Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

โรงเรียนขายสินค้าให้นักเรียน ครู ผู้ปกครอง ต้องเสีย VAT หรือไม่ / ร้านอาหาร (ขายนักเรียน/ครู) มาเช่าพื้นที่ในโรงเรียนเพื่อขายอาหาร
เรื่อง | โรงเรียนขายสินค้าให้นักเรียน ครู ผู้ปกครอง ต้องเสีย VAT หรือไม่ / ร้านอาหาร (ขายนักเรียน/ครู) มาเช่าพื้นที่ในโรงเรียนเพื่อขายอาหาร |
แหล่งที่มา | Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ |
วันที่ | วันที่ถาม 20/11/2023 - วันที่ตอบ 28/12/2023 |
ประเภทภาษี | ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม |
ข้อกฎหมาย | มาตรา 42 (17) แห่งประมวลรัษฎากร, มาตรา 81 (1)(ต) แห่งประมวลรัษฎากร |
ปุจฉา | ลูกชายเป็นที่ปรึกษากฎหมายโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน มีคำถามว่า ร.ร.เอกชน ต้องเสีย VAT ในกรณีการขายสินค้าให้นักเรียนครูผู้ปกครองหรือไม่ และหากมีร้านอาหาร (ขายนักเรียน/ครู) มาเปิดโรงเรียนต้องเก็บ VAT หรือไม่ |
วิสัชนา | 1. ตามมาตรา 42 (17) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับ “มาตรา 42 เงินได้พึงประเมินประเภทต่อไปนี้ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ (17) เงินได้ตามที่จะได้กำหนดยกเว้นโดยกฎกระทรวง อาศัยอำนาจตามมาตรา 4 และมาตรา 42 (17) แห่งประมวลรัษฎากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 307 (พ.ศ. 2558) ใช้บังคับ 11 กรกฎาคม 2558 เป็นต้นไป ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้จากกิจการโรงเรียนเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึงเงินได้จากกิจการโรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวิชาที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน ดังนี้ “ข้อ 2 ให้กำหนดเงินได้ต่อไปนี้เป็นเงินได้ตาม (17) ของมาตรา 42 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 (1) เงินได้จากกิจการโรงเรียนเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึงเงินได้จากกิจการโรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวิชาที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน ทั้งนี้ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันถัดจากวันที่กฎกระทรวงนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป" 2. ตามมาตรา 3 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 284) พ.ศ. 2538 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกา ฉบับที่ 588 (พ.ศ. 2558) ใช้บังคับวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป ได้กำหนดยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จากกิจการโรงเรียนเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน หรือกิจการสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน แต่ไม่รวมถึงกำไรสุทธิที่ได้จากกิจการโรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวิชาที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน ดังนี้ “มาตรา 3 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ดังต่อไปนี้ (1) กำไรสุทธิที่ได้จากกิจการโรงเรียนเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน หรือกิจการสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน แต่ไม่รวมถึงกำไรสุทธิที่ได้จากกิจการโรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวิชาที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน (2) เงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่ได้จากกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตาม (1)” 3. ตามมาตรา 5 นว แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2500 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 589) พ.ศ. 2558 ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป ได้กำหหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล “มาตรา 5 นว ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่มูลนิธิหรือสมาคม เฉพาะเงินได้ที่ได้รับจากกิจการโรงเรียนเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึงเงินได้ที่ได้รับจากกิจการโรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวิชาที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน” 4. ตามหนังสือตอบข้อหารือของกรมสรรพากรเลขที่ กค 0702/1472 ลงวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2551 กรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับรายได้ของกิจการโรงเรียนเอกชน ดังนี้ เลขที่หนังสือ : กค 0702/1472 วันที่ : 10 เมษายน 2551 เรื่อง : ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการประกอบกิจการโรงเรียนเอกชน ข้อกฎหมาย : มาตรา 3 มาตรา 77/1 (8)(10) และมาตรา 81 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ข้อหารือ : บริษัทฯ ประกอบกิจการโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน บริษัทฯ มีรายได้ จากการประกอบกิจการดังนี้ 1. รายได้จากเงินบริจาคที่ได้รับจากบุคคลธรรมดา องค์กร หรือบริษัทเอกชนต่าง ๆ ซึ่งโรงเรียน จะนำเงินไปใช้ในกิจการที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่นักเรียน 2. ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่โรงเรียนได้รับจากธนาคารพาณิชย์ หรือสถาบันการเงิน 3. รายได้จากการสอนผ่าน VDO Conference ให้แก่นักเรียนของโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล 4. รายได้จากการให้บุคคลภายนอกเช่าพื้นที่ในโรงเรียนเพื่อขายอาหาร เปิดร้าน ถ่ายเอกสาร และวางตู้ ATM 5. รายได้จากการขายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ให้แก่นักเรียนของโรงเรียน 6. รายได้จากการขายเศษซากวัสดุเหลือใช้ของโรงเรียน บริษัทฯ ขอทราบว่า รายได้ของบริษัทฯ ข้างต้น จะได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และ ภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วย การยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 284) พ.ศ. 2538 หรือไม่ อย่างไร และในกรณีที่บริษัทฯ มีรายได้ทั้งที่ ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล บริษัทฯ จะต้องคำนวณ กำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลอย่างไร แนววินิจฉัย : 1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิ ที่ได้จากการประกอบกิจการโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน จะต้องมิได้ประกอบกิจการ อื่นนอกจากกิจการโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน ตามมาตรา 3 วรรคสองแห่ง พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 284) พ.ศ. 2538 ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ มีเงินได้จากการประกอบกิจการให้เช่าพื้นที่ในโรงเรียนเพื่อขายอาหาร เปิด ร้านถ่ายเอกสาร และวางตู้ ATM ด้วย จึงไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 3 แห่ง พระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว บริษัทฯ จึงต้องนำเงินได้จากการประกอบการของบริษัทฯ ทุกประเภท มารวมคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล 2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม 2.1 กรณีที่บริษัทฯ มีรายได้จากเงินบริจาคที่ได้รับจากบุคคลธรรมดา องค์กร หรือบริษัทเอกชน ต่าง ๆ หากบริษัทฯ ไม่มีข้อผูกพันที่ต้องทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้กับผู้บริจาค เงินบริจาคดังกล่าวไม่ใช่ ค่าตอบแทนอันเกิดจากการขายสินค้าหรือให้บริการ และไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 2.2 กรณีที่บริษัทฯ มีรายได้จากดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ดอกเบี้ยดังกล่าว ไม่อยู่ในบังคับต้อง เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/1 (10)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร 2.3 กรณีที่บริษัทฯ มีรายได้จากการสอนผ่าน VDO Conference ให้แก่นักเรียนของโรงเรียน ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล เข้าลักษณะเป็นการให้บริการการศึกษาของโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วย โรงเรียนเอกชน รายได้ที่ได้จากการประกอบกิจการ ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (1)(ช) แห่งประมวลรัษฎากร 2.4 กรณีที่บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บุคคลภายนอกเช่าพื้นที่ในโรงเรียนเพื่อขายอาหาร เปิดร้านถ่ายเอกสาร และวางตู้ ATM หากบริษัทฯ ได้ส่งมอบการครอบครองพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ เข้า ลักษณะเป็นการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (1)(ต) แห่งประมวลรัษฎากร 2.5 กรณีที่บริษัทฯ มีรายได้จากการขายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา หากไม่ใช่เป็นการ จำหน่ายหนังสือหรือตำราเรียน เข้าลักษณะเป็นการขายสินค้า ซึ่งอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/1 แห่งประมวลรัษฎากร 2.6 กรณีที่บริษัทฯ มีรายได้จากการขายเศษซากวัสดุเหลือใช้ของโรงเรียน เข้าลักษณะเป็น การขายสินค้า ซึ่งอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/1 แห่งประมวลรัษฎากร เลขตู้ : 71/35784 ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า 1. กรณีโรงเรียนเอกชนมีรายได้จากการขายสินค้าให้นักเรียนครูผู้ปกครอง ผู้ประกอบกิจการโรงเรียนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรันรายได้ดังกล่าว แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นกรณีรายได้จากการประกอบกิจการโรงเรียนเอกชน 2. กรณีมีร้านอาหาร (ขายนักเรียน/ครู) มาเช่าพื้นที่ในโรงเรียนเพื่อขายอาหาร โรงเรียนไม่มีหน้าที่ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เนื่องจากการให้เช่าพื้นที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81 (1)(ต) แห่งประมวลรัษฎากร ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ |