Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

รับรู้รายได้และภาษีขาย อุปกรณ์เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่รอติดตั้งที่บ้านผู้ใช้ตามคำสั่งของผู้ซื้อ


เรื่อง รับรู้รายได้และภาษีขาย อุปกรณ์เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่รอติดตั้งที่บ้านผู้ใช้ตามคำสั่งของผู้ซื้อ
แหล่งที่มา Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วันที่ วันที่ถาม 10/09/2024 - วันที่ตอบ 29/09/2024
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย มาตรา 453 และมาตรา 458 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ปุจฉา
ดิฉันมีปัญหาทางภาษีและบัญชีที่จะขอสอบถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ
บริษัท ก (ผู้ขาย) เป็นบริษัทขายอุปกรณ์เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ทำสัญญาขายให้กับลูกค้า (ผู้ซื้อ) รายใหญ่ โดยเป็นการขายพร้อมติดตั้งให้กับผู้ซื้อรถ (ผู้ใช้) การซื้อจะซื้อเป็นล็อตใหญ่ ๆ สมมติว่า 100 เครื่อง และจะมีการทยอยติดตั้งที่บ้านผู้ใช้ตามคำสั่งของผู้ซื้อเมื่อมีการขายรถได้
สอบถามดังนี้   
1. กรณีที่ผู้ซื้อรับมอบสินค้าแล้วโดยเซ็นรับในใบส่งของ แต่ฝากไว้ที่ผู้ขายเพื่อรอการติดตั้ง โดยการันตีเครื่อง 2 ปีจะเริ่มเมื่อติดตั้งที่บ้านผู้ใช้แล้ว กรณีดังกล่าว ทางผู้ขาย 
     1.1 ต้องบันทึกรับรู้รายได้จากการขายทั้งจำนวน 100 เครื่อง เมื่อส่งมอบสินค้า หรือ 
     1.2 รับรู้เมื่อมีการติดตั้งที่บ้านผู้ใช้ทีละหลังคะ 
     ถ้าต้องรับรู้ตามข้อ 1.1 คือรับรู้ทั้งจำนวนตัดสต๊อคแล้ว ถ้าเกิดสิ้นงวดบัญชีแล้วยังติดตั้งได้เพียง 60 เครื่องอีก 40 เครื่องยังไม่ติดตั้งแต่รับรู้รายได้แล้ว ค่าใช่จ่ายติดตั้งอีก 40 เครื่องจะบันทึกในทางบัญชีและภาษีอย่างไรคะ เพื่อให้จับคู่กับรายได้ที่รับรู้แล้ว ผู้ขายสามารถแยกส่วนค่าติดตั้งมาเป็นรายได้รับล่วงหน้ามั้ยคะ (แต่ใบกำกับออกเป็นการขายสินค้าพร้อมติดตั้งยอดเดียวไม่ได้แยกค่าติดตั้งออกมา) ขอเรียนถามว่า สามารถทำได้มั้ยคะในทางภาษี ถ้าทำไม่ได้ต้องบันทึกอย่างไรถึงถูกต้อง   
     ถ้าใช้ข้อ 1.2 คือรับรู้รายได้เมื่อติดตั้งให้ผู้ใช้แล้ว (การันตีเริ่มเดิน) กรณีนี้สินค้าเป็นของใครคะ เพราะส่งมอบแล้วแต่รับฝากไว้จะถือว่าเป็นสินค้าของใครคะ ถ้ารับรู้เมื่อติดตั้งเสร็จสินค้าก็ควรเป็นของผู้ขายจนถึงวันติดตั้งมั้ยคะ แล้วแบบนี้ใบส่งสินค้าที่เซนตรับแล้วจะถือเป็นอะไรคะ 
     ผู้ขาย ต้องการจะรับรู้รายได้ตามข้อ 1.1 ค่ะ แต่ติดปัญหาการติดตั้งยังทำไม่ครบต้องแก้ปัญหาอย่างไรคะ ในทางภาษีไม่สามารถประมาณค่าใช้จ่ายติดตั้งได้ ก็จะทำให้รายรับต้นทุนไม่สอดคล้องกัน 
“1. รายได้จากการขายในประเทศ
     1.1 ด้านบัญชี
          1.1.1 มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ
                  (1) บทที่ 3 กรอบแนวคิด
                        เกณฑ์คงค้าง กำหนดให้กิจการต้องรับรู้รายการค้าในรอบระยะเวลารายงานที่เกิดรายการนั้น ซึ่งอาจเป็นรอบระยะเวลารายงานเดียวกันหรือต่างกันกับรอบระยะเวลารายงานที่กิจการได้รับหรือจ่ายชำระเงินสด 
                  (2) บทที่ 18 รายได้
                        การวัดมูลค่า
                        กิจการต้องวัดมูลค่าของรายได้โดยใช้มูลค่ายุติธรรมของสิ่งตอบแทนที่ใด้รับหรือค้างรับ (ย่อหน้าที่ 18.3)
                        การรับรู้รายได้จากการขายสินค้า
                        กิจการต้องรับรู้รายได้จากการขายสินค้าเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขทุกข้อดังต่อไปนี้ (ย่อหน้าที่ 18.6)
                        1) กิจการได้โอนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญของความเป็นเจ้าของสินค้าให้กับผู้ซื้อแล้ว
                        2) กิจการไม่เกี่ยวข้องในการบริหารสินค้าอย่างต่อเนื่องในระดับที่เจ้าของพึงกระทำหรือไม่ได้ควบคุมสินค้าที่ขายไปแล้วทั้งทางตรงและทางอ้อม
                        3) กิจการสามารถวัดมูลค่าของจำนวนรายได้ได้อย่างน่าเชื่อถือ
                        4) มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่กิจการจะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจของรายการบัญชีนั้น
                        5) กิจการสามารถวัดมูลค่าของต้นทุนที่เกิดขึ้นหรือที่จะเกิดขึ้นอันอันเนื่องมาจากรายการบัญชีนั้นได้อย่างน่าเชื่อถือ” 

2. อีกข้อ คือ การการันตีสินค้ามีผลต่อการรับรู้รายได้มั้ยคะหรือการส่งมอบสำคัญกว่า

3. สอบถามเพิ่มเติมอีก 1 ทางเลือกค่ะ คือ เมื่อสิ้นงวดส่วนที่ขายแล้วส่งมอบแล้วบันทึกรายได้จากการขาย แต่ถ้ายังไม่ได้ติดตั้งให้ทำการปรับปรุงแยกค่าติดตั้งออกมาเป็นรายได้รับล่วงหน้า ทำได้มั้ยคะ ใบกำกับระบุว่าขายพร้อมติดตั้งหรือติดตั้งฟรี กรณีจะทำการแยกเองได้มั้ยคะ
วิสัชนา
1. กรณีบริษัท ก (ผู้ขาย) เป็นบริษัทขายอุปกรณ์เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ได้ทำสัญญาขายให้กับลูกค้า (ผู้ซื้อ) รายใหญ่ โดยเป็นการขายพร้อมติดตั้ง ให้กับผู้ซื้อรถ (ผู้ใช้) การซื้อจะซื้อเป็นล็อตใหญ่ ๆ สมมติว่า 100 เครื่อง และจะมีการทยอยติดตั้งที่บ้านผู้ใช้ตามคำสั่งของผู้ซื้อ เมื่อมีการขายรถได้ นั้น  
    1.1 กรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม 
         ตามข้อเท็จจริงดังกล่าว ถือว่าผู้ซื้อรับมอบสินค้าแล้วโดยเซ็นรับในใบส่งของ แต่ฝากไว้ที่ผู้ขายเพื่อรอการติดตั้ง โดยการันตีเครื่อง 2 ปี จะเริ่มเมื่อติดตั้งที่บ้านผู้ใช้แล้ว กรณีดังกล่าว ทางผู้ขายต้องบันทึกรับรู้รายได้จากการขายทั้งจำนวน 100 เครื่อง ตามหลักฐานใบส่งของ เนื่องจากกรรมสิทธิ์ในสินค้าได้โอนไปยังผู้ซื้อ เมื่อบริษัทฯ ผู้ขายได้ออกใบส่งสินค้านั้นแล้ว เพียงแต่ฝากสินค้าไว้กับผู้ขาย เพื่อรอการติดตั้ง และบริษัท ก ได้ออกใบกำกับภาษีขายให้แก่ลูกค้ารายใหญ่แล้ว บริษัท ก จึงต้องรับรู้ภาษีขายจากการขายสินค้าดังกล่าว ตามใบกำกับภาษีที่ออกให้แก่ลูกค้าไปแล้วนั้น 
    1.2 กรณีภาษีเงินได้นิติบุคคล 
         ตามมาตรา 453 และมาตรา 458 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถือว่า กรรมสิทธิ์ในสินค้าได้โอนไปยังผู้ซื้อแล้ว ดังนี้
        “มาตรา 453 ซื้อขาย คือ สัญญาซึ่งบุคคลฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ขาย โอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินให้บุคคลอีกฝ่ายหนึ่ง เรียกว่าผู้ซื้อ และผู้ซื้อตกลงว่าจะใช้ราคาทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้ขาย 
         มาตรา 458 กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ขายนั้น ย่อมโอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกัน” 
         การโอนกรรมสิทธิ์ หมายถึง การโอนความเป็นเจ้าของในทรัพย์สิน ที่ซื้อขายนั้นให้แก่ผู้ซื้อผู้ซื้อเมื่อได้เป็นเจ้าของก็สามารถที่จะใช้ ได้รับประโยชน์หรือจะขายต่อไปอย่างไรก็ได้ เกี่ยวกับการชำระราคาทรัพย์สินที่ซื้อขายกันนั้น เป็นกรณที่ผู้ซื้อผู้ขายจะต้องตกลงกันถ้าตกลงกันอย่างใดก็ได้ ซึ่งตามปกติในการทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินนั้นทันทีที่ทำสัญญากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชิ้นนั้นก็จะโอนไปยังผู้ซื้อทันทีแม้ว่าจะยังไม่ได้ส่งมอบทรัพย์สินชิ้นนั้นให้ผู้ซื้อ หรือแม้ผู้ซื้อจะยังไม่ได้ชำระเงินค่าทรัพย์สินนั้นก็ตาม ผู้ซื้อก็ได้ความเป็นเจ้าของไปแล้ว  
         แต่อย่างใดก็ตาม เนื่องจากการขายสินค้าตามข้อเท็จจริง เป็นการขายพร้อมติดตั้ง (Turn key project) หากคู่สัญญาตกลงให้กรรมสิทธิ์โอนไปยังผู้ซื้อ ก่อนที่จะทำการติดตั้ง ก็ย่อมต้องเป็นไปตามเจตนารมณ์แห่งสัญญา และหากคู่สัญญาตกลงให้กรรมสิทธิ์ในสินค้าตกเป็นของลูกค้าเมื่อติตตั้ง พร้อมใช้งาน ก็ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข 
         กรณีตามข้อเท้จจริง การขายอุปกรณ์เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เป็นเพียงการติดตั้งเดินสายไฟตามจุดหรือสถานที่ที่ลูกค้ากำหนด จึงถือได้ว่า กรรมสิทธิ์ในสินค้าได้โอนเปลี่ยนมือไปแล้ว ไม่ใช่ต้องรอให้ติดตั้งเสร็จสิ้นเสียก่อน ดังเช่นเครื่องจักรขนาดใหญ่ จึงถือว่า บริษัท ก ต้องรับรู้รายได้จากการขาย ตามหลักฐานการตกลงซื้อขายกันแล้วดังกล่าว 

2. การการันตีสินค้า ไม่มีผลต่อการรับรู้รายได้ เนื่องจากเป็นการให้หลักประกันในคุณภาพของสินค้านั้นภายหลังการขาย 

3. เมื่อถือว่า กรรมสิทธิ์ในสินค้าได้โอนเปลี่ยนมือไปยังลูกค้าแล้ว ตามข้อ 1 ข้างต้น ซึ่งบริษัท ก ผู้ขายต้องรับรู้รายได้ทั้งจำนวน แล้ว จึงไม่ต้องพิจารณาประเด็นทางเลือกอื่นอีก



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ