Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

การส่งสินค้าไปทดสอบ (Test) ที่ Lab ต่างประเทศ


เรื่อง การส่งสินค้าไปทดสอบ (Test) ที่ Lab ต่างประเทศ
แหล่งที่มา Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วันที่ วันที่ถาม 03/03/2024 - วันที่ตอบ 18/03/2024
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย มาตรา 70 ตรี วรรคสอง (1), มาตรา 78 (4)(ก) , มาตรา 80/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
ปุจฉา
ขอสอบถามอาจารย์เกี่ยวกับ การส่งสินค้าไปทดสอบ (Test) ที่ Lab ต่างประเทศ  
บริษัทฯ ทำกิจการผลิตระบบระบายอากาศ เป็นแบบ made to order ผลิตและส่งออก ซึ่งในบางครั้งบริษัทฯ ต้องผลิตสินค้าขึ้นมา 1 ตัว แล้วส่งไปเทสต์ที่ต่างประเทศ สินค้าที่ส่งไปเทสต์ บริษัทฯ ไม่ได้นำกลับเข้ามาในประเทศไทยอีก เนื่องจากเป็นการเทสต์แบบทำลายผลิตภัณฑ์  ผลิตภัณฑ์ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยทาง Lab จะทำสินค้าของเราที่ทำลายแล้วไปขายเป็นเศษซาก ซึ่งทางบริษัทฯ ก็ไม่รู้ว่า ทาง Lab จะขายเป็นเศษซากได้เงินมาเท่าไหร่ จึงขอเรียนถามอาจารย์ว่า ในเคสแบบนี้
    1. บริษัทฯ ต้องรับรู้รายได้ถูกต้องไหมค่ะ
    2. ถ้าต้องรับรู้รายได้ บริษัทฯ สามารถใช้มูลค่าของสินค้าที่เดินพิธีการในการส่งออกมารับรู้รายได้ ได้ไหมค่ะ ถ้าไม่ได้ บริษัทฯ ควรจะรับรู้รายได้จากมูลค่าตรงไหนค่ะ
    3. บริษัทฯ ขอสอบถามจุด point ที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มค่ะ ว่าเราควรรับรู้รายได้ ณ จุดตรงไหนค่ะ จุดที่เราส่งออกเลย หรือ จุดที่สินค้าถึงจุดหมายปลายทางที่ Lab ต่างประเทศค่ะ
วิสัชนา
ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
1. ตามมาตรา 70 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดเงื่อนไขการส่งสินค้าออกไปต่างประเทศให้แก่ตัวแทน ถือเป็นการขาย (Deemed Sale) ดังนี้ 
    “มาตรา 70 ตรี บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใด ส่งสินค้าออกไปต่างประเทศให้แก่ หรือตามคำสั่งของสำนักงานใหญ่ สาขา บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน ตัวการ ตัวแทน นายจ้าง หรือลูกจ้าง ให้ถือว่าการที่ได้ส่งสินค้าไปนั้นเป็นการขายในประเทศไทยด้วย และให้ถือราคาสินค้าตามราคาตลาดในวันที่ส่งไปเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ส่งไปนั้น
         ความในวรรคก่อนมิให้ใช้บังคับในกรณีที่สินค้านั้น
         (1) เป็นของที่ส่งไปเป็นตัวอย่างหรือเพื่อการวิจัยโดยเฉพาะ
         (2) เป็นของผ่านแดน
         (3) เป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร แล้วส่งกลับออกไปให้ผู้ส่งเข้ามาภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่สินค้านั้นเข้ามาในราชอาณาจักร
         (4) เป็นของที่ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรแล้วส่งกลับคืนเข้ามาให้ผู้ส่งในราชอาณาจักรภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่ส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร” 

2. ตามมาตรา 78 (4) แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาเกี่ยวกับความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการส่งออกสินค้าดังนี้ 
    “มาตรา 78 ภายใต้บังคับมาตรา 78/3 ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการขายสินค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้...
         (4) การขายสินค้าโดยส่งออก ให้ความรับผิดเกิดขึ้นดังต่อไปนี้
              (ก) การส่งออกนอกจากที่ระบุใน (ข) หรือ (ค) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อชำระอากรขาออก วางหลักประกันอากรขาออก หรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันอากรขาออก เว้นแต่ในกรณีที่ไม่ต้องเสียอากรขาออกหรือได้รับยกเว้นอากรขาออก แล้วแต่กรณี ก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออก ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
              (ข) การส่งออกในกรณีที่นำสินค้าเข้าไปในเขตปลอดอากรตามมาตรา 77/1 (14)(ก) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่นำสินค้าในราชอาณาจักรเข้าไปในเขตดังกล่าว 
              (ค) การส่งออกซึ่งสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้าทัณฑ์บนตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ให้ความรับผิดเกิดขึ้นพร้อมกับความรับผิดตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร” 

3. ตามมาตรา 79/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดมูลค่าของฐานภาษีสำหรับการส่งออกด้งนี้ 
    “มาตรา 79/1 ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการในกิจการเฉพาะอย่างให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
         (1) ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าโดยการส่งออก ได้แก่ มูลค่าของสินค้าส่งออก โดยให้ใช้ราคา เอฟ.โอ.บี. ของสินค้าบวกด้วยภาษีสรรพสามิตตามที่กำหนดในมาตรา 77/1 (19) และภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นตามที่จะได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา แต่ทั้งนี้ไม่ให้รวมอากรขาออก
              ราคา เอฟ.โอ.บี. ได้แก่ ราคาสินค้า ณ ด่านศุลกากรส่งออกโดยไม่รวมค่าประกันภัยและค่าขนส่งจากด่านศุลกากรส่งออกไปต่างประเทศ” 

ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า
กรณีตามข้อเท็จจริง
1. กรณีภาษีเงินได้นิติบุคคล บริษัทฯ ไม่ต้องรับรู้รายได้จากการส่งสินค้าตัวอย่าง เพื่อการวิจัยโดยเฉพาะ ไม่ว่าสินค้าตัวอย่างต้นแบบ จะมีมูลค่าเท่าใด ทั้งนี้ ตามมาตรา 70 ตรี วรรคสอง (1) แห่งประมวลรัษฎากร

2. กรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ ต้องรับรู้ว่าการส่งสินค้าตัวอย่าง ต้นแบบ เป็นรายได้ในรายงานภาษีขายและยื่นแบบ ภ.พ.30 โดยได้สิทธิอัตรา 0% ตามมาตรา 80/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร โดยให้ใช้มูลค่าของสินค้าตามราคา FOB ที่ใช้ในการเดินพิธีการทางศุลกากรในการส่งออกมารับรู้รายได้  

3. จุด Tax point หรือความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นไปตามมาตรา 78 (4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร ได้แก่ วันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออก ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ