Case study

สวัสดิการพนักงาน ค่าอาหารที่บริษัทจัดเตรียมให้พนักงานระหว่างปฎิบัติงาน


เรื่อง สวัสดิการพนักงาน ค่าอาหารที่บริษัทจัดเตรียมให้พนักงานระหว่างปฎิบัติงาน
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 20/01/2025
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา,ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย
คำถาม

บริษัทได้จัดเตรียมอาหารให้พนักงานรับประทาน  โดยบริษัทจะจ่ายเงินให้กับแม่ครัวที่มาทำอาหารซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา ด้วยยอดเหมาจ่าย บวกด้วยยอดผันแปรต่อหัว เช่น 

ยอดเหมาจ่าย 35,000 บาทต่อเดือน 

บวกด้วย 30 บาทต่อหัวคูณจำนวนพนักงานที่มารับประทานอาหารจริง

คำถาม ภาระภาษีที่เกี่ยวข้องกับค่าอาหารที่บริษัทจัดเตรียมให้พนักงาน ระหว่างปฎิบัติงาน 

คำตอบ

ภาษีเงินได้นิติบุคคล (CIT)

ค่าอาหารนี้เกี่ยวข้องกับสวัสดิการที่ทางบริษัทให้กับพนักงาน  มีมูลค่าที่ไม่สูงเกินควร เป็นการเลี้ยงอาหาร ระหว่างการปฏิบัติงาน และไม่เข้าลักษณะรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (3)(9)(13)(18) บริษัทสามารถรับรู้เป็นรายจ่ายทางภาษีได้  เป็นรายจ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ในรอบระยะเวลาบัญชีที่พนักงานรับประทานอาหารตามเกณฑ์สิทธิมาตรา 65 วรรคท้าย

มาตรา 65 ตรีรายการต่อไปนี้ ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ

“(3) รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว การให้โดยเสน่หา หรือการกุศล เว้นแต่..

(6 ทวิ) ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระหรือพึงชำระ และภาษีซื้อของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน เว้นแต่ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีซื้อของผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งต้องเสียภาษีตามมาตรา 82/16 ภาษีซื้อที่ต้องห้ามนำมาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/5 (4) หรือภาษีซื้ออื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา

 (9) รายจ่ายซึ่งกำหนดขึ้นเองโดยไม่มีการจ่ายจริง หรือรายจ่ายซึ่งควรจะได้จ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีอื่น เว้นแต่ในกรณีที่ไม่สามารถจะลงจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีใดก็อาจลงจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีที่ถัดไปได้

(13) รายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ

(18) รายจ่ายซึ่งผู้จ่ายพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้รับ


มาตรา 65  เงินได้ที่ต้องเสียภาษีตามความในส่วนนี้คือกำไรสุทธิซึ่งคำนวณได้จากรายได้จากกิจการ หรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีหักด้วยรายจ่ายตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี และรอบระยะเวลาบัญชีดังกล่าวให้มีกำหนดสิบสองเดือน เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้จะน้อยกว่าสิบสองเดือนก็ได้ คือ
(ก) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเริ่มตั้งใหม่จะถือวันเริ่มตั้งถึงวันหนึ่งวันใดเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรกก็ได้
(ข) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอาจยื่นคำร้องต่ออธิบดีขอเปลี่ยนวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ในกรณีเช่นว่านี้ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาต สุดแต่จะเห็นสมควร คำสั่งเช่นว่านั้นต้องแจ้งให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้ยื่นคำร้องทราบภายในเวลาอันสมควร และในกรณีที่อธิบดีสั่งอนุญาต ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีกำหนด
การคำนวณรายได้และรายจ่ายตามวรรคหนึ่งให้ใช้เกณฑ์สิทธิ โดยให้นำรายได้ที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีใด แม้ว่าจะยังไม่ได้รับชำระในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นมารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น และให้นำรายจ่ายทั้งสิ้นที่เกี่ยวกับรายได้นั้นแม้จะยังมิได้จ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นมารวมคำนวณเป็นรายจ่ายของรอบระยะเวลาบัญชีนั้น
             ในกรณีจำเป็น ผู้มีเงินได้จะขออนุมัติต่ออธิบดีเพื่อเปลี่ยนแปลงเกณฑ์สิทธิ และวิธีการทางบัญชีเพื่อคำนวณรายได้และรายจ่ายตามวรรคสองก็ได้ และเมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดีแล้ว ให้ถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป


ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

การมอบสวัสดิการค่าอาหารให้พนักงานรับประทานนั้น 

โดยหลัก ถือเป็นการขายสินค้า ตามมาตรา 77/1(8)(9)  แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทจะต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา  77/2 (1)แห่งประมวลรัษฎากร   

แต่มีกฏหมายประกาศยกเว้นไว้ ในประกาศอธิบดีเกี่ยวกับภาษีมูลคต่าเพิ่มฉบับที่ 40 ข้อ 2(8) ดังนั้น บริษัทจึง ไม่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม

มาตรา 77/1 ในหมวดนี้ เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น

(8) " ขาย " หมายความว่า จำหน่าย จ่าย โอนสินค้า ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือค่าตอบแทนหรือไม่ และให้หมายความรวมถึง

“(9) “สินค้า” หมายความว่า ทรัพย์สินที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่างที่อาจมีราคาและถือเอาได้ไม่ว่าจะมีไว้เพื่อขาย เพื่อใช้ หรือเพื่อการใด ๆ และให้หมายความรวมถึงสิ่งของทุกชนิดที่นำเข้า แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด”

มาตรา 77/2 การกระทำกิจการดังต่อไปนี้ในราชอาณาจักรให้อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามบทบัญญัติในหมวดนี้
             (1) การขายสินค้าหรือการให้บริการโดยผู้ประกอบการ


ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 40)

เรื่อง    กำหนดลักษณะ และเงื่อนไข ค่าตอบแทนที่ไม่ต้องนำมารวมคำนวณมูลค่าของฐานภาษี ตามมาตรา 79(4) แห่งประมวลรัษฎากร


ข้อ 2ค่าตอบแทนที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการขายสินค้าหรือการให้บริการดังต่อไปนี้ ไม่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษี

 "(8) มูลค่าของอาหารและเครื่องดื่มที่นายจ้างจัดหาให้กับพนักงานหรือลูกจ้างในระหว่างเวลาปฏิบัติงาน ตามระเบียบเกี่ยวกับสวัสดิการของพนักงานหรือลูกจ้าง โดยมูลค่าของอาหารและเครื่องดื่มดังกล่าวต้องมีราคาไม่เกินสมควร"



ภาษีหัก ณ ที่จ่าย  (WHT) & ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา(PIT)

การมอบสวัสดิการค่าอาหารให้พนักงานรับประทานนั้น   ถือเป็นประโยชน์ส่วนเพิ่มของพนักงาน จึงถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1)   แห่งประมวลรัษฎากร  บริษัทจะต้องนำมารวมคำนวณเป็นเงินได้ของพนักงานเพื่อหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50(1) แห่งประมวลรัษฎากร  โดยคำนวณต่อราย   มีพนักงาน 100 คน  (ตัวอย่าง นาย ก มาทำงาน 20 วัน  นาย ก มีเงินได้  350+600 = 950 บาท/เดือน)  ประกอบด้วย

  • ยอดเหมาจ่าย 35,000 / 100 = 350 บาท
  • ยอดต่อหัว 30 บาท * วันที่ทำงานจริง  = 600 บาท


มาตรา 40   เงินได้พึงประเมินนั้น คือเงินได้ประเภทต่อไปนี้ รวมตลอดถึงเงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้สำหรับเงินได้ประเภทต่าง ๆ ดังกล่าว ไม่ว่าในทอดใด
 
        (1) เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงานไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ เงินค่าเช่าบ้าน เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่นายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินที่นายจ้างจ่ายชำระหนี้ใดๆ ซึ่งลูกจ้างมีหน้าที่ต้องชำระ และเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน


มาตรา 50 ให้บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 หักภาษีเงินได้ไว้ทุกคราวที่จ่ายเงินได้พึงประเมินตามวิธีดังต่อไปนี้
         
(1) ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ (2) ให้คูณเงินได้พึงประเมินที่จ่ายด้วยจำนวนคราวที่จะต้องจ่าย เพื่อให้ได้จำนวนเงินเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี แล้วคำนวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48 เป็นเงินภาษีทั้งสิ้นเท่าใดให้หารด้วยจำนวนคราวที่จะต้องจ่าย ได้ผลลัพธ์เป็นเงินเท่าใดให้หักเป็นเงินภาษีไว้เท่านั้น
 
         ถ้าการหารด้วยจำนวนคราวที่จะต้องจ่ายตามความในวรรคก่อนไม่ลงตัว เหลือเศษเท่าใดให้เพิ่มเงินเท่าจำนวนที่เหลือเศษนั้นรวมเข้ากับเงินภาษีที่จะต้องหักไว้ครั้งสุดท้ายในปีนั้น เพื่อให้ยอดเงินภาษีที่หักรวมทั้งปีเท่าจำนวนภาษีที่จะต้องเสียทั้งปี  

ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ (2) ซึ่งเป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน ซึ่งได้คำนวณจ่ายจากระยะเวลาที่ทำงาน และได้จ่ายตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด ให้คำนวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48(5) เป็นเงินภาษีทั้งสิ้นเท่าใดให้หักเป็นเงินภาษีไว้เท่านั้น
           ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2) นอกจากที่ระบุไว้ในวรรคสาม ที่จ่ายให้แก่ผู้รับซึ่งมิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย ให้คำนวณหักในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้
  


หมายเหตุ   บริษัทหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งด้วยแบบ ภ.ง.ด.1   ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ของปีถัดจากปีภาษี บริษัทมีหน้าที่ต้องออก หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) ให้กับพนักงาน โดยรวมมูลค่าอาหารเข้ากับเงินได้ประจำปีอื่นๆ และ พนักงานต้องนำไปยื่นภาษีของตนในแบบ ภ.ง.ด.91 ด้วยเช่นกัน    


มาตรา 50 ทวิให้ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายที่ได้หักไว้แล้วในปีภาษีให้แก่ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายสองฉบับ มีข้อความตรงกันในกรณีและตามกำหนดเวลาดังต่อไปนี้

         (1) ในกรณีตามมาตรา 3 เตรส ให้ออกในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย
 
         (2) ในกรณีตามมาตรา 50(1) ให้ออกภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ของปีถัดจากปีภาษี หรือภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายออกจากงานในระหว่างปีภาษี
 
          (3) ในกรณีตามมาตรา 50(2) (3) หรือ (4) ให้ออกในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย
หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายให้ใช้ตามแบบที่อธิบดีกำหนด
     อธิบดีมีอำนาจยกเว้นการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ในกรณีที่เห็นสมควร  



อ้างอิง


เรื่อง

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีประโยชน์เพิ่มของพนักงาน

แหล่งที่มา

ข้อหารือ กรมสรรพากร

วันที่

06/08/2004

เลขที่หนังสือ

กค 0706(กม.05)/1705

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ข้อกฎหมาย

มาตรา 40(1)

ข้อหารือ

1. บริษัทฯ ซื้ออาหารชุด ชุดละ 20 บาท ให้แก่พนักงานทุกคน เพื่อเป็นอาหารกลางวันและอาหารในเวลาทำงานล่วงเวลา
2. บริษัทฯ จ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อจัดให้มีรถยนต์สองแถวรับ-ส่งพนักงาน
3. บริษัทฯ กำหนดไว้ในคู่มือกฎระเบียบ หมวดสวัสดิการ ว่า ภายใน 1 ปี บริษัทฯ จะจัดนำเที่ยวให้กับพนักงาน โดยบริษัทฯ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น และให้ถือว่าเป็นวันปฏิบัติงาน หากพนักงานคนใดไม่ไปเที่ยว ให้ถือว่าขาดงาน อันจะมีผลต่อการตัดเบี้ยขยัน และหากพนักงานคนใดไม่ไปเที่ยวตามที่ได้แจ้งความประสงค์ไว้แล้ว พนักงานผู้นั้นจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดนำเที่ยว
 4 บริษัทฯ ได้กำหนดเงินรางวัล เพื่อจ่ายให้กับพนักงานที่ทำงานครบกำหนดเวลาที่บริษัทฯ กำหนดไว้ในคู่มือระเบียบข้อบังคับการทำงาน หมวดสวัสดิการ
ขอหารือเกี่ยวกับ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีประโยชน์เพิ่มของพนักงาน

แนววินิจฉัย

1. กรณีตาม 1. ค่าอาหารที่บริษัทฯ จ่ายไปเพื่อจัดหามาให้กับพนักงาน ถือเป็นประโยชน์เพิ่มของพนักงาน เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากร
2. กรณีตาม 2. เป็นกรณีบริษัทฯ ได้ออกค่าใช้จ่ายเพื่อจัดให้มีรถยนต์สองแถวรับส่งพนักงานถือเป็นประโยชน์เพิ่มของพนักงาน เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากร
3 กรณีตาม 3 ค่าใช้จ่ายในการจัดนำเที่ยวที่บริษัทฯ ออกให้แก่พนักงาน ให้ถือเป็นประโยชน์เพิ่มสำหรับพนักงานที่ใช้สิทธิฯ อันเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากร
 4 กรณีตาม 4 สำหรับพนักงานที่ได้รับเงินรางวัลจากบริษัทฯ เพื่อตอบแทน กรณีได้ปฏิบัติงานครบกำหนดเวลา ให้ถือเป็นประโยชน์เพิ่มของพนักงานผู้นั้น อันเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากร

เลขตู้

67/33079



เรื่อง

กิจการขายอาหารและเครื่องดื่ม ให้สวัสดิการพนักงานไปซื้อทานเองลด 30%

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 12/11/2024 - วันที่ตอบ 01/01/2025

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา,ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 40)

ปุจฉา

บริษัทฯ ประกอบกิจการขายอาหารและเครื่องดื่ม มีการออกนโยบายสวัสดิการพนักงานไปซื้อทานเองลด 30% แต่ถ้าบริษัทฯ นำอาหารมาให้พนักงานทานเองทุกสัปดาห์ (เป็นสวัสดิการ) ต้องออกยอดขายและนำส่งภาษีขายในราคาขายปกติ หรือสามารถออกแบบมีส่วนลดได้ หรือใช้วิธีอย่างอื่นได้

วิสัชนา

1. กรณีกิจการขายอาหารและเครื่องดื่ม ตามนโยบายสวัสดิการพนักงานที่กำหนดให้พนักงานซื้อไปรับประทานเอง โดยบริษัทฯ ให้ส่วนลด 30% ของราคาอาหารและเครื่องดื่ม

     (1) มูลค่าของส่วนต่างของราคาขายตามปกติกับราคาขายที่บริษัทฯ ลดให้ในขณะขายสินค้า เข้าลักษณะเป็นส่วนลดที่บริษัทฯ ขายสินค้าราคาถูก ให้แก่พนักงานเป็นสวัสดิการตามข้อตกลงสภาพการจ้าง ไม่ถือเป็นเงินได้หรือประโยชน์เพิ่มใดๆ ที่ได้รับ เนื่องจากการจ้างแรงงาน หรือเนื่องจากหน้าที่ หรือตำแหน่งงานที่ทำหรือจากการรับทำงานให้ตามมาตรา 39 และมาตรา 40 (1) หรือมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร พนักงานไม่ต้องนำส่วนลดนั้นมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

     (2) กรณีการให้ส่วนลดในขณะขายอาหารและเครื่องดื่ม มูลค่าของส่วนต่างของราคาขายตามปกติกับราคาขายที่บริษัทฯ ลดให้ในขณะขายสินค้า เข้าลักษณะเป็นส่วนลดที่บริษัทฯ ขายสินค้าราคาถูกให้แก่พนักงานเป็นสวัสดิการตามข้อตกลงสภาพการจ้าง บริษัทฯ ไม่ต้องนำส่วนลดดังกล่าวมารวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 65 และมาตรา 65 ทวิ (4) แห่งประมวลรัษฎากร และบริษัทฯ มีสิทธินำต้นทุนสินค้านั้นมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (3) และ (13) แห่งประมวลรัษฎากร

     (3) กรณีบริษัทฯ ขายอาหารและเครื่องดื่ม ตามนโยบายสวัสดิการพนักงานที่กำหนดให้พนักงานซื้อไปรับประทานเอง โดยบริษัทฯ ให้ส่วนลด 30% ของราคาอาหารและเครื่องดื่ม ที่ไม่เข้าลักษณะมีเหตุอันสมควร ไม่ถือเป็นมูลค่าของฐานภาษีในการคำนวณเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 79 (1) และมาตรา 79/3 (1) แห่งประมวลรัษฎากร



 

2. ตามข้อ 2 (8) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 40) เรื่อง กำหนดลักษณะ และเงื่อนไข ค่าตอบแทนที่ไม่ต้องนำมารวมคำนวณมูลค่าของฐานภาษี ตามมาตรา 79 (4) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 78) ใช้บังคับ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2541 เป็นต้นไป กำหนดให้มูลค่าของอาหารและเครื่องดื่มที่นายจ้างจัดหาให้กับพนักงานหรือลูกจ้างในระหว่างเวลาปฏิบัติงาน ตามระเบียบเกี่ยวกับสวัสดิการของพนักงานหรือลูกจ้าง โดยมูลค่าของอาหารและเครื่องดื่มดังกล่าวต้องมีราคาไม่เกินสมควร ไม่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษี (Non VAT Base) ดังนี้

     “ข้อ 2 ค่าตอบแทนที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการขายสินค้าหรือการให้บริการดังต่อไปนี้ ไม่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษี

         (8) มูลค่าของอาหารและเครื่องดื่มที่นายจ้างจัดหาให้กับพนักงานหรือลูกจ้างในระหว่างเวลาปฏิบัติงาน ตามระเบียบเกี่ยวกับสวัสดิการของพนักงานหรือลูกจ้าง โดยมูลค่าของอาหารและเครื่องดื่มดังกล่าวต้องมีราคาไม่เกินสมควร"



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทั



เรื่อง

กรณีบริษัทฯ จัดกิจกรรมการกุศล และกรณีบริษัทสั่ง /ทำอาหารเลี้ยงพนักงาน

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 28/03/2017 - วันที่ตอบ 04/04/2017

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา,ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ข้อกฎหมาย

-

ปุจฉา

   ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามหัวข้อด้านล่างนี้สามารถบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายบริษัทฯ ได้หรือไม่ค่ะ /ถ้าได้จะบันทึกเป็นค่าอะไรบ้างคะ
1. กรณีบริษัทฯ จัดกิจกรรมการกุศล เพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้าและยากจน ณ โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นดังนี้
- เงินบริจาคเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเด็ก (มีใบเสร็จรับเงิน)
- ค่าซื้อไอศกรีมเลี้ยงเด็ก (ไม่มีใบเสร็จ)
- ค่าซื้อของใช้มอบให้เด็ก (มีใบเสร็จ)
- ค่าเหมารถตู้พาพนักงานไปร่วมกิจกรรม (ไม่มีใบเสร็จ)
- ค่าน้ำมันรถตู้ที่เหมา (มีใบเสร็จ)
- ค่าเลี้ยงอาหารพนักงานที่ร่วมกิจกรรม ได้แก่ ข้าวกล่องมื้อเช้า (ไม่มีใบเสร็จ) และค่าอาหารมื้อกลางวัน (มีใบเสร็จ)
2. กรณีบริษัทสั่ง /ทำอาหารเลี้ยงพนักงาน ได้แก่
- สั่งพิซซ่า, เคเอฟซี หรืออื่นๆ เลี้ยงเป็นครั้งคราว ไม่มีโอกาสพิเศษ
    - สั่ง /ทำอาหารเลี้ยงในโอกาสครบรอบก่อตั้งบริษัท

วิสัชนา

ค่าใช้จ่ายตามรายการต่อไปนี้ ทุกรายการต้องบันทึกรายการบัญชีเพื่อถือเป็นรายจ่ายของบริษทฯ ไม่ว่าจะมีหลักฐานใบเสร็จรับเงินหรือไม่ก็ตาม

สำหรับรายการที่กรณีกิจการจ่ายเงินค่าซื้อสินค้าหรือบริการเบ็ดเตล็ดแต่ไม่สามารถเรียกใบเสร็จรับเงินจากผู้ขายหรือผู้ให้บริการได้ ให้จัดทำใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงิน โดยต้องให้พนักงานของกิจการเป็นผู้รับรองการจ่ายเงินดังกล่าว ก็ย่อมสามารถนำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามคู่มือการจัดทำเอกสารประกอบการลงบัญชีที่สามารถเป็นรายจ่ายทางภาษีได้ ของกรมสรรพากร
1. กรณีบริษัทฯ จัดกิจกรรมการกุศล เพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้าและยากจน ณ โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก จ. กาญจนบุรี ซึ่งเป็นรายจ่าย CSR: Corporate Social Responsibility ให้ถือเป็นรายจ่ายในการประชาสัมพันธ์กิจการ โดยบริษัทฯ ต้องมีเผยแพร่กิจกรรมของบริษัทฯ สู่สาธารณชนให้รับรู้กิจกรรมดังกล่าวของบริษัทฯ เพื่อเป็นการเผยแพร่ชื่อเสียง เกียรติคุณของบริษัทฯ ให้บุคคลทั่วไปได้รับรู้รับทราบ เช่น ทาง Social Media มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนระแวกโรงเรียนหมู่บ้านเด็กได้รับทราบ
2. กรณีบริษัทฯ สั่ง /ทำอาหารเลี้ยงพนักงาน อาทิ
       - สั่งพิซซ่า, เคเอฟซี หรืออื่นๆ เลี้ยงเป็นครั้งคราว ไม่มีโอกาสพิเศษ ถือเป็นรายจ่ายเกี่ยวกับพนักงาน โดยต้องถือเป็นเงินได้ของพนักงานที่ได้รับประทานอาหารดังกล่าวด้วย
       - สั่ง /ทำอาหารเลี้ยงในโอกาสครบรอบก่อตั้งบริษัท เป็นการดำเนินการในโอกาสพิเศษ อาจมีพิธีการทางศาสนา และเลี้ยงรับรองแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ก็ให้ถือเป็นรายจ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการพนักงาน เพื่อการเสริมสร้างขวัญกำลังใจของพนักงานและบุคลากรในบริษัทฯ โดยไม่ต้องถือเป็นเงินได้ของพนักงาน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"




หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ