Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เกี่ยวกับการลดทุน
เรื่อง | ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เกี่ยวกับการลดทุน |
แหล่งที่มา | Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ |
วันที่ | วันที่ถาม 20/02/2023 - วันที่ตอบ 24/02/2023 |
ประเภทภาษี | ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย |
ข้อกฎหมาย | มาตรา 40 (4)(ง), มาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากร |
ปุจฉา | สอบถาม เรื่อง ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เกี่ยวกับการลดทุน 1. ทุนจดทะเบียนเดิม 100 ล้านบาท ลดทุน 20 ล้านบาท เหลือทุนจดทะเบียนและเรียกชำระ 80 ล้านบาท เงินลดทุน 20 ล้านบาท ต้องเข้าข่ายเสียภาษีอะไรบ้าง อัตราภาษีกี่เปอร์เซ็นต์ 2. บริษัทฯ มีกำไรสะสม ได้จ่ายเงินปันผลก่อนลดทุนในปีเดียวกัน พร้อมหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ถูกต้องมั้ยค่ะ 3. ภายในปีที่มีการลดทุน หากบริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลหลังการลดทุนหรือจ่ายเงินปันผลพร้อมจ่ายคืนเงินลดทุน ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายอย่างไร ภาษีกี่เปอร์เซ็นต์บนฐานเงินได้ก้อนใดบ้าง 4. ปีถัดมาจากปีที่ลดทุน เช่น ลดทุนปี 2565 ต่อมาปี 2566 จะจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมที่เหลืออยู่ ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายอย่างไร กี่เปอร์เซ็นต์ |
วิสัชนา | 1. คำว่า “ทุน” ในบริษัทฯ หรืออาจกล่าวในอีกนัยหนึ่ง ก็คือ “ส่วนของเจ้าของ” (Equity) นั้น โดยทั่วไป ย่อมประกอบด้วย (1) ทุนจดทะเบียน (Registered Capital) (2) กำไรสะสม (Retained Earnings) หรือ (ขาดทุนสะสม) (3) สำรองตามกฎหมาย และ (4) ส่วนเกินทุน (Surplus) ซึ่งในบางกิจการอาจมีเพียงรายการเดียว คือ (1) หรือ 2. ตามมาตรา 40 (4)(ง) แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติว่า "มาตรา 40 (4) เงินได้ที่เป็น (ง) เงินลดทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเฉพาะส่วนที่จ่ายไม่เกินกว่ากำไรและเงินที่กันไว้รวมกัน" กล่าวเฉพาะ เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4)(ก) - (ฌ) แห่งประมวลรัษฎากร ทุกกรณี บัญญัติขึ้นจากหลักเงินได้เนื่องจากทรัพย์สิน ในส่วนที่เป็น "ผลได้จากทุน" หรือ Capital Gain ได้แก่ การได้รับเงินได้อันผลเนื่องมาจากการมีทรัพย์สินด้วยการลงทุนหาประโยชน์จากทรัพย์สินที่มิใช่เงินได้เนื่องจากกิจการ คำว่า "การลดทุน" ตามมาตรา 40 (4)(ง) แห่งประมวลรัษฎากร ดังกล่าวนั้น โดยกฎหมายมีเจตนาที่แบ่งออกเป็นสองส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 การลดทุน ในส่วนที่เป็นแต่เพียงการคืน "เงินทุน" ให้แก่ผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วน (เจ้าของทุน) ในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล การลดทุนในลักษณะเช่นนี้ เป็นที่ทราบกันโดยชัดแจ้งว่า ไม่ก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมินแก่ผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนแต่อย่างใด เพราะไม่ก่อให้เกิด "ผลได้จากทุน" หรือ Capital Gain อันเป็นหลักการของการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อันเนื่องมาจากทรัพย์สิน ตามมาตรา 41 แห่งประมวลรัษฎากร ทีใช้เป็นฐานในการบัญญัติบทบัญญัติตามมาตรา 40 (4)(ก) - (ฌ) แห่งประมวลรัษฎากร ทุกกรณี จึงไม่จำเป็นที่จะต้องบัญญัติกฎหมายเพื่อจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในส่วนนี้ เพราะเป็นความจริงที่ไม่ต้องพิสูจน์กระไรอีกแล้ว หรือ สัจพจน์ (Axiom / postulate) ซึ่งหมายถึง ข้อความที่ตกลงกันและยอมรับว่าเป็นความจริงโดยไม่ต้องพิสูจน์ กันอีก ว่า การคืนทุน ก็คือการคืนทุน ที่ไม่ผลประโยชน์อื่นใดที่ตีราคาได้เป็นเงินเกินกว่าที่ลงทุน อันจะก่อให้เกิดเงินได้ที่เป็นผลได้จากทุน ส่วนที่ 2 การลดทุน ในอีกส่วนหนึ่ง คือ การลดกำไรสะสม เพราะในการแสดงรายการ "กำไรสะสม" (Retained Earnings Presentation) ในงบแสดงฐานะการเงิน นั้น ตามมาตรฐาน การบัญขี กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแสดงรายการ "กำไรสะสม" นี้ ไว้เป็นส่วนหนึ่งของทุน (Capital) หรือส่วนของเจ้าของ (Equities) การบัญญัติกฎหมายในส่วนของมาตรา 40 (4)(ง) แห่งประมวลรัษฎากร จึงใช้ถ้อยคำว่า "การลดทุน" ด้วย เพราะเป็นการคืนทุนให้แก่เจ้าของโดยเลี่ยงที่จะจ่ายเป็นเงินส่วนแบ่งของกำไร ซึ่งในทางปฏิบัติกระทำได้ก็แต่เฉพาะในส่วนของห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเท่านั้น เพราะกรณีบริษัทจำกัดไม่สามารถกระทำเช่นนั้นได้ จึงจำเป็นต้องบัญญัติกฎหมาย เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีอากรไว้ดังกล่าว 3. เงินปันผล (Dividend) เงินปันผล หมายถึง เงินตอบแทนจากการลงทุนที่บริษัทจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นทุน ซึ่งจะจ่ายเป็นเงินสด สินทรัพย์ หรือเป็นหุ้นทุนของบริษัทแล้วแต่กรณี ตามสภาพการณ์ที่บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลได้ต้องเป็นดังนี้ คือ (1) บัญชีกำไรสะสมต้องมียอดคงเหลือด้านเครดิตมากพอที่จะจ่ายเป็นเงินปันผลตามมติของคณะกรรมการบริหาร (2) ต้องมีเงินสดอยู่ในมือมากพอที่จะจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด ในกรณีจ่ายเป็นเงินสด (3) มีมติจากที่ประชุมใหญ่ ให้จ่ายเงินปันผล (4) ทุกครั้งที่มีการประกาศจ่ายเงินปันผลต้องตั้งสำรองตามกฎหมายไว้ 5% ของกำไรสุทธิประจำปีที่ประกาศจ่าย จนกว่าเงินทุนสำรองจะมีจำนวนถึง 10% ของจำนวนทุนของบริษัท หรือมากกว่านั้น (5) เงินปันผลที่ยังไม่ได้รับหรือติดค้างอยู่ตามมาตรา 1205 ห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเอากับบริษัท (6) การจ่ายเงินปันผลจะจ่ายเฉพาะผู้ถือหุ้นที่ชำระค่าหุ้นครบแล้วเท่านั้น (7) จ่ายเป็นหุ้นปันผล ( Stock Dividends ) คือ จ่ายเป็นใบหุ้นของบริษัทเอง ในกรณีที่บริษัทยังจำหน่ายหุ้นไม่ครบตามจำนวนที่จดทะเบียนไว้ หรือบริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนแล้ว บริษัทจะจ่ายเงินปันผลทั้งหมดหรือบางส่วน โดยออกเป็นหุ้นสามัญใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้น บทความโดย : https://sites.google.com 4. ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย สำหรับเงินปันผลที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคคลธรรมดา เมื่อบริษัทจำกัดที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยได้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา โดยเงินปันผลนั้น ไม่เข้าลักษณะเป็นเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (1) สำหรับผู้ถือหุ้นที่เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย หรือมีภูมิลำเนาในประเทศไทย บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้บุคคละรรมดา ณ ที่จ่ายในอัตรา 10% ของเงินได้ ตามมาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากร (ก) ผู้ได้รับเงินปันผลมีสิทธิเลือกเสียภาษีในอัตรา 10% ของเงินได้ โดยไม่ต้องนำเงินปันผลไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 48 (1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ ตามมาตรา 48 (3) วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร (ข) กรณีผู้ได้รับเงินปันผลเลือกเสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา โดยนำเงินปันผลไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 48 (1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้มีเงินได้จะได้รับเครดิตในการคำนวณภาษี โดยนำอัตราภาษีเงินได้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องเสีย หารด้วยผลต่างของหนึ่งร้อย ลบด้วยอัตราภาษีเงินได้ดังกล่าวนั้น ได้ผลลัพธ์เท่าใด ให้คูณด้วยจำนวนเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่ได้รับ ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเครดิตในการคำนวณภาษี ตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร (2) สำหรับผู้ถือหุ้นที่มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้บุคคละรรมดา ณ ทีจ่ายในอัตรา 10% ของเงินได้ ตามมาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากร โดยผู้มีเงินได้ไม่มีสิทธิได้รับเครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า 1. กรณีบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนเดิม 100 ล้านบาท ดำเนินการลดทุนลงตามขั้นตอนของกฎหมายจำนวน 20 ล้านบาท โดยมิได้มีการลดกำไรสะสมลง แต่อย่างใด เช่นนี้ เข้าลักษณะเป็นการคืนทุนให้แก่ผู้ถือหุ้น มิได้มีการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4)(ง) แห่งประมวลรัษฎากร เงินลดทุนจำนวน 20 ล้านบาท จึงไม่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งนี้ ตามหนังสือตอบข้อหารือของกรมสรรพากรเลขที่ กค 0702/3969 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ซึ่งกรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติที่พึงยึดถือได้ว่าเป็นมาตรฐานที่ถูกต้องตรงตามเจตนารมณ์แห่งการตราประมวลรัษฎากรอย่างแท้จริง ดังนี้ “กรณีบริษัท อ. และบริษัท ก. ได้จดทะเบียนลดทุนและได้จ่ายเงินลดทุนคืนให้แก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งจะถือเป็น เงินได้พึงประเมินเฉพาะส่วนที่จ่ายไม่เกินกว่ากำไร และเงินที่กันไว้รวมกันนั้น เงินลดทุนที่ผู้ถือหุ้นได้รับดังกล่าว จะต้องเป็น การคืนทุนซึ่งเป็นกำไรสะสมตามงบดุลของบริษัท อ. และบริษัท ก. ที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ครั้งสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีก่อนการคืนเงินลดทุนหักด้วยเงินปันผลระหว่างกาล เฉพาะยอดที่บริษัท อ. และบริษัท ก. ประกาศจ่ายแก่ผู้ถือหุ้นก่อนการคืนเงินลดทุน หากเงินลดทุนไม่เกินจำนวนเงินดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4)(ง) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ถือหุ้นที่ได้รับเงินลดทุนคืนต้องนำมารวมคำนวณเป็นเงินได้พึงประเมินเพื่อเสียภาษี เงินได้ทั้งจำนวน” 2. บริษัทฯ มีกำไรสะสม ได้จ่ายเงินปันผลก่อนลดทุนในปีเดียวกัน พร้อมหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ถูกต้องแล้วครับ 3. ภายในปีที่มีการลดทุน หากบริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลหลังการลดทุนหรือจ่ายเงินปันผลพร้อมจ่ายคืนเงินลดทุน ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตรา 10% ของเงินปันผล ไม่รวมส่วนที่เป็นการคืนเงินทุน 4. ปีถัดมาจากปีที่ลดทุน เช่น ลดทุนปี 2565 ต่อมาปี 2566 จะจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมที่เหลืออยู่ ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตรา 10% ของเงินปันผล ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ |