Case study

รถกระบะต่อเติมหลังคา สามารถเคลมภาษีได้มั้ย


เรื่อง รถกระบะต่อเติมหลังคา สามารถเคลมภาษีได้มั้ย
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 01/07/2024
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย
คำถาม

บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจด้านโลจีสติกส์ ให้บริการขนส่งทางอากาศและทางบก และมีบริการคลังสินค้า ทางบริษัทฯ จึงได้ทำการซื้อรถกระบะ NAVARA และได้ต่อเติมหลังคารถ เพื่อรับขนส่งสินค้าจากคลังสินค้าถึงมือลูกค้าโดยตรง และให้บริการขนส่งรวมกับบริการด้านอื่น ๆ ของบริษัท บริษัทมีการเรียกเก็บค่าบริการกับลูกค้า 2 กรณี ดังนี้ 1. กรณีบริการขนส่ง แบบไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม 2. กรณีบริการรวมหลาย ๆ บริการ แบบมีภาษีมูลค่าเพิ่ม อยากรบกวนสอบถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของรถกระบะ NAVARA คันนี้ เช่น ค่าดอกเบี้ยผ่อนรถ, ค่าน้ำมัน, ค่าซ่อมรถ, ค่าเปลี่ยนยางรถ เป็นต้น ค่าใช้จ่ายเหล่านี้สามารถนำมาเคลมภาษีซื้อได้มั้ยค่ะ ถ้าได้ต้องเฉลี่ยภาษีซื้อมั้ยค่ะ หรือ ไม่สามารถเคลมภาษีซื้อได้เพราะรถกระบะมีการต่อเติมหลังคา

คำตอบ


ตอบ  การเคลมภาษีซื้อของรถ NAVARA  ต้องพิจารณา 2 ประเด็น

ประเด็นที่ 1 รถกระบะ NAVARA และต่อเติมหลังคารถด้วย ยังถือเป็นรถกะบะหรือไม่  

ในอดีต

  • ถ้าต่อเป็นรถแคบ เน้นที่นั่ง จะถือเป็นรถยนต์นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่งตามพิกัดสรรพาสามิตรแล้ว>> ภาษีซื้อเคลมไม่ได้
  • แต่จากคำถามเข้าใจ คำว่าหลังคา หมายถึงหลังคาบังแดดเท่านั้นใช่หรือไม่คะ  ถ้าใช่ >> ภาษีซื้อเคลมได้

ตั้งแต่ 16 กันยายน 2560

ไม่ว่าจะเป็น ต่อเป็นรถแคบ มีที่นั่ง สองประตู เช่น รถ Double cab   หรือ แค่เติมหลังคาบังแดดเท่านั้น    ถ้าเข้าเงื่อนไขของกรมสรรพามิตรเกี่ยวกับรถกะบะ ได้แก่ 1) ต้องจดทะเบียนเป็นรถยนต์กระบะบรรทุกตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และ  2) ระบบกันสะเทือนหลังแบบแหนบ และ  3)  ส่วนท้ายเป็นกระบะต้องเปิดโล่งจนถึงท้ายรถ โดยไม่มีหลังคา>> ภาษีซื้อเคลมได้


ประเด็นที่ 2 รถกระบะ NAVARA  ใช้สำหรับกิจกรรมใด

1. กรณีให้บริการขนส่ง รายได้ไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม (Non VAT) >> ภาษีซื้อเคลมไม่ได้

2. กรณีให้บริการรวมหลายๆอย่าง รายได้มีภาษีมูลค่าเพิ่ม  (VAT) >> ภาษีซื้อเคลมได้

3. กรณีที่ใช้ทั้ง 2 ประเภท(ใช้ร่วมกันทั้ง  Non VAT และ VAT >> ค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับรถ  เช่น ดอกเบี้ยผ่อนรถ ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมรถ เปลี่ยนยางรถ  ต้องเฉลี่ยภาษีซื้อ 


** ข้อควรระวัง การตัดสินใจเกี่ยวกับภาษีซื้อของรถ ต้องทราบตั้งแต่ต้น(เมื่อซื้อ) ว่าจะนำรถมาใช้กับกิจกรรมใด  ถ้าเริ่มด้วย ซื้อมาใช้กับงานบริการ 100%  และต่อมาเปลี่ยนเป็นมาใช้กับงานขนส่ง 100% จะต้องนำส่งภาษีขายเพิ่มเติมด้วยนะคะ



  




มาตรา 82/ภาษีซื้อในกรณีดังต่อไปนี้ไม่ให้นำมาหักในการคำนวณภาษีตามมาตรา 82/3

        (6) ภาษีซื้อตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี

( ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42) )


ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร

เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42)

เรื่อง    การกำหนดภาษีซื้อที่ไม่ให้นำไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร



 

ข้อ 2ภาษีซื้อดังต่อไปนี้ไม่ให้นำมาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร

“(1) ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อเช่าซื้อ เช่า หรือรับโอนรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตและภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือการรับบริการที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต”


“ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับสำหรับการขายรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต และการให้บริการเช่ารถยนต์ดังกล่าวของตนเองโดยตรง และการให้บริการรับประกันวินาศภัยสำหรับรถยนต์ดังกล่าว



 

มาตรา 65 ตรีรายการต่อไปนี้ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ

 (6 ทวิ)ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระหรือพึงชำระ และภาษีซื้อของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนเว้นแต่ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีซื้อของผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งต้องเสียภาษีตามมาตรา 82/16 ภาษีซื้อที่ต้องห้ามนำมาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/5 (4)หรือภาษีซื้ออื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา




เรื่อง

กฏหมายเกี่ยวกับรถกะบะ 4 ประตู

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 07/03/2023 - วันที่ตอบ 09/03/2023

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

มาตรา 65 ตรี (20) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 4 (2) แห่งพระราขกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 315)

ปุจฉา

กรณีรถกะบะ 4 ประตู ตามประกาศกรมสรรพสามิต สามารถเคลมภาษีมูลค่าเพิ่มได้นั้นทางกรมสรรพากรได้มีประกาศว่าใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มได้ในมาตราไหนบ้าง

วิสัชนา

บทความ: รถยนต์กระบะ 4 ประตู จากรถยนต์นั่ง สู่รถยนต์กระบะที่ออกแบบสำหรับให้มีน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 4,000 กิโลกรัม  

https://www.facebook.com/Suthep.../posts/2798885483495743/

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ซึ่งใช้บังคับแทนที่พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป ได้ออกกฎกระทรวงกําหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 เปลี่ยนแปลงรายละเอียดในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตตอนที่ 6 สินค้ารถยนต์ สำหรับรถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนด จากพิกัด 06.01 ว่าด้วยรถยนต์นั่ง เป็นพิกัด 06.03 ว่าด้วยรถยนต์กระบะที่ออกแบบสำหรับให้มีน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 4,000 กิโลกรัม เป็นผลทำให้รถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนด พ้นจากการเป็นรถยนต์นั่ง ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัตอัตราภาษีสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/.../PDF/2560/A/095/111.PDF

   ตามข้อ 2 ของประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะของรถยนต์กระบะสี่ประตู (Double Cab) ลงวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2565 อธิบดีกรมสรรพสามิตกำหนดคุณลักษณะของรถยนต์กระบะสี่ประตู (Double Cab) ที่มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ลูกบาศก์เซนติเมตร ตามความใน (3) ของประเภทที่ 06.03 รถยนต์กระบะที่ออกแบบสำหรับให้มีนำหนักรถรวมนำหนักบรรทุกไม่เกิน 4,000 กิโลกรัม ในบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560  ไว้ ดังต่อไปนี้  

    "ข้อ 2 รถยนต์กระบะสี่ประตู (Double Cab) ที่มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ลูกบาศก์เซนติเมตร ใน (ก) - (ง) และที่มีความจุของกระบอกสูบเกิน 3,250 ลูกบาศก์เซนติเมตร ใน (จ) ของ (3) ของประเภทที่ 06.03 ในบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2562 ต้องมีคุณลักษณะครบถ้วนทุกข้อ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี

         2.1 ตัวถังวางบนโครงสร้าง (Frame Construction) แบบแชสซีส์ของรถยนต์กระบะที่ออกแบบสำหรับให้มีน้ำหนักรถไม่น้อยกว่า 1,200 กิโลกรัม มีน้ำหนักบรรทุกไม่น้อยกว่า 1,000 กิโลกรัม และมีน้ำหนักรถรวมนำหนักบรรทุกไม่เกิน 4,000 กิโลกรัม ซึ่งเป็นแบบเดียวกับรุ่นที่มีการผลิตในประเทศ มีการจัดจำหน่ายทั่วไปหรือส่งออกเป็นปกติวิสัย และจดทะเบียนเป็นรถยนต์กระบะบรรทุกตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์

         2.2 ระบบกันสะเทือนหลังแบบแหนบ

         2.3 ระยะด้านนอกตัวรถยนต์จากแนวขอบด้านหน้าส่วนที่กว้างที่สุดของบานประตูจนถึงด้านหลังสุดของห้องคนขับในแนวระนาบเดียวกัน มีความยาวเกินกว่า 180 เซนติเมตร

         2.4 ส่วนท้ายเป็นกระบะเปิดโล่งจนถึงท้ายรถ โดยไม่มีหลังคา และมีความยาวของกระบะไม่น้อยกว่า 120 เซนติเมตร"

https://webdev.excise.go.th/.../doc002355202206101130185.pdf

    การเปลี่ยนแปลงพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตดังกล่าว มีผลกระทบต่อภาษีอากรตามประมวลรัษากรดังนี้

    1. ภาษีซื้อสำหรับรถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนดตามข้อ 2 ของประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะของรถยนต์กระบะสี่ประตู (Double Cab) รวมทั้งภาษีซื้อสำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับรถยนต์ดังกล่าวที่ผลิตหรือนำเข้าตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป ไม่ถือเป็นภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 2 (1) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42)ฯ

        นั่นย่อมหมายความว่า ภาษีซื้อสำหรับรถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนด ที่ผลิตหรือนำเข้าก่อนวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 ยังคงเป็นภาษีซื้อต้องห้ามที่นับรวมเป็นต้นทุนรถยนต์นั่งต่อไป แต่ภาษีซื้อสำหรับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์ดังกล่าว ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา ย่อมสามารถใช้เป็นภาษีซื้อที่นำไปเดรดิตหักภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร ได้ และแม้จะได้เปลี่ยนทะเบียนเป็นรถยนต์บรรทุก ก็ไม่สามารถใช้ภาษีซื้อได้


    2.ต้นทุนรถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนดในการคำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาตามมาตรา 65 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้มาโดยการซื้อหรือเช่าซื้อ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป ไม่จำกัดมูลค่าต้นทุนที่จำนวนไม่เกิน 1,000,000 บาท อีกต่อไป

         การเปลี่ยนแปลงกฎหมายดังกล่าว ย่อมไม่กระทบต่อมูลค่าต้นทุนรถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนด ในการคำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาตามมาตรา 65 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 5 แห่งดยพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้มาโดยการซื้อหรือเช่าซื้อ ก่อนวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 ยังคงจำกัดมูลค่าต้นทุนที่จำนวนไม่เกิน 1,000,000 บาท อีกต่อไป เนื่องจากถือเป็นรถยนต์นั่งตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต


    3.มูลค่าต้นทุนรถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนด ที่ผลิตหรือนำเข้าตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป ในส่วนที่เกินกว่า 1,000,000 บาท ไม่เข้าลักษณะเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (20) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 4 (1) แห่งพระราขกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 315) พ.ศ. 2540 

         สำหรับมูลค่าต้นทุนรถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนด ที่ได้มาก่อนวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 ในส่วนที่เกินกว่า 1,000,000 บาท ยังคงเข้าลักษณะเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (20) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 4 (1) แห่งพระราขกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 315) พ.ศ. 2540 อยู่ต่อไป


    4. ค่าเช่ารถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนด ที่เช่าตั้งแต่วันที 16 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป ไม่จำกัดจำนวนที่ 36,000 บาทต่อคันต่อเดือน หรือ 1,200 บาทต่อคันต่อวัน ตามมาตรา 65 ตรี (20) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 4 (2) แห่งพระราขกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 315) พ.ศ. 2540 

    ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต สำหรับรถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนด จากพิกัดอัตรา 06.01 "รถยนต์นั่ง" เป็นพิกัด 06.03 "รถยนต์กระบะที่ออกแบบสำหรับให้มีน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 4,000 กิโลกรัม" ย่อมส่งผลกระทบต่อการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล ทั้งส่วนของค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา และมูลค่าต้นทุนรถยนต์ในส่วนที่เกินกว่า 1,000,000 บาท และการนำภาษีซื้อเกี่ยวกับรถยนต์ดังกล่าวมาเครดิตหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม นับแต่วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา โดยเฉพาะคุณลักษณะพิเศษดังต่อไปนี้ที่ต้องคำนึงถึงอันเป็นส่วนที่เป็นเป็นสาระสำคัญด้วย ที่มีหลายต่อหลายท่านมองข้ามไป ได้แก่

        1. ต้องจดทะเบียนเป็นรถยนต์กระบะบรรทุกตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และ

        2. ระบบกันสะเทือนหลังต้องเป็นแบบแหนบ และ

        3. ส่วนท้ายเป็นกระบะต้องเปิดโล่งจนถึงท้ายรถ โดยไม่มีหลังคา


ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า

    กรณีรถกะบะ 4 ประตู (Double Cab) เฉพาะที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนด จากพิกัดอัตรา 06.01 "รถยนต์นั่ง" เป็นพิกัด 06.03 "รถยนต์กระบะที่ออกแบบสำหรับให้มีน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 4,000 กิโลกรัม" ที่สามารถเคลมภาษีซื้อ ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ นั้น ตามประมวลรัษฎากร มีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ดังนี้  

    1. ภาษีซื้อสำหรับรถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ดังกล่าว ทั้งตัวรถยนต์ ค่าน้ำมัน ค่าอะไหล่ หรือค่าซ่อมแซม และรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่ถือเป็นภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 2 (1) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42)ฯ อีกต่อไป

    2.ในการคำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาตามมาตรา 65 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้มาโดยการซื้อหรือเช่าซื้อรถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป ไม่จำกัดมูลค่าต้นทุนที่จำนวนไม่เกิน 1,000,000 บาท อีกต่อไป

    3.มูลค่าต้นทุนรถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ดังกล่าว ในส่วนที่เกินกว่า 1,000,000 บาท ไม่เข้าลักษณะเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (20) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 4 (1) แห่งพระราขกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 315) พ.ศ. 2540 อีกต่อไป และ

    4.ค่าเช่ารถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ดังกล่าว ที่เช่าตั้งแต่วันที 16 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป ไม่จำกัดจำนวนที่ 36,000 บาทต่อคันต่อเดือน หรือ 1,200 บาทต่อคันต่อวัน ตามมาตรา 65 ตรี (20) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 4 (2) แห่งพระราขกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 315) พ.ศ. 2540 อีกต่อไป


ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"




หมายเหตุ: TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น  กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง

หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ