Case study

การรับรู้รายจ่ายทางภาษี และภาษีซื้อค่าอาหารเกี่ยวกับกรณีต่างๆ ในบริษัท


เรื่อง การรับรู้รายจ่ายทางภาษี และภาษีซื้อค่าอาหารเกี่ยวกับกรณีต่างๆ ในบริษัท
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 08/11/2024
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย
คำถาม

บริษัทจ่ายค่าอาหารตามวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้สามารถเป็นรายจ่ายและภาษีซื้อได้หรือไม่ครับ (ทุกข้อไม่มีระเบียบสวัสดิการ มีเพียงการอนุมัติภายใน)

1. พนักงานที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ เช่น การนับสินค้า, การเดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัดชั่วคราว

2. การจัดประชุมภายในบริษัท เช่น การประชุมระดับผู้บริหาร/กรรมการ, ประชุมแผนก (ไม่มีบุคคลภายนอก)

3. สำหรับพนักงานที่ทำ OT

4. จัดกิจกรรมต่างๆของบริษัท มีทั้งในส่วนของพนักงานทานทั้งหมด และมีส่วนที่ผู้เข้าร่วมงานบุคคลภายนอกทาน เช่น HR ปฐมนิเทศ, ทีมการตลาดจัดกิจกรรมโปรโมทบริษัท

5. ค่าอาหารอื่นๆที่ได้รับบางแผนกสำหรับการปฏิบัติงานอื่นๆ เช่น การทำโปรเจคต่างๆ

คำตอบ


คำตอบข้อ 1

1. ค่าอาหาร สำหรับพนักงานที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ เช่น การนับสินค้า, การเดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัดชั่วคราว

  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล 

ค่าอาหารสำหรับพนักงานไปปฎิบัติงาน ถือเป็นรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจการ บริษัทสามารถลงเป็นรายจ่ายในคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ถือเป็นรายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ และไม่ใช่รายจ่ายที่มีลักษณะเป็นการส่วนตัวหรือการให้โดยเสน่หาตามมาตรา 65 ตรี (3) และ (13) แห่งประมวลรัษฎากร

โดยบริษัทฯ จะจ่ายให้กับพนักงานที่สำรองจ่ายไปก่อนแล้วพนักงานนำหลักฐานใบเสร็จหรือใบกำกับภาษีในนามบริษัทมาเบิกคืนบริษัท หรือจะจ่ายเหมาเป็นค่าเบี้ยเลี้ยง โดยไม่มีหลักฐานใบเสร็จรับเงินมาแสดงก็ได้ แต่รายจ่ายนี้จะต้องไม่เกินอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการและเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงได้จ่ายไปโดยสุจริต โดยต้องมีหลักฐานการได้รับอนุมัติให้เดินทางไปปฏิบัติงานนอกสถานที่จากนายจ้าง โดยต้องระบุลักษณะงานที่ทำและระยะเวลาในการปฏิบัติงานตามหน้าที่แล้วแต่กรณีด้วย พนักงานจะได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 42(1) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 59/2538 ข้อ 1(1)(2)และข้อ2

กรณีที่บริษัทฯ จ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย ในอัตราที่เกินกว่าอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงเกินอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการให้ถือเป็นเงินได้พนักงาน เสียภาษี PIT เฉพาะส่วนที่เกินตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 59/2538 ข้อ 1(3)


  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ภาษีซื้อเกิดจากรายจ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจการ หากได้รับต้นฉบับใบกำกับภาษีและมีข้อมูลครบถ้วนตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฏากร ก็ไม่ต้องห้ามนำมาหักในการคำนวณภาษี ตามมาตรา 82/5(3) แห่งประมวลรัษฎากร  บริษัทฯ สามารถนำภาษีซื้อไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร

คำตอบข้อ 2

2.  ค่าอาหารสำหรับการจัดประชุมภายในบริษัท เช่น การประชุมระดับผู้บริหาร/กรรมการ, ประชุมแผนก (ไม่มีบุคคลภายนอก) 

  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล 

ค่าอาหารเลี้ยงพนักงานในการจัดประชุมอบรมภายในบริษัทนั้น  หากบริษัทฯ มีหลักฐานแวดล้อมประกอบอย่างชัดเจนว่า เป็นรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริงและเกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจการการจัดอบรมสัมมนาบริษัทสามารถลงเป็นรายจ่ายในคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี ข้อ (3) และ (13) แห่งประมวลรัษฎากร  และไม่ถือเป็นเงินได้พนักงาน ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 42 (28) แห่งประมวลรัษฎากร

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ภาษีซื้อเกิดจากรายจ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจการ หากได้รับต้นฉบับใบกำกับภาษีและมีข้อมูลครบถ้วนตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฏากร ก็ไม่ต้องห้ามนำมาหักในการคำนวณภาษี ตามมาตรา 82/5(3) แห่งประมวลรัษฎากร  บริษัทฯ สามารถนำภาษีซื้อไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร

       

คำตอบข้อ 3

3. ค่าอาหารสำหรับพนักงานที่ทำ OT

  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล 

ค่าอาหารสำหรับพนักงานที่ทำ OT เป็นค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวเนื่องกับสวัสดิการที่บริษัทฯ ให้แก่พนักงานทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติ และมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับการประกอบกิจการ บริษัทสามารถลงเป็นรายจ่ายในคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี ข้อ (3) และ (13) แห่งประมวลรัษฎากร   


และต้องนำไปถือเป็นเงินได้ของพนักงานแต่ละคนด้วย เนื่องเพราะเป็นประโยชน์เพิ่มจากการจ้างแรงงานที่ได้รับจากบริษัทฯ  ตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร


ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ภาษีซื้อเกิดจากรายจ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจการ หากได้รับต้นฉบับใบกำกับภาษีและมีข้อมูลครบถ้วนตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฏากร ก็ไม่ต้องห้ามนำมาหักในการคำนวณภาษี ตามมาตรา 82/5(3) แห่งประมวลรัษฎากร  บริษัทฯ สามารถนำภาษีซื้อไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร


คำตอบข้อ 4

4. ค่าอาหารสำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท มีทั้งในส่วนของพนักงานทานทั้งหมด และมีส่วนที่ผู้เข้าร่วมงานบุคคลภายนอกทาน เช่น HR ปฐมนิเทศ, ทีมการตลาดจัดกิจกรรมโปรโมทบริษัท 

  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล 

ค่าอาหารเลี้ยงพนักงานในการจัดประชุมอบรมภายในบริษัทนั้น หากบริษัทฯ มีหลักฐานแวดล้อมประกอบอย่างชัดเจนว่า เป็นรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริงและเกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจการการจัดอบรมสัมมนาบริษัทสามารถลงเป็นรายจ่ายในคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี ข้อ (3) และ (13) แห่งประมวลรัษฎากร  และไม่ถือเป็นเงินได้พนักงาน ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 42 (28) แห่งประมวลรัษฎากร

ค่าอาหารสำหรับจัดกิจกรรมโปรโมทบริษัท ถือเป็นรายจ่ายในการส่งเสริมการขาย หากมีนโยบายและแผนการตลาดประกอบการจัดกิจกรรม มีภาพถ่าย ถือเป็นรายจ่ายเกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจการ บริษัทสามารถลงเป็นรายจ่ายในคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ภาษีซื้อเกิดจากรายจ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจการ หากได้รับต้นฉบับใบกำกับภาษีและมีข้อมูลครบถ้วนตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฏากร ก็ไม่ต้องห้ามนำมาหักในการคำนวณภาษี ตามมาตรา 82/5(3) แห่งประมวลรัษฎากร  บริษัทฯ สามารถนำภาษีซื้อไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร


คำตอบข้อ 5

5.  ค่าอาหารอื่นๆ ที่ได้รับบางแผนกสำหรับการปฏิบัติงานอื่นๆ เช่น การทำโปรเจคต่างๆ

  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล 

ค่าอาหารที่พนักงานได้รับจากการปฏิบัติงาน เป็นค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวเนื่องกับสวัสดิการที่บริษัทฯ ให้แก่พนักงานทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติ และมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับการประกอบกิจการ บริษัทสามารถลงเป็นรายจ่ายในคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี ข้อ (3) และ (13) แห่งประมวลรัษฎากร   


และต้องนำไปถือเป็นเงินได้ของพนักงานแต่ละคนด้วย เนื่องเพราะเป็นประโยชน์เพิ่มจากการจ้างแรงงานที่ได้รับจากบริษัทฯ  ตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
               แต่หากไม่ต้องการให้เป็นเงินได้พนักงาน ต้องจัดให้อยู่ในรูปแบบการจัดประชุมอบรมภายในบริษัท หากบริษัทฯ มีหลักฐานแวดล้อมประกอบอย่างชัดเจนว่า เป็นรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริงและเกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจการการจัดอบรมสัมมนา จะ
ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 42 (28) แห่งประมวลรัษฎากร



  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ภาษีซื้อเกิดจากรายจ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจการ หากได้รับต้นฉบับใบกำกับภาษีและมีข้อมูลครบถ้วนตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฏากร ก็ไม่ต้องห้ามนำมาหักในการคำนวณภาษี ตามมาตรา 82/5(3) แห่งประมวลรัษฎากร  บริษัทฯ สามารถนำภาษีซื้อไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวล

รัษฎากร  บริษัทฯ สามารถนำภาษีซื้อไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร


มาตรา 42 (28) แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติว่า

    “มาตรา 42 กำหนดไว้ว่า

         (28) เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยาหรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธี หรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ทั้งนี้ จากบุคคลซึ่งมิใช่บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรสเฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกินสิบล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น


มาตรา 82/5 (3) และ (4) แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติว่า

    “มาตรา 82/5 กำหนดให้ภาษีซื้อในกรณีดังต่อไปนี้ ไม่ให้นำมาหักในการคำนวณภาษีตามมาตรา 82/3

         (3) ภาษีซื้อที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการ ของผู้ประกอบการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

         (4) ภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายเพื่อการรับรองหรือ เพื่อการอันมีลักษณะทำนองเดียวกันตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

มาตรา 65 ตรีรายการต่อไปนี้ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ

    (3) รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว การให้โดยเสน่หา หรือการกุศล เว้นแต่…

(13) รายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ

   (18) รายจ่ายซึ่งผู้จ่ายพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้รับ


คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 59/2538

เรื่อง      ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากรณีค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42(1)แห่งประมวลรัษฎากร

                เพื่อให้เจ้าพนักงานสรรพากรถือเป็นแนวทางปฏิบัติ รวมทั้งแนะนำผู้จ่ายเงินได้และผู้มีเงินได้ สำหรับค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางในกรณีที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่นอกสำนักงานหรือนอกสถานที่เป็นครั้งคราว ซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ตามมาตรา 42 (1) แห่งประมวลรัษฎากร กรมสรรพากรจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้


                ข้อ 1ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางที่ลูกจ้างหรือผู้มีหน้าที่หรือตำแหน่งงาน หรือผู้รับทำงานให้ ได้รับเนื่องจากการเดินทางไปปฏิบัติงานตามหน้าที่ในประเทศหรือต่างประเทศเป็นครั้งคราว ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องเข้าลักษณะดังนี้

                        (1) ต้องเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคลดังกล่าวได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่จะต้องปฏิบัติการตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น

                        (2) ในกรณีบุคคลดังกล่าวได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงในอัตราไม่เกินอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วย ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ ในประเทศหรือต่างประเทศ แล้วแต่กรณี ตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายในลักษณะเหมาจ่าย ให้ถือว่าค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าว เป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคลดังกล่าวได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น โดยไม่ต้องมีหลักฐานการจ่ายเงินมาพิสูจน์

                        (3) ในกรณีบุคคลดังกล่าวได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงในอัตราเกินกว่าอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงตาม (2)และบุคคลดังกล่าวไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้นให้ถือว่าค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคลนั้นได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็น เพียงเฉพาะในส่วนที่ไม่เกินอัตราตาม (2)


                 ข้อ 2การเดินทางไปปฏิบัติงานตามหน้าที่ ตามข้อ 1 ต้องมีหลักฐานการได้รับอนุมัติให้เดินทางไปปฏิบัติงานนอกสำนักงานหรือนอกสถานที่จากนายจ้างหรือผู้จ่ายเงินได้ โดยต้องระบุลักษณะงานที่ทำและระยะเวลาในการปฏิบัติงานตามหน้าที่แล้วแต่กรณีด้วย


 
อ้างอิงคำตอบ


เรื่อง

ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางสำหรับพนักงาน ไปปฏิบัติเป็นครั้งคราว

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 02/04/2024 - วันที่ตอบ 12/04/2024

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา,ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ข้อกฎหมาย

มาตรา 42 (1) แห่งประมวลรัษฎากร, คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 59/2538 ฯ

ปุจฉา

เบี้ยเลี้ยงที่นับเป็นรายได้ของพนักงานจะคิดในอัตราเท่าไหร่ต่อวันคะ

วิสัชนา

1. ตามมาตรา 42 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเบี้ยเลี้ยง หรือค่าพาหนะที่ลูกจ้างได้รับในการที่ต้องปฏิบัติการตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2539 เป็นต้นไป ดังนี้

    “มาตรา 42  เงินได้พึงประเมินประเภทต่อไปนี้ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้

         (1) ค่าเบี้ยเลี้ยง หรือค่าพาหนะซึ่งลูกจ้าง หรือผู้รับหน้าที่หรือตำแหน่งงาน หรือผู้รับทำงานให้ได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติการตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น” 


2. ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 59/2538 เรื่อง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2538 กรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติ เกี่ยวกับค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางในกรณีที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่นอกสำนักงานหรือนอกสถานที่เป็นครั้งคราว ซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ตามมาตรา 42 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้

    “ข้อ 1 ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางที่ลูกจ้างหรือผู้มีหน้าที่หรือตำแหน่งงาน หรือผู้รับทำงานให้ ได้รับเนื่องจากการเดินทางไปปฏิบัติงานตามหน้าที่ในประเทศหรือต่างประเทศเป็นครั้งคราว ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องเข้าลักษณะดังนี้

         (1) ต้องเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคลดังกล่าวได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่จะต้องปฏิบัติการตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น

         (2) ในกรณีบุคคลดังกล่าวได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงในอัตราไม่เกินอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการ ตามพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วย ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ ในประเทศหรือต่างประเทศ แล้วแต่กรณี ตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายในลักษณะเหมาจ่าย ให้ถือว่าค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าว เป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคลดังกล่าวได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น โดยไม่ต้องมีหลักฐานการจ่ายเงินมาพิสูจน์

         (3) ในกรณีบุคคลดังกล่าวได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงในอัตราเกินกว่าอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงตาม (2) และบุคคลดังกล่าวไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้นให้ถือว่าค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคลนั้นได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็น เพียงเฉพาะในส่วนที่ไม่เกินอัตราตาม (2) 

    ข้อ 2 การเดินทางไปปฏิบัติงานตามหน้าที่ ตามข้อ 1 ต้องมีหลักฐานการได้รับอนุมัติให้เดินทางไปปฏิบัติงานนอกสำนักงานหรือนอกสถานที่จากนายจ้างหรือผู้จ่ายเงินได้ โดยต้องระบุลักษณะงานที่ทำและระยะเวลาในการปฏิบัติงานตามหน้าที่แล้วแต่กรณีด้วย

    ข้อ 3 บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง หรือคำวินิจฉัยใดที่ขัดหรือแย้งกับคำสั่งนี้ให้เป็นอันยกเลิก” 



 

ค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการ

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในประเทศ

    1. ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง

    2. ค่าเช่าที่พัก

    3. ค่าพาหนะ รวมถึงค่าเช่ายานพาหนะ ค่าเชื้อเพลิงหรือพลังงานสำหรับยานพาหนะ ค่าระวางบรรทุก ค่าจ้างคนหาบหาม อื่น ๆ ทำนองเดียวกัน

    4. ค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นต้องจ่ายเนื่องจากเดินทางไปราชการ เช่น ค่าปะยาง ค่าเช่า ค่าผ่านทางด่วน เป็นต้น

การเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง

    การนับเวลาเพื่อคำนวณเบี้ยเลี้ยงเดินทาง

    - ให้นับตั้งแต่ออกจากที่อยู่หรือที่ท างานปกติจนกลับถึงที่อยู่หรือที่ทำงานปกติ

    - กรณีพักแรม 24 ชั่วโมง นับเป็น 1 วัน เศษเกิน 12 ชั่วโมงขึ้นไป นับเป็น 1 วัน

    - กรณีไม่พักแรมนับ 12 ชั่วโมง เป็น 1 วัน หากไม่ถึง นับได้เกินกว่า 6 ชั่วโมงนับเป็นครึ่งวัน

    - กรณีเดินทางล่วงหน้าเนื่องจากลากิจ/พักผ่อน ก่อนปฏิบัติราชการให้นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติราชการ

    - กรณีเดินทางกลับหลังจากปฏิบัติราชการเสร็จสิ้น เนื่องจากลากิจ/ลาพักผ่อน ให้นับถึงสิ้นสุดเวลาปฏิบัติราชการ



 

อัตราค่าเบี้ยเลี้ยง (เหมาจ่าย) ในประเทศ

ประเภทตำแหน่ง                                                          อัตรา (บาท/วัน/คน)

ตำแหน่งทั่วไป

   - ระดับปฏิบัติการ, ชำนาญงาน และอาวุโส                                      240 

   - ระดับทักษะพิเศษ                                                                  270

ตำแหน่งวิชาการ

   - ระดับปฏิบัติการ, ชำนาญการ, ชำนาญการพิเศษ                            240

   - ระดับเชี่ยวชาญ, ทรงคุณวุฒิ                                                    270

ตำแหน่งอำนวยการ

   - ระดับต้น                                                                             240 

   - ระดับสูง                                                                             270

ตำแหน่งบริหาร

   - ระดับต้น, ระดับสูง                                                                270



 

อัตราค่าเบี้ยเลี้ยง (เหมาจ่าย) ในต่างประเทศ

ประเภทตำแหน่ง                                                            อัตรา (บาท/วัน/คน)

ตำแหน่งทั่วไป

   - ระดับปฏิบัติการ, ชำนาญงาน และอาวุโส                                    2,100 

   - ระดับทักษะพิเศษ                                                                 3,100

ตำแหน่งวิชาการ

   - ระดับปฏิบัติการ, ชำนาญการ, ชำนาญการพิเศษ                           2,100

   - ระดับเชี่ยวชาญ, ทรงคุณวุฒิ                                                   3,100

ตำแหน่งอำนวยการ

   - ระดับต้น                                                                               2,100

   - ระดับสูง                                                                            3,100

ตำแหน่งบริหาร  

   - ระดับต้น, ระดับสูง                                                               3,100



 

การเบิกค่าเช่าที่พัก

    การเดินทางไปราชการที่จำเป็นต้องพักแรม เว้นแต่การพักแรมซึ่งโดยปกติต้องพักแรมในยานพาหนะหรือการจัดแรมในที่พักแรมซึ่งราชการจัดไว้ให้แล้ว ให้ผู้เดินทางไปราชการเบิกค่าเช่าที่ได้ภายในวงเงินและเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด

อัตราค่าเช่าที่พักในประเทศเบิกเหมาจ่าย

ประเภทตำแหน่ง                                                            อัตรา (บาท/วัน/คน)

ตำแหน่งทั่วไป

   - ระดับปฏิบัติการ, ชำนาญงาน และอาวุโส                                    800 

   - ระดับทักษะพิเศษ                                                              1,200

ตำแหน่งวิชาการ

   - ระดับปฏิบัติการ, ชำนาญการ, ชำนาญการพิเศษ                            800

   - ระดับเชี่ยวชาญ, ทรงคุณวุฒิ                                                  1,200

ตำแหน่งอำนวยการ

   - ระดับต้น                                                                            800 

   - ระดับสูง                                                                           1,200

ตำแหน่งบริหาร

   - ระดับต้น, ระดับสูง                                                               1,200  



 

หมายเหตุ: ไม่ต้องใช้หลักฐานประกอบการเบิกจ่าย



 

อัตราค่าเช่าที่พักในประเทศเบิกจ่ายจริง

ประเภทตำแหน่ง (บาท/วัน/คน)                                            ห้องเดี่ยว        ห้องคู่ 

ตำแหน่งทั่วไป

   - ระดับปฏิบัติการ, ชำนาญงาน และอาวุโส                                1,500          850

   - ระดับทักษะพิเศษ                                                             2,200        1,200

ตำแหน่งวิชาการ

  - ระดับปฏิบัติการ, ชำนาญการ, ชำนาญการพิเศษ                         1,500          850

  - ระดับเชี่ยวชาญ                                                                  2,200        1,200 

  - ทรงคุณวุฒิ                                                                       2,500        1,400

ตำแหน่งอำนวยการ

   - ระดับต้น                                                                   1,500        1,200

   - ระดับสูง                                                                   2,200       1,400

ตำแหน่งบริหาร

   - ระดับต้น                                                                   2,200        1,200

   - ระดับสูง                                                                   2,500        1,400



 

หมายเหตุ แนบหลักฐานคือ ใบเสร็จรับเงิน, ใบแจ้งรายการของโรงแรม-Folio

ที่มา:http://www1.ldd.go.th/.../KM%20expense%20for%20duty.pdf



ทรงศรี กาญจนิศากร สอบถามเพิ่มเติม

    อาจารย์พอจะยกตัวอย่างคำว่าครั้งคราวได้ไหมคะ สมมติว่าการไปทำงานล่วงหน้าที่กำหนดไว้ตามตาราง อย่างนี้ถือว่าเป็นครั้งคราวหรือปกติคะ


สุเทพ พงษ์พิทักษ์ วิสัชนา:

ตาม Thai-English: NECTEC's Lexitron-2 Dictionary [with local updates]

ครั้งคราว (adv) occasionally, See also: now and then, now and again, at intervals, Syn. บางครั้งบางคราว, Ant. บ่อยๆ, เสมอๆ, Example: ทรัพย์สินถาวรต่างๆ จะไม่ค่อยสูญหาย หากมีการตรวจนับเป็นครั้งคราวว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่

ชั่วครั้งคราว (adv) sometimes, See also: occasionally, periodically, at times, Syn. ชั่วครั้งชั่วคราว, เป็นครั้งคราว, Ant. บ่อย, ถี่, เสมอ, Example: เหล้าเถื่อนเป็นสิ่งเสริมความสุขอย่างง่ายๆ ของชาวบ้านชั่วครั้งคราว

เป็นครั้งคราว (adv) occasionally, See also: sometimes, now and then, now and again, periodically, at time, Syn. บางครั้ง, บางโอกาส, เป็นครั้งเป็นคราว, เป็นมื้อเป็นคราว, บางครั้งบางคราว, Ant. บ่อย, เป็นประจำ, Example: เขากลับไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัดเป็นครั้งคราว  

ประจำ (v) be stationed, See also: be placed permanently, be posted, Syn. ประจำการ, Example: ทหารสื่อสารถูกส่งมาประจำที่สนามบินอุดรฯ

https://dict.longdo.com/.../%2A%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8...


ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า

    ตัวอย่างคำว่า "ครั้งคราว" ในคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 59/2538 "...ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางในกรณีที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่นอกสำนักงานหรือนอกสถานที่เป็นครั้งคราว"  

    อาทิ การที่พนักงานได้รับคำสั่งให้ออกไปปฏิบัติงานนอกสถานที่ เป็นครั้งคราว เช่น พนักงานบัญชีต้องเดินทางไปพบเจ้าพนักงานสรรพากร โดยได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงพาหนะ นอกเหนือจากเงินเดือน หรือค่าจ้างที่นายจ้างจ่ายเป็นประจำ เพราะงานประจำของพนักงานบัญชี คือ อยู่ประจำออฟฟิศ

    กรณีไปทำงานล่วงหน้าที่กำหนดไว้ตามตาราง เช่นนี้ ถือว่าเป็นครั้งคราวได้เช่นกัน หรือแม้แต่พนักงานขายเดินทางออกไปขายสินค้าต่างท้องที่ โดยได้รับค่าเบี้ยเลื้ยง ค่าพาหนะ ก็ถือว่าได้รับยกเว้นเงินได้ ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 59/2538 ฯ ด้วยเช่นกัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะคลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์


เรื่อง

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีค่าเบี้ยเลี้ยงที่เป็นค่าที่พักเหมาจ่าย

แหล่งที่มา

ข้อหารือ กรมสรรพากร

วันที่

31/01/2012

เลขที่หนังสือ

กค 0702/909

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ข้อกฎหมาย

คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.59/2538ฯ

ข้อหารือ

  บริษัทฯ แจ้งว่า กรณีตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 59/2538 เรื่อง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2538 ได้วางแนวทางปฏิบัติกรณีการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางที่ลูกจ้าง หรือผู้มีหน้าที่หรือตำแหน่งงานหรือผู้รับทำงานให้ได้รับเนื่องจากการเดินทางไปปฏิบัติงานตามหน้าที่นอกสำนักงานหรือนอกสถานที่เป็นครั้งคราว หากบุคคลดังกล่าวได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายในอัตราไม่เกินอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการ กำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในประเทศหรือต่างประเทศ แล้วแต่กรณี ตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายในลักษณะเหมาจ่าย ให้ถือว่าค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคลดังกล่าว ได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้นโดย ไม่ต้องมีหลักฐานการจ่ายเงินมาพิสูจน์ แต่หากบุคคลดังกล่าวได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายในอัตราเกินกว่าอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในประเทศ หรือต่างประเทศ และบุคคลดังกล่าวไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงาน ตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้นให้ถือว่าค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคลนั้นได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเพียงเฉพาะในส่วนที่ไม่เกินอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในประเทศหรือต่างประเทศ

บริษัทฯ จึงขอหารือว่า กรณีพนักงานของบริษัทฯ เบิกค่าเบี้ยเลี้ยงที่เป็นค่าที่พักเหมาจ่ายเกินกว่าอัตราที่ทางราชการกำหนดเฉพาะส่วนที่ไม่เกินอัตราที่ทางราชการกำหนดในลักษณะเหมาจ่ายจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่ต้องนำไปรวมเป็นประโยชน์เพิ่มของพนักงาน ใช่หรือไม่

แนววินิจฉัย

กรณีการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางที่ลูกจ้างหรือผู้มีหน้าที่หรือตำแหน่งงานหรือผู้รับทำงานให้ได้รับเนื่องจากการเดินทางไปปฏิบัติงานตามหน้าที่นอกสำนักงานหรือนอกสถานที่เป็นครั้งคราวในลักษณะเหมาจ่าย กรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติไว้แล้ว ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 59/2538ฯ ลงวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2538 ดังนี้

  1. หากบุคคลดังกล่าวได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายในอัตราไม่เกินอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในประเทศหรือต่างประเทศ แล้วแต่กรณี ตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายในลักษณะเหมาจ่าย ให้ถือว่าค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคลดังกล่าวได้จ่าย ไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้นโดยไม่ต้องมี หลักฐานการจ่ายเงินมาพิสูจน์

  2. หากบุคคลดังกล่าวได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายในอัตราเกินกว่าอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในประเทศหรือต่างประเทศ และบุคคล ดังกล่าวไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและ ได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น ให้ถือว่าค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคลนั้นได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็น เพียงเฉพาะในส่วนที่ไม่เกินอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วย ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในประเทศหรือต่างประเทศ

  คำว่า "เบี้ยเลี้ยง" ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง "เงินที่จ่ายให้เป็นค่าอาหารประจำวัน ในกรณีที่ออกทำงานนอกสถานที่ตั้งประจำ" ดังนั้น ค่าเบี้ยเลี้ยงจึงหมายถึงเฉพาะค่าอาหารประจำวันเท่านั้น ประกอบกับ ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2550 ลงวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 กำหนดให้ผู้เดินทางไปปฏิบัติราชการนอกสถานที่เบิกค่าใช้จ่ายได้ โดยแยกเป็นบัญชีค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและ บัญชีค่าเช่าที่พัก ดังนั้น ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 59/2538ฯ ลงวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2538 จึงหมายถึงเฉพาะเงินที่จ่ายเป็นค่าอาหารประจำวันเท่านั้นไม่รวมถึงค่าเช่าที่พัก

  กรณีค่าเช่าที่พัก หากเป็นการจ่ายให้กับพนักงานเพื่อปฏิบัติงานตามหน้าที่ในทางการที่จ้างและตามระเบียบ ที่บริษัทฯ ได้กำหนดไว้สำหรับพนักงานเป็นการทั่วไป หากพนักงานได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นและสมควรเฉพาะ ในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและมีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น จึงไม่ถือเป็นประโยชน์เพิ่ม ของพนักงานแต่อย่างใด

เลขตู้

75/909



เรื่อง

ลูกค้าจ่ายเงินค่าบริการซ้ำ / ซื้ออาหารเลี้ยงพนักงานระหว่างประชุม/อบรมภายในสำนักงาน

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 04/02/2022 - วันที่ตอบ 23/04/2022

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา,ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

มาตรา 65 ตรี ข้อ (3) และ (13), มาตรา 78/1 (1), มาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร, คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528

ปุจฉา

1. ถ้าลูกค้าจ่ายเงินมาซ้ำ (จ่ายมาในเดือน มค.) กับใบแจ้งหนี้ (ที่เคยจ่ายมาแล้วก่อนหน้านี้) เราเลยบันทึกยอดเงินที่จ่ายซ้ำมานี้ไว้ในบัญชีพัก เพราะไม่มีใบแจ้งหนี้ไม่ยอดค้างให้ตัดในเดือน มค. และไม่แน่ใจว่าจะมีการให้บริการในเดือนนี้หรือไม่ สอบถามลูกค้าว่าจะให้ทำอย่างไรกับยอดนี้ ลูกค้ายังไม่ได้ให้คำตอบ เลยขอคำแนะนำค่ะว่าควรจะให้ลูกค้าแจ้งมาเพื่อทำเรื่องคืนเงินดีกว่าใช่มั้ยคะจะได้ไม่มีประเด็นเรื่องภาษีหรือทำแบบไหนง่ายที่สุดและไม่มีประเด็นภาษีคะขอคำชี้แนะด้วยค่ะ


2. ขอข้อหารือเกี่ยวกับภาษีซื้อที่ซื้ออาหารเลี้ยงพนักงานระหว่างประชุม/อบรมภายในสำนักงานค่ะพยายามหาทางเน็ตแต่ก็ไม่เจอค่ะ

วิสัชนา

1. ตามมาตรา 78/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการให้บริการดังนี้

    “มาตรา 78/1 ภายใต้บังคับมาตรา 78/3 ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการให้บริการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

         (1) การให้บริการนอกจากที่อยู่ในบังคับตาม (2) (3) หรือ (4) ให้ความรับผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาค่าบริการ เว้นแต่กรณีที่ได้มีการกระทำดังต่อไปนี้เกิดขึ้นก่อนได้รับชำระราคาค่าบริการก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้น ๆ ด้วย

              (ก) ได้ออกใบกำกับภาษี หรือ

              (ข) ได้ใช้บริการไม่ว่าโดยตนเองหรือบุคคลอื่น”


2. ตามข้อ 1 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 73/2541 เรื่อง การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการเรียกเก็บเงินจ่ายล่วงหน้า เงินประกัน เงินมัดจำ หรือเงินจอง

    “ข้อ 1 การให้บริการรับเหมาก่อสร้าง และได้มีการเรียกเก็บเงินจ่ายล่วงหน้าจากผู้ว่าจ้าง โดยมีข้อตกลงต้องคืนเงินดังกล่าวให้ผู้ว่าจ้าง โดยยอมให้ผู้ว่าจ้างหักเงินดังกล่าวออกจากเงินค่างานที่ผู้รับจ้างจะได้รับในแต่ละงวด เพื่อชดเชยกับเงินจ่ายล่วงหน้าที่รับไปจนกว่าจะครบถ้วน พร้อมทั้งหักเงินค่าประกันผลงานของผู้รับจ้างไว้อีกส่วนหนึ่ง และจะคืนเงินประกันผลงานให้แก่ผู้รับจ้างเมื่อหมดระยะเวลาประกันผลงาน จะมีภาระภาษีดังนี้

         (1) เงินจ่ายล่วงหน้า (ADVANCE PAYMENT)

              (ก) ผู้รับจ้างจะต้องนำเงินจ่ายล่วงหน้ามารวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 4.4 แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528 เรื่อง การใช้เกณฑ์สิทธิในการคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ.2528 

              (ข) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้ว่าจ้าง เมื่อจ่ายเงินล่วงหน้า มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ของเงินล่วงหน้าตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 

                   เมื่อมีการจ่ายค่างวดงานแต่ละงวดให้แก่ผู้รับจ้าง ผู้ว่าจ้างมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ของเงินค่างวดงานหลังหักเงินจ่ายล่วงหน้าในแต่ละงวดออกแล้ว

              (ค) ผู้รับจ้างต้องนำเงินจ่ายล่วงหน้ามารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษี ตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร โดยถือว่าความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการเกิดขึ้นในขณะได้รับชำระเงินดังกล่าว ตามมาตรา 78/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร

              กรณีการให้บริการรับจ้างทำของอย่างอื่น นอกจากการให้บริการรับเหมาก่อสร้าง และได้มีการเรียกเก็บเงินจ่ายล่วงหน้า และเงินประกันผลงาน ให้ถือปฏิบัติทำนองเดียวกับวรรคหนึ่ง


3. ตามมาตรา 65 ตรี (3) (13) แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติว่า

    “มาตรา 65 ตรี รายการต่อไปนี้ ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ

          (3) รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว การให้โดยเสน่หา หรือการกุศล...

          (13) รายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ


4. ตามมาตรา 42 (28) แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติว่า

    “มาตรา 42 กำหนดไว้ว่า

         (28) เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยาหรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธี หรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ทั้งนี้ จากบุคคลซึ่งมิใช่บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรสเฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกินสิบล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น


5. ตามมาตรา 82/5 (3) และ (4) แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติว่า

    “มาตรา 82/5 กำหนดให้ภาษีซื้อในกรณีดังต่อไปนี้ ไม่ให้นำมาหักในการคำนวณภาษีตามมาตรา 82/3

         (3) ภาษีซื้อที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการ ของผู้ประกอบการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

         (4) ภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายเพื่อการรับรองหรือ เพื่อการอันมีลักษณะทำนองเดียวกันตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด



 

ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า

    1. กรณีที่ลูกค้าจ่ายเงินมาซ้ำ กับที่เคยจ่ายมาแล้ว ก่อนหน้านี้ และไม่แน่ใจว่าจะมีการให้บริการในเดือนนี้อีกหรือไม่ ขอแนะนำว่า บริษัทฯ ควรแจ้งให้ลูกค้าทำจดหมายทวงคืนเงินที่ลูกค้าจ่ายซ้ำ ย่อมเป็นผลดีกว่า การที่บริษัทฯ จะเก็บเงินที่จ่ายซ้ำนั้นไว้ เพื่อชำระค่าบริการในอนาคต เนื่องจากการรับเงินจากการรับเงินค่าบริการล่วงหน้าจากลูกค้า มีผลให้ทั้งลูกค้าต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ตาม ท.ป. 1/2528 ฯ และบริษัทฯ ต้องนำมาถือเป็นมูลค่าของฐานภาษี ตามมาตรา 78/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร อีกด้วย

    2. กรณีซื้ออาหารเลี้ยงพนักงานในการจัดประชุมอบรมภายในสำนักงานนั้น  หากบริษัทฯ มีหลักฐานแวดล้อมประกอบอย่างชัดเจนว่า เป็นรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริงและเกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจการการจัดอบรมสัมมนา

       (1) ภาษีซื้อจากค่าอาหารและเครื่องดื่มสำหรับพนักงานดังกล่าว  ก็ไม่ต้องห้ามนำมาหักในการคำนวณภาษี ตามมาตรา 82/5(3) แห่งประมวลรัษฎากร หอการค้าฯ จึงนำภาษีซื้อไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร

       (2) บริษัทฯ สามารถนำค่าอาหารและเครื่องดื่มดังกล่าวมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี ข้อ (3) และ (13) แห่งประมวลรัษฎากร  รวมถึง ไม่ถือเป็นเงินได้พนักงานอีกด้วยตามมาตรา 42 (28) แห่งประมวลรัษฎากร


เครดิต อาจารย์ Panita Alongkornwarakit



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"



 

 

หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ