Case study

หัก ณ ที่จ่าย กรณีการจ่ายค่าจ้างโฆษณา และค่าคอมมิชชั่น ชาวต่างชาติประเทศรัสเซีย


เรื่อง หัก ณ ที่จ่าย กรณีการจ่ายค่าจ้างโฆษณา และค่าคอมมิชชั่น ชาวต่างชาติประเทศรัสเซีย
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 18/09/2024
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา,ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย
คำถาม

บริษัทไทยจ่ายค่าจ้างโฆษณา และค่าคอมมิชชั่น ไม่ได้โฆษณาออนไลน์ ให้กับชาวต่างชาติประเทศรัสเซีย

คำถาม

1)  ค่าโฆษณา  บริษัทต้องหัก ณ ที่จ่ายหรือไม่ ต่างชาติไม่เคยเดินทางมาประเทศไทย (ชาวต่างชาติจะต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดาหรือไม่)

2) ค่านายหน้า  บริษัทต้องหัก ณ ที่จ่ายหรือไม่ ต่างชาติไม่เคยเดินทางมาประเทศไทย (ชาวต่างชาติจะต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดาหรือไม่)

คำตอบ

คำตอบ

1. ค่าโฆษณา


        กรณีบริษัทไทย จ่ายค่าจ้างโฆษณาแก่บุคคลธรรมดาประเทศรัสเซีย ที่เป็นประเทศที่มีข้อตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับประเทศไทย  เงินค่าโฆษณาดังกล่าวถือเป็นเงินได้ ตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร
        เมื่อบริษัทจ่ายค่าโฆษณาให้แก่บุคคลประเทศรัสเซีย  
ไม่เคยเข้ามาในประเทศไทย เช่นนี้ ถือเป็นแหล่งเงินได้ในประเทศรัสเซีย เมื่อผู้มีเงินได้มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 41 วรรคสอง และวรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ  ไม่มีหน้าที่หักภาษี ตามมาตรา 50 แห่งประมวลรัษฎากร


หมายเหตุ

     อย่างไรก็ตามเนื่องจากการโฆษณาปัจจุบันมีหลายรูปแบบ คำตอบที่ตอบจะหมายถึง การโฆษณาโดยตรง ไม่ใช่การใช้งาน Website หรือ อุปกรณ์ใดๆ อันก่อให้เข้านิยามค่าสิทธิ์ในแต่ละประเทศ ดังนั้น กรุณาตรวจสอบข้อเท็จจริงของสัญญา ควบคู่ไปกับคำตอบฉบับนี้ด้วยนะคะ ถ้าเป็นค่าสิทธิ์ คำตอบจะเปลี่ยนคะ อาจต้องมีหักภาษี ณ ที่จ่ายคะ


ประเภทเงินได้

มาตรา 40 (8)


หัก ณ ที่จ่าย 

ตามมาตรา 70 (ภ.ง.ด.54)

นำส่ง VAT
 
ตามมาตรา 83/6 (ภ.พ.36)

DTA

Non DTA

นำมาโฆษณาในไทย

ไม่ได้นำมาโฆษณาในไทย

ค่าโฆษณาแบบออฟไลน์ จ่ายให้บุคคลธรรมดาต่างประเทศ (ไม่ได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย)

ไม่หัก

ไม่หัก

นำส่ง VAT 7% 

ไม่นำส่ง



เรื่อง

จ่ายค่าบริการต่อทะเบียนใบอนุญาตของสินค้าที่ประเทศมาเลเซีย ให้บุคคลธรรมดาชาวมาเลเซีย / การกรอกค่าภาษีเงินนิติบุคคลในแบบ ภ.ง.ด.50

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 11/03/2024 - วันที่ตอบ 24/03/2024

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

มาตรา 41 วรรคสอง และวรรคสาม, มาตรา 83/6 (2) แห่งประมวลรัษฎากร

ปุจฉา

กรณีจ่ายค่าบริการต่อทะเบียนใบอนุญาตของสินค้าที่ประเทศมาเลเซีย เนื่องจากบริษัทฯ มีสินค้าอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย โดยจ่ายให้บุคคลธรรมดาผู้มีถิ่นฐานอยู่ประเทศมาเลเซียไม่เคยเข้ามาในประเทศไทยค่ะต้องหัก ณ ที่จ่าย และนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.36) หรือไม่คะ


2.แบบ ภงด.50 รายการที่ 8 รายจ่ายขายและบริหาร ต้องกรอกค่าภาษีเงินนิติบุคคลรวมไปด้วยหรือเปล่าคะแล้วไปกรอกบวกกลับในรายการที่ 9 รายจ่ายที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายตามประมวลรัษฎากร ข้อ 1 ภาษีเงินได้นิติบุคคล

วิสัชนา

1.กรณีบริษัทฯ จ่ายค่าบริการต่อทะเบียนใบอนุญาตของสินค้าที่ประเทศมาเลเซีย เนื่องจากบริษัทฯ มีสินค้าอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย โดยจ่ายให้บุคคลธรรมดาผู้มีถิ่นฐานอยู่ประเทศมาเลเซีย ไม่เคยเข้ามาในประเทศไทย เช่นนี้ ถือเป็นแหล่งเงินได้ในประเทศมาเลเซีย เมื่อผู้มีเงินได้มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 41 วรรคสอง และวรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด

    เนื่องจากเป็นการต่อทะเบียนใบอนุญาตสำหรับสินค้าที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย จึงไม่มีการใช้บริการนั้นในประเทศไทย บริษัทฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามแบบ ภ.พ.36 ตามมาตรา 83/6 (2) แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด

2.ตามแบบ ภ.ง.ด.50 รายการที่ 8 รายจ่ายในการขายและบริหาร ต้องกรอกค่าภาษีเงินนิติบุคคลรวมไปด้วยหรือเปล่าคะ แล้วไปกรอกบวกกลับในรายการที่ 9 รายจ่ายที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายตามประมวลรัษฎากร ข้อ 1 ภาษีเงินได้นิติบุคคล ถูกต้องแล้วครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์


มาตรา 41   ผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว เนื่องจากหน้าที่งาน หรือกิจการที่ทำในประเทศไทย หรือเนื่องจากกิจการของนายจ้างในประเทศไทย หรือเนื่องจากทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย ต้องเสียภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้ไม่ว่าเงินได้นั้นจะจ่ายในหรือนอกประเทศ

     ผู้อยู่ในประเทศไทยมีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว เนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในต่างประเทศ หรือเนื่องจากทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ ต้องเสียภาษีเงินได้ตามบทบัญญัติในส่วนนี้เมื่อนำเงินได้พึงประเมินนั้นเข้ามาในประเทศไทย
 
        ผู้ใดอยู่ในประเทศไทยชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะ รวมเวลาทั้งหมดถึงหนึ่งร้อยแปดสิบวันในปีภาษีปีใด ให้ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย  

** หมายเหตุ กรณีที่ บุคคลธรรมดาเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย กรุณาดู ป.161/2566 และ ป.162/2566 ประกอบ


2. ค่าคอมมิชชั่น นายหน้า


  • กรณีนาย A  ประเทศรัสเซีย มี DTA กับประเทศไทย


     1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร

           กรณีบริษัทไทย จ่ายค่าคอมมิชชั่น นายหน้า ให้แก่ นาย A (ผู้ที่ไม่เคยเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเลย) จากการหาลูกค้ามาซือสินค้าในประเทศไทย ค่าตอบแทนจากการทำหน้าที่เป็นนายหน้า เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินเนื่องจากหน้าที่งานที่ทำในต่างประเทศ หากปรากฏข้อเท็จจริงว่า บุคคลธรรมดาที่ประกอบกิจการในต่างประเทศ ไม่ได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทยในปีภาษีที่ได้รับเงินได้พึงประเมิน บุคคลธรรมดาผู้นั้นไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้จากเงินได้พึงประเมินดังกล่าวในประเทศไทย 

        ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทไทย ผู้จ่ายเงินค่าคอมมิชชั่น นายหน้าจึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
  (อนุโลมตามหนังสือตอบข้อหารือของกรมสรรพากรเลขที่ กค 0702/1799 ลงวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557) 
https://www.rd.go.th/52541.html


       2.ภาษีมูลค่าเพิ่ม

             กรณีบริษัทไทย จ่ายค่านายหน้าให้ผู้รับจ้างฯ นาย A รัสเซีย เข้าลักษณะเป็นการจ่ายค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการนอกราชอาณาจักร เนื่องจากการให้บริการในต่างประเทศ บริษัทไทย ผู้ว่าจ้างไม่มี หน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 83/6 (2) แห่งประมวลรัษฎากร 

           อ้างอิงตามหนังสือตอบข้อหารือของกรมสรรพากรเลขที่หนังสือ กค 0702/5807 ลงวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เลขตู้ 73/37436  https://www.rd.go.th/43647.html 


          แต่ถ้าหากนาย A รัสเซีย ได้เดินทางเข้ามาหาลูกค้าจากในประเทศไทย บริษัท ก มีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม อัตรา 7% ตามแบบ ภ.พ.36   ตามมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร



คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.161 ป.162 /2566

เรื่อง การเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฏากร ลงวันที่ 20พฤศจิกายน 2566  


มีผลใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่นำเข้ามาในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567เป็นต้นไป สรุปได้ดังนี้


รายละเอียด

มาตรา 41 วรรค 2 และ 3

การตีความแบบเดิม

คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.161/2566

การตีความแบบใหม่

ผู้มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว
  
เนื่องจาก

1. หน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในต่างประเทศ

2. ทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ

1. อยู่ในไทยถึง 180 วันในปีที่มีเงินได้

และ
  
2. นำเงินได้เข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีเดียวกันกับปีที่มีเงินได้พึงประเมิน



 


**หากเข้าเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อ ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย

1.อยู่ในไทยถึง 180 วันในปีที่มีเงินได้

และ

2.นำเงินได้เข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีใดก็ได้ให้เสียภาษีในปีที่นำเงินได้นั้นเข้ามาในประเทศไทย



 

**หากเข้าเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อ ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย



 



 


คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.162/2566


 

ไม่ให้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567


 


Cr. กองกฎหมายกรมสรรพากร


สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 


https://tax-ez.info/Update/View/vn4VQT1a/%E0%B8%9B.161


ป.161/2566 , ป.162/2556 ปรับปรุงวิธีการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา-เเหล่งเงินได้ต่างประเทศ มาตรา 41 วรรค 2


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/10081

วันที่

: 2 กรกฎาคม 2541

เรื่อง

: ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย กรณีการจ่ายค่านายหน้าให้แก่บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 40(2), มาตรา 41, มาตรา 50(1), มาตรา 76 ทวิ, พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505

ข้อหารือ

: 1. กรณีที่บริษัทไทยจ่ายค่านายหน้าในการขายสินค้าให้แก่บุคคลธรรมดา หรือบริษัทซึ่งมีถิ่น
ที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ หรืออังกฤษ และมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย กรณีดังกล่าว
บริษัทไทยจะมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายหรือไม่ อย่างไร
2. หากบุคคลธรรมดา หรือบริษัทซึ่งเป็นนายหน้าตาม 1. ประกอบกิจการในประเทศไทย
 กรณีดังกล่าวบริษัทไทยมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายหรือไม่ อย่างไร

แนววินิจฉัย

: เนื่องจากค่านายหน้าจากการขายสินค้า เข้าลักษณะเป็นกำไรจากธุรกิจ ดังนั้น กรณีตาม
ข้อเท็จจริงข้างต้น จึงพิจารณาได้ดังนี้
     (1) 
กรณีบุคคลธรรมดาหรือบริษัทซึ่งเป็นนายหน้าดังกล่าว มิได้ประกอบกิจการโดยผ่านสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย บุคคลธรรมดาหรือบริษัทซึ่งเป็นนายหน้านั้น จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ในประเทศไทย ทั้งนี้ ตามข้อ 7 วรรคหนึ่ง แห่งอนุสัญญาฯ ระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซียหรือประเทศสิงคโปร์เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน หรือตามข้อ 8 วรรคหนึ่ง แห่งอนุสัญญาระหว่างประเทศไทยกับสหราชอาณาจักรอังกฤษเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน แล้วแต่กรณี และตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505 ฉะนั้น เมื่อบริษัทไทยจ่ายค่านายหน้าให้กับบุคคลธรรมดาหรือบริษัทซึ่งเป็นนายหน้าดังกล่าว บริษัทไทยจึงไม่มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้แต่อย่างใด

    (2) กรณีบุคคลธรรมดาหรือบริษัทซึ่งเป็นนายหน้าดังกล่าว ประกอบกิจการโดยผ่านสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย แยกพิจารณาได้ดังนี้
           (ก) บุคคลธรรมดาดังกล่าว 
มีหน้าที่ต้องนำค่านายหน้าที่ได้รับมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย ตามมาตรา 41 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร และโดยที่ ค่านายหน้าดังกล่าวเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อบริษัทไทยจ่ายค่านายหน้า ให้แก่บุคคลธรรมดาดังกล่าวบริษัทไทยมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
           (ข) บริษัทดังกล่าว มีหน้าที่ต้องนำค่านายหน้ามารวมคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย ตามมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร และเมื่อบริษัทไทยจ่ายค่านายหน้าให้กับบริษัทดังกล่าว บริษัทไทยไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แต่อย่างใด

เลขตู้

: 61/26864


เรื่อง

จ่ายค่านายหน้าในการขายเรือไปยังต่างประเทศ ให้กับบุคคลธรรมดาที่อยู่ในประเทศรัสเซีย

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 02/02/2024 - วันที่ตอบ 15/03/2024

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา,ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

มาตรา 41 วรรคสอง, มาตรา 83/6 แห่งประมวลรัษฎากร

ปุจฉา

จะทำธุรกิจซื้อขายเรือประมงจำนวน 3 ลำ โดยผู้ผลิตเรือของบริษัทฝรั่งเศส ลูกค้าเป็นบริษัทรัสเซีย

    ราคาต้นทุน เรือ 38.6 ล้านยูโร

    ขายให้รัสเซีย 40 ล้านยูโร

    กำไรที่จะได้คือ 1.40 ล้านยูโร

    จ่ายค่าคอมให้กับชาวรัสเซีย EUR 600K

    กำไรของบริษัท EUR 800K

อยากถามว่า

ค่าคอมที่ต้องจ่ายให้กับชาวรัสเซียนั้นต้องจ่ายภาษีหรือไหมคะ

วิสัชนา

ตามแนวคำตอบข้อหารือของกรมสรรพากรเลขที่ กค 0702/1799 ลงวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557 กรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจ่ายค่านายหน้าไปต่างประเทศดังนี้

เลขที่หนังสือ : 0702/1799

วันที่ : 26 มีนาคม 2557

เรื่อง : ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กรณีการจ่ายเงินค่านายหน้าไปต่างประเทศ

ข้อกฎหมาย : การจ่ายเงินค่านายหน้าไปต่างประเทศ

ข้อหารือ :

    1. ตัวแทนขายในต่างประเทศประเภทบุคคลธรรมดา และมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย มีสถานประกอบการในประเทศที่มีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับประเทศไทย บริษัทฯ มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย สำหรับค่าตอบแทนการขายหรือไม่ อย่างไร

    2. ตัวแทนขายในต่างประเทศประเภทบุคคลธรรมดา และมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย มีสถานประกอบการในประเทศที่ไม่มีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับประเทศไทย บริษัทฯ มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย สำหรับค่าตอบแทนการขายหรือไม่ อย่างไร

    3. ตัวแทนขายในต่างประเทศประเภทนิติบุคคล และมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย มีสถานประกอบการในประเทศที่มีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับประเทศไทย บริษัทฯ มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย สำหรับค่าตอบแทนการขายหรือไม่ อย่างไร

    4. ตัวแทนขายในต่างประเทศประเภทนิติบุคคล และมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย มีสถานประกอบการในประเทศที่ไม่มีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับประเทศไทย บริษัทฯ มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย สำหรับค่าตอบแทนการขายหรือไม่ อย่างไร

 

แนววินิจฉัย :

    1. กรณีตามข้อ 1 และข้อ 2 บริษัทฯ จ่ายค่านายหน้าในการขายบัตรสมาชิก Thailand Elite ไปต่างประเทศให้กับบุคคลธรรมดาที่อยู่ในต่างประเทศ ค่าตอบแทนจากการทำหน้าที่เป็นตัวแทนขายบัตรสมาชิก Thailand Elite ในต่างประเทศ เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินเนื่องจากหน้าที่งานที่ทำในต่างประเทศ หากปรากฏข้อเท็จจริงว่า บุคคลธรรมดาที่ประกอบกิจการในต่างประเทศ มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทยในปีภาษีที่ได้รับเงินได้พึงประเมิน บุคคลธรรมดาผู้นั้นไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้จากเงินได้พึงประเมินดังกล่าวในประเทศไทยแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินดังกล่าวจึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากรแต่อย่างใด

    2. กรณีตามข้อ 3 บริษัทฯ จ่ายค่านายหน้าในการขายบัตรสมาชิก Thailand Elite ให้แก่นิติบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศซึ่งมีอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับประเทศไทยเงินค่านายหน้าดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นกำไรจากธุรกิจ เมื่อนิติบุคคลดังกล่าวไม่มีสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย ย่อมได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ในประเทศไทย ตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ ประกอบกับมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505 บริษัทฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร

    3. กรณีตามข้อ 4 บริษัทฯ จ่ายค่านายหน้าในการขายบัตรสมาชิก Thailand Elite ให้แก่นิติบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่ในต่างประเทศ และมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย เงินค่านายหน้าดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นเงินได้เนื่องจากการรับทำงานให้ตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงมีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินค่านายหน้าดังกล่าวในอัตราร้อยละ 15 และนำส่งอำเภอท้องที่พร้อมกับการยื่นแบบ ภ.ง.ด. 54 ภายในเจ็ดวันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร



 

เลขตู้ : 77/38981

https://www.rd.go.th/52541.html


ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า

1. กรณีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

    กรณีบริษัทฯ จ่ายค่านายหน้าในการขายเรือไปยังต่างประเทศ ให้กับบุคคลธรรมดาที่อยู่ในประเทศรัสเซีย ค่าตอบแทนจากการทำหน้าที่เป็นตัวแทนขายเรือ ในต่างประเทศ เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินเนื่องจากหน้าที่งานที่ทำในต่างประเทศ หากปรากฏข้อเท็จจริงว่า บุคคลธรรมดาที่ประกอบกิจการในต่างประเทศ มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทยในปีภาษีที่ได้รับเงินได้พึงประเมิน บุคคลธรรมดาผู้นั้นไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้จากเงินได้พึงประเมินดังกล่าวในประเทศไทยแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินดังกล่าวจึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากรแต่อย่างใด


2. กรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม

    กรณีบริษัทฯ ผู้ว่าจ้างจ่ายค่านายหน้าให้ผู้รับจ้างฯ ในประเทศรัสเซีย เพื่อหาลูกค้าในประเทศรัสเซีย เข้าลักษณะเป็นการจ่ายค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการนอกราชอาณาจักร เนื่องจากการให้บริการในต่างประเทศ ผู้ว่าจ้างฯ ไม่มีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/6 แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด (อนุโลมตามหนังสือตอบข้อหารือของกรมสรรพรกรเลขที่หนังสือ กค 0702/5807 ลงวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เลขตู้ 73/37436)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์


เรื่อง

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการจ่ายเงินไปต่างประเทศ

แหล่งที่มา

ข้อหารือ กรมสรรพากร

วันที่

17/10/2007

เลขที่หนังสือ

กค 0706/10491

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย

ข้อกฎหมาย

มาตรา 77/2 มาตรา 85/6(2) มาตรา 41 มาตรา 80/1(2) มาตรา 70 มาตรา 80 มาตรา 40(8) มาตรา 40(2) และมาตรา 50(1) แห่งประมวลรัษฎากร

ข้อหารือ

     1. บริษัท ด. ประกอบกิจการเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เมื่อลูกค้าของบริษัทฯ ได้ว่าจ้างบริษัทฯ ทำกราฟฟิกดีไซน์ พัฒนาโปรแกรมซอฟท์แวร์ ทำการตกลงเกี่ยวกับการบริการและขอบเขตการดำเนินงานตลอดจนราคาแล้ว บริษัทฯ จะติดต่อผู้รับจ้างซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลในประเทศอินเดียให้ดำเนินการอีกทอดหนึ่ง หลังจากที่ผู้รับจ้างทำงานเสร็จและส่งมอบงานแล้ว บริษัทฯ จะส่งมอบงานให้ลูกค้าและเรียกเก็บเงินต่อไปโดยผู้รับจ้างไม่มีลิขสิทธิ์ในงานที่ทำ จึงขอทราบว่า
     
   1.1 การจ่ายเงินค่าจ้างให้กับผู้รับจ้างซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลในประเทศอินเดียนั้นจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่
        1.2 กรณีบริษัทฯส่งงานดังกล่าวให้กับลูกค้าในต่างประเทศโดยลูกค้าจะได้รับลิขสิทธิ์เต็มตลอดจน ซอร์สโคด (Source Code) ในโปรแกรมดังกล่าว
ค่าบริการที่บริษัทฯ ได้รับจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่
2. การชำระค่าโฆษณาและการรับชำระค่าโฆษณา กรณีลูกค้าอยู่ประเทศไอร์แลนด์
        2.1 ในทุก ๆ เดือน บริษัทฯ จะชำระค่าโฆษณาใน Search engine ให้กับ บริษัท G. ในประเทศไอร์แลนด์
บริษัทฯ จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่
        2.2 บริษัทฯ ได้ให้ G. ใช้พื้นที่ Website บางส่วนของบริษัทฯ
ในการโฆษณา จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่
      3. บริษัทฯ ได้ซื้อ License Keys และ Support Contracts จากบริษัท ล. โดยบริษัทฯ จะไม่ได้รับลิขสิทธิ์ใน โปรแกรมนี้ นอกจากการมีสิทธิในการขายให้กับลูกค้าเท่านั้น กรณีของSupport Contracts นั้น ในปีแรกไม่มีค่าบริการ ในปีถัดไปหากลูกค้าไม่ซื้อ Support Contracts ลูกค้าจะไม่ได้รับบริการใด ๆ เช่น ไม่มีสิทธิในการอัพเกรดโปรแกรม แต่ลูกค้ายังคงใช้โปรแกรมเก่าที่มีอยู่ต่อไปได้ การจ่ายค่า License Keys ให้กับบริษัท ล. จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย และเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ ส่วนค่าบริการ Support Contracts นั้น บริษัท ล. ตกลงให้บริษัทฯ หักภาษี ณ ที่จ่ายจากใบแจ้งหนี้ก่อนที่บริษัทฯ จะชำระเงิน
จึงขอทราบอัตราการหักภาษี ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่มตลอดจนวิธีคำนวณภาษี
      4. บริษัทฯ เช่าเครื่องเครือข่ายเว็บ (Web Server) จากบริษัท ร. ประเทศอเมริกาและในบางกรณีลูกค้าต้องการเอกสารที่ยืนยันการใช้เครือข่ายนี้ จึงจำเป็นต้องซื้อ SSL Certificates ด้วยเพื่อนำมาจำหน่ายให้กับลูกค้าของบริษัทฯ ที่ต้องการ (SSL Certificates มีอายุ 1 ปี)
จึงขอทราบว่า จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ อัตราใด
      5. บริษัทฯ ได้วางเงินล่วงหน้าไว้จำนวนหนึ่งให้แก่ T ประเทศแคนาดา เพื่อชำระค่าโดเมน บริษัทฯ จะติดต่อขอซื้อไปยัง T โดย T จะหักเงินที่บริษัทฯ ได้วางไว้ล่วงหน้านั้นตามจำนวนที่ลูกค้าซื้อ (โดเมนจะต้องต่ออายุทุกปี)
จึงขอทราบว่า อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่มในการซื้อโดเมน
      6. บริษัทฯ ได้จ่ายเงินค่าบริการให้กับบุคคลหรือนิติบุคคลในฮ่องกงสำหรับการจัดการวางแผนทางการตลาดจัดการในการขายสินค้า หรือบริการที่บริษัทฯ ได้โฆษณาในเว็บไซต์
จึงขอทราบอัตราภาษีหัก ณที่จ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่ม
      7. บริษัทฯ จ้างคนไทยและหรือคนต่างชาติทำงานโดยงานที่ทำและการจ่ายเงินจะมีลักษณะเป็นเรื่อง ๆ ไป ประเภทของงานจะเปลี่ยนแปลงไปไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับงานในช่วงนั้น ๆ ไม่มีกฎระเบียบเวลาทำงาน หรือรูปแบบในการทำงานและบริษัทฯ จ่ายเงินให้แก่คนไทยและหรือคนต่างชาติเป็นค่านายหน้าจากการขาย
จึงขอทราบว่า จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราใด

แนววินิจฉัย

     1. กรณีตาม 1. มีภาระภาษีหัก ณ ที่จ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่มดังนี้
 
       1.1 ลูกค้าของบริษัทฯ ได้ว่าจ้างให้บริษัทฯ ทำกราฟฟิกดีไซน์ หมายถึงการออกแบบรูปภาพด้วยการใช้โปรแกรมทางด้านกราฟฟิก และพัฒนาโปรแกรมซอฟท์แวร์ หมายถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ บริษัทฯ จะติดต่อบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในประเทศอินเดียให้ดำเนินการอีกทอดหนึ่งเมื่อทำงานเสร็จและส่งให้บริษัทฯ ก็จะส่งงานให้กับลูกค้าโดยที่ผู้รับจ้างไม่มีสิทธิในงานที่ทำกรณีดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการให้บริการรับจ้างทำของ ถือเป็นการให้บริการที่ทำในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรจึงอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้จ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้รับจ้างทำของมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่ต้องเสียภาษี ทั้งนี้ ตามมาตรา 77/2 และมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร
 
       1.2 กรณีบริษัทฯ ว่าจ้างนิติบุคคลในประเทศอินเดียให้ทำกราฟฟิกดีไซน์ และพัฒนาโปรแกรมซอฟท์แวร์ การจ่ายค่าตอบแทนในการให้บริการดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นกำไรจากธุรกิจหากนิติบุคคลนั้นไม่มีสถานจัดการ สาขา สำนักงานในประเทศไทยก็ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทยจากค่าตอบแทนที่ได้รับ
 
       ทั้งนี้ ตามข้อ 7 วรรคหนึ่ง แห่งอนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดียฯ และมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 18) พ.ศ.2505 บริษัทฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและนำส่งกรมสรรพากรแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่บริษัทฯ ว่าจ้างบุคคลธรรมดา ค่าตอบแทนในการให้บริการดังกล่าวไม่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมิน เนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในประเทศไทยหรือเนื่องจากกิจการของนายจ้างในประเทศไทย ตามมาตรา 41 วรรคแรก แห่งประมวลรัษฎากร เพราะสัญญารับทำงานให้ของบุคคลธรรมดาชาวต่างประเทศมิใช่สัญญา จ้างแรงงานซึ่งมีความสัมพันธ์ระหว่างกันในฐานะนายจ้างและลูกจ้าง แต่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินเนื่องจากหน้าที่งานที่ทำในต่างประเทศ หากปรากฏข้อเท็จจริงว่า บุคคลธรรมดาชาวต่างประเทศ ได้พำนักอยู่ในประเทศอินเดีย มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทยในปีภาษีที่ได้รับเงินได้พึงประเมินบุคคลธรรมดาชาวต่างประเทศ จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสีย ภาษีเงินได้จากเงินได้พึงประเมินดังกล่าวในประเทศไทยแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตามมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินดังกล่าวจึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและไม่มีประเด็นพิจารณาว่า เป็นผู้อยู่ในประเทศซึ่งลงนามอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้ำซ้อนกับประเทศไทยหรือไม่แต่อย่างใด
 
       1.3 กรณีลูกค้าในต่างประเทศจ้างบริษัทฯ ให้ทำกราฟฟิกดีไซน์ และพัฒนาโปรแกรมซอฟท์แวร์ ซึ่งบริษัทฯ ได้ติดต่อบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในประเทศอินเดียให้ดำเนินการอีกทอดหนึ่ง เมื่อทำงานเสร็จและ ส่งให้บริษัทฯ ก็จะส่งงานให้กับลูกค้าในต่างประเทศโดยลูกค้าจะได้รับลิขสิทธิ์เต็มตลอดจนซอร์สโคด ในโปรแกรมดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นการรับจ้างทำของให้กับผู้ประกอบการในต่างประเทศ โดยบริษัทฯ กระทำกิจการอันเป็นสาระสำคัญของการรับจ้างทำของในประเทศไทย และได้ส่งผลของการให้บริการรับจ้างทำของไปใช้ในต่างประเทศทั้งหมด หากการรับจ้างดังกล่าวมีหลักฐานเป็นหนังสือ บริษัทฯ จะได้รับสิทธิในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1(2) แห่งประมวลรัษฎากรประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 105)ฯ ลงวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2543
 
     2. กรณีตาม 2. การชำระค่าโฆษณาและรับชำระค่าโฆษณา มีภาระภาษีหัก ณ ที่จ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่มดังนี้
 
       2.1 กรณีตามข้อ 2.1 บริษัทฯ จ่ายค่าโฆษณาใน Search engine ซึ่งเป็นเครื่องมือในการสืบค้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ตให้กับ G. ในประเทศไอร์แลนด์ เป็นกรณีที่ G. ลงโฆษณาให้กับบริษัทฯ ใน Search engine ซึ่งเป็นการให้บริการในต่างประเทศค่าตอบแทนกรณีการให้บริการดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใดไม่ว่าผู้ให้บริการในต่างประเทศจะอยู่ในประเทศที่มีข้อตกลงว่าด้วยการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับประเทศไทยหรือไม่ และหากการลงโฆษณาดังกล่าวบริษัทฯ ได้นำผลจากการโฆษณามาใช้ย่อมเข้าลักษณะเป็นการให้บริการที่ทำในต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร จึงอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้จ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้ให้บริการมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่ต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 7.0 ทั้งนี้ ตามมาตรา 77/2 และมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร
 
       2.2 กรณีตามข้อ 2.2 กรณีบริษัทฯ ให้ G. ใช้พื้นที่ Website บางส่วนของบริษัทฯ เพื่อโฆษณาตามข้อเท็จจริงเข้าลักษณะเป็นการให้บริการอันถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด และกรณีการใช้พื้นที่ Website บางส่วนของบริษัทฯ เพื่อโฆษณา ซึ่งลูกค้าในประเทศไทยอาจใช้บริการเปิดข้อมูลเว็บไซต์จากการโฆษณานั้นได้จึงไม่เข้าลักษณะเป็นการให้บริการในราชอาณาจักรแก่ผู้รับบริการในต่างประเทศ และได้ส่งผลของการให้บริการนั้นไปใช้ในต่างประเทศทั้งหมดแต่ถือเป็นการให้บริการที่กระทำในราชอาณาจักร ซึ่งอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2(1) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 105)ฯ ลงวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2543
 
     3. กรณีตาม 3. บริษัทฯ จ่ายค่า License Keys ซึ่งเป็นตัวเลขลิขสิทธิ์ของซอฟท์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ใช้สำหรับแพคเกจ ซอฟท์แวร์ "Info At Hand" ให้กับบริษัท ล. จากประเทศแคนาดาโดยที่บริษัทฯ จะไม่ได้รับลิขสิทธิ์ใน โปรแกรมนี้นอกจากการมีสิทธิในการขายให้กับลูกค้าเท่านั้นเป็นการได้สิทธิในการใช้โปรแกรมจากบริษัท ล. เพื่อนำมาหาประโยชน์กับลูกค้าของบริษัทฯ เข้าลักษณะเป็นค่าสิทธิตามมาตรา 40(3) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีหน้าที่หักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้ที่จ่ายให้แก่ บริษัท ล. ตาม มาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 12 ของอนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับประเทศแคนาดาฯ และการจ่ายค่าตอบแทนให้กับบริษัท ล. เข้าลักษณะเป็นการจ่ายค่าบริการให้กับผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร
 
     กรณีการให้บริการ Support Contracts หมายถึงสัญญาการให้การสนับสนุนทางด้านเทคนิค เช่น การอัพเกรดโปรแกรม หากลูกค้าไม่ซื้อบริการดังกล่าวก็ยังสามารถใช้โปรแกรมเก่าต่อไปได้ การจ่ายค่าตอบแทนให้กับบริษัท ล.ในการให้บริการดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นกำไรจากธุรกิจ หากบริษัท ล.ไม่มีสถานจัดการ สาขา สำนักงานในประเทศไทย จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทยจากค่าตอบแทนที่ได้รับตาม มาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 7 แห่งอนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับประเทศแคนาดาฯ ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505 และกรณีการให้บริการดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นการให้บริการในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรจึงอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ผู้จ่ายค่าตอบแทนมีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ตามมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร
 
     4. กรณีตาม 4. บริษัทฯ เช่าเครื่องเครือข่ายเว็บ (Web Server) ซึ่งใช้เก็บเว็บไซด์และซื้อ SSL Certificates ซึ่งเป็นไฟล์พิเศษที่ติดตั้งไว้ในเครื่องเครือข่ายในการช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบได้ว่ากำลังเชื่อมต่ออยู่กับ เครื่องเครือข่ายที่ถูกต้อง จากบริษัท ร. ประเทศสหรัฐอเมริกา อันมีลักษณะการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการ ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และมีการลงทุนค่อนข้างสูง เมื่อบริษัทฯ ชำระค่าตอบแทนดังกล่าวให้กับบริษัท ร. จึงเข้าลักษณะเป็นการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ผู้จ่ายเงินได้ไม่มีหน้าที่หักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร และการให้บริการดังกล่าวมี ลักษณะเป็นการให้บริการซึ่งผู้ประกอบการได้ให้บริการในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรเมื่อบริษัทฯ ชำระค่าบริการไปต่างประเทศ บริษัทฯ มีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ที่ผู้ประกอบการต่างประเทศมีหน้าที่ต้องเสียตามมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร
 
     5. กรณีตาม 5. บริษัทฯ ซื้อโดเมน ซึ่งใช้ระบุเป็นชื่อของเว็บไซด์หนึ่งๆ และไม่สามารถใช้ซ้ำกันได้ จาก T ประเทศแคนาดา การให้บริการดังกล่าวมีลักษณะเป็นการให้บริการซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และมีการลงทุนค่อนข้างสูง เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อบริษัทฯ ชำระค่าตอบแทนให้กับ T จึงไม่มีหน้าที่หักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด และการให้บริการดังกล่าวมีลักษณะเป็นการบริการซึ่งผู้ประกอบการได้ให้บริการในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร เมื่อบริษัทฯ ชำระค่าบริการไปต่างประเทศ บริษัทฯ มีหน้าที่นำส่งภาษี มูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ที่ผู้ประกอบการต่างประเทศมีหน้าที่ต้องเสีย ตามมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร
 
     6. กรณีตาม 6. บริษัทฯ จ่ายเงินค่าจัดการวางแผนทางการตลาด จัดการในการขายสินค้าหรือบริการที่โฆษณาในเว็บไซต์ ให้กับบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงฯ หากการให้บริการดังกล่าวไม่มีการให้ข้อมูลใดๆ ที่เป็นการให้เทคโนโลยีหรือข้อสนเทศเกี่ยวกับประสบการณ์ทางพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรม หรือทางวิทยาศาสตร์ เข้าลักษณะเป็นกำไรจากธุรกิจ ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ ชำระค่าบริการให้กับนิติบุคคลในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงฯ ซึ่งไม่มีสถานประกอบการถาวรในประเทศไทยจึงไม่มีหน้าที่หักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่าย ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 7 แห่งความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยง รัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ และมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505 แต่การชำระค่าบริการในกรณีดังกล่าวเป็นการจ่ายค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการในต่างประเทศ และ ได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร บริษัทฯ จึงมีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ตามมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร
 
     สำหรับการชำระค่าบริการให้กับบุคคลธรรมดา ค่าตอบแทนในการให้บริการดังกล่าวไม่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินเนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในประเทศไทยหรือเนื่องจากกิจการของนายจ้างในประเทศไทย ตามมาตรา 41 วรรคแรก แห่งประมวลรัษฎากรแต่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินเนื่องจากหน้าที่งานที่ทำในต่างประเทศ หากปรากฏข้อเท็จจริงว่า บุคคลธรรมดาชาวต่างประเทศซึ่งพำนักอยู่ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงฯ มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทยในปีภาษีที่ได้รับเงินได้พึงประเมินบุคคลธรรมดาชาวต่างประเทศดังกล่าว จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้จากเงินได้พึงประเมินดังกล่าวในประเทศไทยแต่อย่างใด ตามมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินดังกล่าวจึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย
 
     7. กรณีตาม 7. กรณีบริษัทฯ จ้างคนไทยและหรือคนต่างชาติให้ทำงานโดยงานที่ทำและการจ่ายเงินจะมีลักษณะเป็นรายๆ ไปรวมทั้งประเภทของงานจะเปลี่ยนแปลงไปไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับงานในช่วงนั้นๆ ไม่มีกฎระเบียบ เวลาทำงานหรือรูปแบบในการทำงาน และกรณีค่านายหน้าเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินจากการรับทำงานให้ตามมาตรา 40(2) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้จ่ายเงินได้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50(1) แห่งประมวลรัษฎากร และหากเป็นการจ่ายค่านายหน้าให้ชาวต่างชาติซึ่งเป็นบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่ในต่างประเทศและมีอนุสัญญาหรือ ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับประเทศไทยแล้ว ค่านายหน้าถือเป็นกำไรจากธุรกิจเมื่อไม่มีสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย จึงได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ในประเทศไทย ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505 บริษัทฯ ผู้จ่ายเงินได้ไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณที่จ่าย แต่อย่างใด

เลขตู้

70/35377


หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น  กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง 


หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ