Case study

การจ่ายค่า software ไปต่างประเทศ


เรื่อง การจ่ายค่า software ไปต่างประเทศ
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 23/06/2025
ประเภทภาษี
ข้อกฎหมาย
คำถาม

บริษัทจ่ายค่าสิทธิ software ไปต่างประเทศ 

1. สามารถยื่น ภงด.54 และ ภ.พ.36 ในเดือนที่จ่ายเลยได้หรือไม่   เช่น จ่ายเงินค่า software ในวันที่ 15  มิถุนายน 2568  เเต่จะไปยื่นและจ่ายภาษี (ภ.ง.ด.54) ในวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ได้หรือไม่ 

2. ถ้าได้  บริษัทสามารถนำใบเสร็จ ภ.พ.36 มาใช้เป็นเครดิตภาษีซื้อในเดือนมิถุนายน ได้หรือไม่  

3. ค่าสิทธิ software จ่ายให้บริษัทในเกาหลีใต้ ตามอนุสัญญาภาษีซ้อน หัก ณ ที่จ่าย 5% ใช่หรือไม่

คำตอบ

ตอบ  

1.  บริษัทสามารถยื่น ภงด.54 และ ภ.พ.36 ในเดือนมิถุนายนได้ เนื่องจากไม่มีกฏหมายกำหนดห้ามไว้ค่ะ มาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดแค่เพียงว่าต้องนำส่งภายในเจ็ดวันเท่านั้น ไม่ได้กำหนดว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ 

อย่างไรก็ตาม การนำส่งต้องนำส่งหลังจ่ายชำระให้ Supplier เท่านั้น ไม่สามารถชำระล่วงหน้าได้ 


            มาตรา 70  บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทยแต่ได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2)(3) (4) (5) หรือ (6) ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเสียภาษี โดยให้ผู้จ่ายหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามอัตราภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล แล้วนำส่งอำเภอท้องที่พร้อมกับยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในเจ็ดวันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมินนั้น ทั้งนี้ ให้นำมาตรา 54 มาใช้บังคับโดยอนุโลม


2.  บริษัทสามารถนำใบเสร็จ ภ.พ.36 มาใช้เป็นเครดิตภาษีซื้อใน ซึ่งจะนำไปหักกับภาษีขาย เดือนภาษีมิถุนายน ที่จะต้องนำส่งในเดือน กรกฏาคม ได้ค่ะเนื่องจากไม่มีกฏหมายกำหนดห้ามไว้ 


มาตรา 77/1 ในหมวดนี้ เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น

(18) “ภาษีซื้อ” หมายความว่า ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนถูกผู้ประกอบการจดทะเบียนอื่นเรียกเก็บตามมาตรา 82/4 วรรคสี่ และให้หมายความรวมถึง
                   (ค) ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ได้นำส่งตามมาตรา 83/5 มาตรา 83/6 และมาตรา 83/7


มาตรา 82/3 ภายใต้บังคับมาตรา 82/7 มาตรา 82/8 และมาตรา 82/16 ให้ผู้ประกอบการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อในแต่ละเดือนภาษี




3. ค่าสิทธิ software จ่ายให้บริษัทในเกาหลีใต้  เป็นงานวรรณกรรมอันมีลิขสิทธิ์  ตามอนุสัญญาภาษีซ้อน หัก ณ ที่จ่าย 15% (ไม่ใช่ 5%) เนื่องจากอนุสัญญาภาษีซ้อนมีการแก้ไขใน website (แต่ไม่ได้มีแนบชุด PDF ชุดใหม่) ดังนั้นเมื่อเปิดแล้วจึงไม่ใช่ชุดปัจจุบัน 


https://www.rd.go.th/765.html 

 



ไฟล์ PDF      korea_t_edit ลงนาม 16 พ.ย.2006

หน้า Website ของกรมสรรพากร(HTML)


ข้อ 12 ค่าสิทธิ์ประเภท software

หัก ณ ที่จ่าย 5%

ข้อ 12 ค่าสิทธิ์ทุกประเภท

หัก ณ ที่จ่าย 15%




ไฟล์ PDF    korea_t_edit ลงนาม 16 พ.ย.2006    ข้อ 12 ค่าสิทธิ์ประเภท software หัก ณ ที่จ่าย 5%



อนุสัญญา ระหว่าง

รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับ รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเกาหลี

เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน และ การป้องกันการเลี่ยงรัษฎากร ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้









หน้า Website ของกรมสรรพากร (HTML)ข้อ 12 ค่าสิทธิ์ทุกประเภท หัก ณ ที่จ่าย 15%

อนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทย กับ สาธารณรัฐเกาหลี
 เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้


https://rd.go.th/817.html#article12ข้อ 13   ค่าสิทธิ


1.    ภาษีที่รัฐบาลผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งตั้งบังคับเก็บจากค่าสิทธิซึ่งผู้มีถิ่นที่อยู่ในหรือบรรษัทของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง ซึ่งมิได้มีสถานประกอบการถาวรอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐแรกได้จากแหล่งภายในรัฐผู้ทำสัญญานั้น และจากเงินได้ซึ่งได้จากแหล่งภายในรัฐผู้ทำสัญญานั้น ด้วยการจำหน่ายทรัพย์สิน หรือข้อสนเทศตามที่ระบุไว้ในวรรค (2) ของข้อนี้ จะต้องไม่เกินร้อยละ 15 ของจำนวนเงินทั้งสิ้น


2.    เพื่อความมุ่งประสงค์แห่งข้อนี้ "ค่าสิทธิ" หมายถึง ค่าสิทธิใดๆ ค่าเช่า หรือจำนวนเงินอย่างอื่นใดที่จ่ายเป็นค่าตอบแทนเพื่อการใช้ หรือสิทธิในการใช้


                (ก) ลิขสิทธิ์ของวรรณกรรม ผลงานทางศิลปะหรือวิทยาศาสตร์ สิทธิบัตร แบบแผนผัง กรรมวิธีลับหรือสูตรลับ เครื่องหมายการค้า ฟิล์มภาพยนตร์ ฟิล์มหรือแถบบันทึกเสียง เพื่อส่งทางวิทยุหรือโทรภาพ หรือทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างอื่นที่คล้ายคลึงกัน หรือ

                 (ข)  ข้อสนเทศเกี่ยวกับความรู้ทางอุตสาหกรรม การพาณิชย์ หรือวิทยาศาสตร์ ประสบการณ์ หรือ ทักษะ คำนี้ไม่รวมถึงค่าสิทธิ ค่าเช่า หรือจำนวนเงินอื่นใดที่จ่ายให้เกี่ยวกับการประกอบการเหมืองแร่ เหมืองหิน หรือทรัพยากรธรรมชาติอย่างอื่น


3.  มิให้ใช้บังคับบทของวรรค (1) ของข้อนี้ ในกรณีที่ผู้รับค่าสิทธิหรือเงินได้ ซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในหรือบรรษัทของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง มีอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งที่ค่าสิทธิหรือเงินได้เกิดขึ้นซึ่งสถานประกอบการถาวรอันเกี่ยวข้องในประการสำคัญกับทรัพย์สิน สิทธิ หรือข้อสนเทศที่ก่อให้เกิดค่าสิทธิหรือเงินได้นทของข้อ 7 เสมือนหนึ่งว่าค่าสิทธิ และเงินได้เป็นกำไรจากอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์


4.  ในกรณีที่ค่าสิทธิใดๆ ซึ่งบุคคลหนึ่งจ่ายให้แก่บุคคลอื่นใดที่มีความสัมพันธ์กัน ตามที่ได้นิยามไว้ในข้อ 10 มีจำนวนเกินกว่าค่าตอบแทนอันยุติธรรมและเหมาะสม โดยคำนึงถึงสิทธิที่ต้องชำระให้นั้นให้ใช้บังคับบทของวรรค (1) ของข้อนี้ แก่จำนวนค่าสิทธิที่เป็นค่าตอบแทนอันยุติธรรมและเหมาะสมเท่านั้น ส่วนเกินของเงินที่ชำระนั้นให้กำหนดประเภทและเก็บภาษีตามกฎหมายของรัฐผู้ทำสัญญาแต่ละรัฐ รวมทั้งบทของอนุสัญญานี้เท่าที่ใช้บังคับได้


5.  ค่าสิทธิซึ่งชำระเพื่อการใช้ หรือสิทธิในการใช้ ทรัพย์สินหรือข้อสนเทศซึ่งระบุไว้ในวรรค 2 ของข้อนี้ ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐใดรัฐหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นเงินได้จากแหล่งภายในรัฐนั้น เงินได้จากการจำหน่ายทรัพย์สิน หรือข้อสนเทศตามที่ระบุไว้ในวรรค (2) ของข้อนี้ เพื่อการใช้ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐใดรัฐหนึ่งให้ถือว่าเป็นเงินได้จากแหล่งภายในรัฐนั้น

https://rd.go.th/815.html#article26

อ้างอิง

เรื่อง

ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการหักภาษีและนำส่งจากค่าลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร

แหล่งที่มา

ข้อหารือ กรมสรรพากร

วันที่

13/10/2008

เลขที่หนังสือ

กค 0702/6638

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ข้อกฎหมาย

มาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร

ข้อหารือ

     บริษัท ท. ได้ซื้อสิทธิการใช้ลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์จาก S. ซึ่งเป็นบริษัทที่ จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศอินเดียและไม่มีตัวแทนอยู่ในประเทศไทย Software ดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานที่ได้ประดิษฐ์และจัดทำขึ้นเพื่อจำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไป ไม่ได้จำหน่ายให้แก่บริษัทฯ แต่เพียงรายเดียว วัตถุประสงค์ในการจัดซื้อเพื่อใช้ในการทำงานของบริษัทฯ และกลุ่มบริษัทย่อย โดยไม่มีสิทธิดัดแปลง ทำซ้ำ หรือจำหน่ายแก่สาธารณชน บริษัทฯ เห็นว่า การจ่ายค่าสิทธิการใช้ Software ดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นการ ซื้อสินค้า ไม่ใช่การจ่ายค่า Royalty ดังนั้น บริษัทฯ จึงไม่ต้องหักภาษีและนำส่งจากเงินได้พึงประเมินที่จ่าย เพราะถือเป็นการจ่ายเงินกำไรจากธุรกิจให้แก่ผู้มีเงินได้ที่ไม่มีสถานประกอบการถาวรในประเทศไทยตามข้อ 7 ของอนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดีย เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงการรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้จึงขอหารือว่า ความเห็นดังกล่าวถูกต้องหรือไม่

แนววินิจฉัย

    กรณีบริษัทฯ ซื้อสิทธิในการใช้ Software จาก SAP India ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนตามกฎหมายของประเทศอินเดียและไม่มีตัวแทนอยู่ในประเทศไทย เพื่อนำมาใช้ในการทำงานของ บริษัทฯ และกลุ่มบริษัทย่อยโดยบริษัทฯ ไม่มีสิทธิดัดแปลง ทำซ้ำ หรือจำหน่ายให้แก่สาธารณชนนั้น แม้ Software ดังกล่าว เป็น Software มาตรฐานที่ผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไป ไม่ใช่การรับจ้างเขียนเพื่อกิจการของบริษัทฯ โดยเฉพาะ ก็ถือว่าเป็นงานวรรณกรรมอันมีลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 เงินได้จากการจำหน่าย Software จึงเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(3) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น การที่บริษัทฯ จ่ายเงินค่าสิทธิในการใช้ Software จึงเข้าลักษณะเป็นการจ่ายค่าตอบแทนการใช้ลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรม ซึ่งถือเป็นค่าสิทธิ (Royalties) ตามข้อ 12 แห่งอนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดียฯ เมื่อบริษัทฯ จ่ายค่าตอบแทนให้แก่ S. ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียน ตามกฎหมายของประเทศอินเดียและไม่มีตัวแทนอยู่ในประเทศไทย บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องหักภาษีและนำส่งในอัตราร้อยละ 15 จากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 12 วรรคสองแห่งอนุสัญญาฉบับดังกล่าว

เลขตู้

71/36188

หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ