร์ "Info At Hand" ให้กับบริษัท ล. จากประเทศแคนาดาโดยที่บริษัทฯ จะไม่ได้รับลิขสิทธิ์ใน โปรแกรมนี้นอกจากการมีสิทธิในการขายให้กับลูกค้าเท่านั้นเป็นการได้สิทธิในการใช้โปรแกรมจากบริษัท ล. เพื่อนำมาหาประโยชน์กับลูกค้าของบริษัทฯ เข้าลักษณะเป็นค่าสิทธิตามมาตรา 40(3) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีหน้าที่หักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้ที่จ่ายให้แก่ บริษัท ล. ตาม มาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 12 ของอนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับประเทศแคนาดาฯ และการจ่ายค่าตอบแทนให้กับบริษัท ล. เข้าลักษณะเป็นการจ่ายค่าบริการให้กับผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร


            กรณีการให้บริการ Support Contracts หมายถึงสัญญาการให้การสนับสนุนทางด้านเทคนิค เช่น การอัพเกรดโปรแกรม หากลูกค้าไม่ซื้อบริการดังกล่าวก็ยังสามารถใช้โปรแกรมเก่าต่อไปได้ การจ่ายค่าตอบแทนให้กับบริษัท ล.ในการให้บริการดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นกำไรจากธุรกิจ หากบริษัท ล.ไม่มีสถานจัดการ สาขา สำนักงานในประเทศไทย จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทยจากค่าตอบแทนที่ได้รับตาม มาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 7 แห่งอนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับประเทศแคนาดาฯ ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505 และกรณีการให้บริการดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นการให้บริการในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรจึงอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ผู้จ่ายค่าตอบแทนมีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ตามมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร


            4. กรณีตาม 4. บริษัทฯ เช่าเครื่องเครือข่ายเว็บ (Web Server) ซึ่งใช้เก็บเว็บไซด์และซื้อ SSL Certificates ซึ่งเป็นไฟล์พิเศษที่ติดตั้งไว้ในเครื่องเครือข่ายในการช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบได้ว่ากำลังเชื่อมต่ออยู่กับ เครื่องเครือข่ายที่ถูกต้อง จากบริษัท ร. ประเทศสหรัฐอเมริกา อันมีลักษณะการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการ ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และมีการลงทุนค่อนข้างสูง เมื่อบริษัทฯ ชำระค่าตอบแทนดังกล่าวให้กับบริษัท ร. จึงเข้าลักษณะเป็นการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ผู้จ่ายเงินได้ไม่มีหน้าที่หักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร และการให้บริการดังกล่าวมี ลักษณะเป็นการให้บริการซึ่งผู้ประกอบการได้ให้บริการในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรเมื่อบริษัทฯ ชำระค่าบริการไปต่างประเทศ บริษัทฯ มีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ที่ผู้ประกอบการต่างประเทศมีหน้าที่ต้องเสียตามมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร


            5. กรณีตาม 5. บริษัทฯ ซื้อโดเมน ซึ่งใช้ระบุเป็นชื่อของเว็บไซด์หนึ่งๆ และไม่สามารถใช้ซ้ำกันได้ จาก T ประเทศแคนาดา การให้บริการดังกล่าวมีลักษณะเป็นการให้บริการซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และมีการลงทุนค่อนข้างสูง เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อบริษัทฯ ชำระค่าตอบแทนให้กับ T จึงไม่มีหน้าที่หักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด และการให้บริการดังกล่าวมีลักษณะเป็นการบริการซึ่งผู้ประกอบการได้ให้บริการในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร เมื่อบริษัทฯ ชำระค่าบริการไปต่างประเทศ บริษัทฯ มีหน้าที่นำส่งภาษี มูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ที่ผู้ประกอบการต่างประเทศมีหน้าที่ต้องเสีย ตามมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร


            6. กรณีตาม 6. บริษัทฯ จ่ายเงินค่าจัดการวางแผนทางการตลาด จัดการในการขายสินค้าหรือบริการที่โฆษณาในเว็บไซต์ ให้กับบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงฯ หากการให้บริการดังกล่าวไม่มีการให้ข้อมูลใดๆ ที่เป็นการให้เทคโนโลยีหรือข้อสนเทศเกี่ยวกับประสบการณ์ทางพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรม หรือทางวิทยาศาสตร์ เข้าลักษณะเป็นกำไรจากธุรกิจ ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ ชำระค่าบริการให้กับนิติบุคคลในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงฯ ซึ่งไม่มีสถานประกอบการถาวรในประเทศไทยจึงไม่มีหน้าที่หักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่าย ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 7 แห่งความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยง รัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ และมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505 แต่การชำระค่าบริการในกรณีดังกล่าวเป็นการจ่ายค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการในต่างประเทศ และ ได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร บริษัทฯ จึงมีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ตามมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร


            สำหรับการชำระค่าบริการให้กับบุคคลธรรมดา ค่าตอบแทนในการให้บริการดังกล่าวไม่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินเนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในประเทศไทยหรือเนื่องจากกิจการของนายจ้างในประเทศไทย ตามมาตรา 41 วรรคแรก แห่งประมวลรัษฎากรแต่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินเนื่องจากหน้าที่งานที่ทำในต่างประเทศ หากปรากฏข้อเท็จจริงว่า บุคคลธรรมดาชาวต่างประเทศซึ่งพำนักอยู่ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงฯ มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทยในปีภาษีที่ได้รับเงินได้พึงประเมินบุคคลธรรมดาชาวต่างประเทศดังกล่าว จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้จากเงินได้พึงประเมินดังกล่าวในประเทศไทยแต่อย่างใด ตามมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินดังกล่าวจึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย


            7. กรณีตาม 7. กรณีบริษัทฯ จ้างคนไทยและหรือคนต่างชาติให้ทำงานโดยงานที่ทำและการจ่ายเงินจะมีลักษณะเป็นรายๆ ไปรวมทั้งประเภทของงานจะเปลี่ยนแปลงไปไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับงานในช่วงนั้นๆ ไม่มีกฎระเบียบ เวลาทำงานหรือรูปแบบในการทำงาน และกรณีค่านายหน้าเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินจากการรับทำงานให้ตามมาตรา 40(2) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้จ่ายเงินได้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50(1) แห่งประมวลรัษฎากร และหากเป็นการจ่ายค่านายหน้าให้ชาวต่างชาติซึ่งเป็นบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่ในต่างประเทศและมีอนุสัญญาหรือ ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับประเทศไทยแล้ว ค่านายหน้าถือเป็นกำไรจากธุรกิจเมื่อไม่มีสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย จึงได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ในประเทศไทย ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505 บริษัทฯ ผู้จ่ายเงินได้ไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณที่จ่าย แต่อย่างใด

เลขตู้

: 70/35377



หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย ที่ต้องส่งมอบให้บริษัท ต่างประเทศ ผู้ถูกหักที่จ่าย


ยื่นขอหนังสือรับรอง R.O20  โดย Download  แบบฟอร์ม  แบบ รอ.01 ได้ที่ https://www.rd.go.th/39690.html

มีรายละเอียดทั้งหมด 4 ข้อ โดย  ให้กรอกรายการเป็นภาษาอังกฤษ และข้อ 4 ให้เลือกทำเครื่องหมายที่ข้อย่อย (1) หนังสือรับรองการเสียภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 70  (Non - Resident Withholding Tax  Certificate) และกรอกรายละเอียดการจ่ายตามจริง  

            เอกสารประกอบ 

  1. หนังสือมอบอำนาจ ต.5 Download แบบฟอร์ม ได้ที่ https://www.rd.go.th/22371.html
  2. เอกสาร Passport ผู้มอบอำนาจ
  3. สำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
  4. หน้าแรกของหนังสือรับรองบริษัท
  5. สำเนาหน้าแบบและใบเสร็จ ภงด.54
  6. สำเนาหน้าแบบและใบเสร็จ ภพ.36
  7. สำเนา Invoice และ เอกสารการโอนเงิน (Debit Advice)  ฯลฯ   (มากน้อยขึ้นอยู่กับสรรพากรแต่ละพื้นที่ค่ะ ให้ตรวจสอบที่พื้นที่อีกครั้ง)

เมื่อยื่นเอกสารทั้งหมดให้สรรพากรแล้ว รอประมาณ 3 สัปดาห์ (ระยะเวลาขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่) จะต้องเข้าไปรับเอกสาร Non - Resident Withholding Tax  Certificate : R.O.20 (เป็นภาษาอังกฤษ) ตัวอย่างตามรูป  โดยใช้ใบเสร็จ ภงด.54 ฉบับจริงไปยื่น เจ้าหน้าที่สรรพากรจะประทับตราว่าได้ออกหนังสือรับรองการเสียภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายแล้วที่ใบเสร็จให้ค่ะ


 




หมายเหตุ: TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น  กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง

หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ