ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. ตามมาตรา 70 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดเงื่อนไขการส่งสินค้าออกไปต่างประเทศให้แก่ตัวแทน ถือเป็นการขาย (Deemed Sale) ดังนี้ “มาตรา 70 ตรี บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใด ส่งสินค้าออกไปต่างประเทศให้แก่ หรือตามคำสั่งของสำนักงานใหญ่ สาขา บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน ตัวการ ตัวแทน นายจ้าง หรือลูกจ้าง ให้ถือว่าการที่ได้ส่งสินค้าไปนั้นเป็นการขายในประเทศไทยด้วย และให้ถือราคาสินค้าตามราคาตลาดในวันที่ส่งไปเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ส่งไปนั้น ความในวรรคก่อนมิให้ใช้บังคับในกรณีที่สินค้านั้น (1) เป็นของที่ส่งไปเป็นตัวอย่างหรือเพื่อการวิจัยโดยเฉพาะ (2) เป็นของผ่านแดน (3) เป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร แล้วส่งกลับออกไปให้ผู้ส่งเข้ามาภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่สินค้านั้นเข้ามาในราชอาณาจักร (4) เป็นของที่ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรแล้วส่งกลับคืนเข้ามาให้ผู้ส่งในราชอาณาจักรภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่ส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร”
2. ตามมาตรา 78 (4) แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาเกี่ยวกับความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการส่งออกสินค้าดังนี้ “มาตรา 78 ภายใต้บังคับมาตรา 78/3 ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการขายสินค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้... (4) การขายสินค้าโดยส่งออก ให้ความรับผิดเกิดขึ้นดังต่อไปนี้ (ก) การส่งออกนอกจากที่ระบุใน (ข) หรือ (ค) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อชำระอากรขาออก วางหลักประกันอากรขาออก หรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันอากรขาออก เว้นแต่ในกรณีที่ไม่ต้องเสียอากรขาออกหรือได้รับยกเว้นอากรขาออก แล้วแต่กรณี ก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออก ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร (ข) การส่งออกในกรณีที่นำสินค้าเข้าไปในเขตปลอดอากรตามมาตรา 77/1 (14)(ก) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่นำสินค้าในราชอาณาจักรเข้าไปในเขตดังกล่าว (ค) การส่งออกซึ่งสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้าทัณฑ์บนตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ให้ความรับผิดเกิดขึ้นพร้อมกับความรับผิดตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร”
3. ตามมาตรา 79/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดมูลค่าของฐานภาษีสำหรับการส่งออกด้งนี้ “มาตรา 79/1 ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการในกิจการเฉพาะอย่างให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าโดยการส่งออก ได้แก่ มูลค่าของสินค้าส่งออก โดยให้ใช้ราคา เอฟ.โอ.บี. ของสินค้าบวกด้วยภาษีสรรพสามิตตามที่กำหนดในมาตรา 77/1 (19) และภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นตามที่จะได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา แต่ทั้งนี้ไม่ให้รวมอากรขาออก ราคา เอฟ.โอ.บี. ได้แก่ ราคาสินค้า ณ ด่านศุลกากรส่งออกโดยไม่รวมค่าประกันภัยและค่าขนส่งจากด่านศุลกากรส่งออกไปต่างประเทศ”
ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า กรณีตามข้อเท็จจริง 1. กรณีภาษีเงินได้นิติบุคคล บริษัทฯ ไม่ต้องรับรู้รายได้จากการส่งสินค้าตัวอย่าง เพื่อการวิจัยโดยเฉพาะ ไม่ว่าสินค้าตัวอย่างต้นแบบ จะมีมูลค่าเท่าใด ทั้งนี้ ตามมาตรา 70 ตรี วรรคสอง (1) แห่งประมวลรัษฎากร
2. กรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ ต้องรับรู้ว่าการส่งสินค้าตัวอย่าง ต้นแบบ เป็นรายได้ในรายงานภาษีขายและยื่นแบบ ภ.พ.30 โดยได้สิทธิอัตรา 0% ตามมาตรา 80/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร โดยให้ใช้มูลค่าของสินค้าตามราคา FOB ที่ใช้ในการเดินพิธีการทางศุลกากรในการส่งออกมารับรู้รายได้
3. จุด Tax point หรือความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นไปตามมาตรา 78 (4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร ได้แก่ วันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออก ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์ |