Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

บริษัท A อยู่ในเขตปลอดอากร (เขต Free Zone) ซื้อน้ำตาลจากสิงคโปร์ แต่สิงคโปร์สั่งสินค้าจากบริษัท B ในประเทศไทย ให้ส่งเข้าไปใน Free Zone


เรื่อง บริษัท A อยู่ในเขตปลอดอากร (เขต Free Zone) ซื้อน้ำตาลจากสิงคโปร์ แต่สิงคโปร์สั่งสินค้าจากบริษัท B ในประเทศไทย ให้ส่งเข้าไปใน Free Zone
แหล่งที่มา Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วันที่ วันที่ถาม 22/05/2025 - วันที่ตอบ 09/08/2025
ประเภทภาษี ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย มาตรา 80/1 (1), มาตรา 83/6 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
ปุจฉา
บริษัท A เป็นผู้ผลิตน้ำเชื่อมส่งออกอยู่ในเขตฟรีโซน สั่งซื้อน้ำตาลจากประเทศสิงคโปร์ โดยที่ผู้ขายในประเทศสิงคโปร์ ได้สั่งซื้อน้ำตาลจาก บริษัท B ซึ่งอยู่ในประเทศ โดยที่ บริษัท B ทำใบขนออกให้กับบริษัท A (โดยน้ำตาลที่ซื้อ เป็นสินค้าควบคุม ให้เฉพาะโควต้าส่งออกเท่านั้น) ซึ่งบริษัท A ไม่สามารถซื้อตรงกับ บริษัท B ได้เนื่องจากไม่มีโควต้าในการซื้อจากบริษัท B ซึ่งถ้าจะมีโควต้า ต้องใช้เงินจ่ายล่วงหน้าค่อนข้างเยอะ 
สอบถามอาจารย์ครับ 
ในกรณีนี้ บริษัท A ต้องยื่น ภ.พ.36 แทนสิงคโปร์ไหมครับ เนื่องจากน้ำตาลที่ซื้อเป็นสินค้าควบคุมส่งออกเท่านั้น ไม่สามารถซื้อขายในประเทศได้ 
โดยที่ตอนซื้อบริษัท B จะทำใบขนออกให้ และ แบบ อ.2 (ใบอนุญาตให้ส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (สินค้าน้ำตาลทราย)
วิสัชนา
1. ตามข้อ 4 ข้อ 6 และข้อ 11 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 97/2543 เรื่อง การส่งออกสินค้า ซึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับสิทธิเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2543 กรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อในต่างประเทศ และผู้ประกอบการจดทะเบียนผลิตสินค้าเพื่อส่งออกหรือซื้อสินค้าดังกล่าวจากโรงงานผู้ผลิตหรือผู้ขายในประเทศเพื่อส่งออก แต่ได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้าในประเทศตามคำสั่งซื้อของผู้ซื้อในต่างประเทศ (ข้อ 4) และกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนผลิตสินค้าเพื่อส่งออกหรือซื้อสินค้าดังกล่าวจากโรงงานผู้ผลิตหรือผู้ขายในประเทศเพื่อส่งออก แต่ได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้าในประเทศตามคำสั่งซื้อของผู้ซื้อในต่างประเทศ และกรณีส่งออกน้ำตาลทรายของโรงงานน้ำตาลทรายโดยผ่านตัวแทนในการส่งออก (ข้อ 11) ดังนี้ 
    “ข้อ 4 เว้นแต่กรณีตามข้อ 5 ข้อ 6 และข้อ 7 กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อในต่างประเทศ และผู้ประกอบการจดทะเบียนผลิตสินค้าเพื่อส่งออกหรือซื้อสินค้าดังกล่าวจากโรงงานผู้ผลิตหรือผู้ขายในประเทศเพื่อส่งออก แต่ได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้าในประเทศตามคำสั่งซื้อของผู้ซื้อในต่างประเทศ โดยที่สินค้าดังกล่าวไม่ได้ส่งออกนอกราชอาณาจักรเพื่อส่งไปต่างประเทศ จึงไม่เข้าลักษณะเป็นการส่งออกตามมาตรา 77/1 (14) แห่งประมวลรัษฎากร แต่ถือเป็นการขายสินค้าในราชอาณาจักร ตามมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณภาษีตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร โดยต้องจัดทำใบกำกับภาษีเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อในต่างประเทศตามมาตรา 82/4 และมาตรา 86 แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตามมาตรา 78 แห่งประมวลรัษฎากร 
         กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้าในประเทศตามคำสั่งซื้อของผู้ซื้อในต่างประเทศ ถือว่าผู้ซื้อในต่างประเทศขายสินค้าให้แก่ลูกค้าในประเทศ เมื่อลูกค้าในประเทศจ่ายเงินค่าซื้อสินค้าให้แก่ผู้ซื้อในต่างประเทศ ลูกค้าในประเทศมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ซื้อในต่างประเทศมีหน้าที่เสียภาษี ตามมาตรา 83/6 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
     ข้อ 11 การส่งออกน้ำตาลทรายของโรงงานน้ำตาลทรายโดยผ่านตัวแทนในการส่งออก ทั้งบริษัทอ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด หรือบริษัทส่งออกอื่น โดยได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และได้มีการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการอนุญาตให้ส่งออกน้ำตาลทราย ตามกฎหมายว่าด้วยอ้อยและน้ำตาลทราย โดยครบถ้วน ถือว่าโรงงานน้ำตาลทรายเป็นผู้ส่งออก ตามมาตรา 77/1 (13) แห่งประมวล รัษฎากร ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับตัวแทนในการส่งออกทั้งบริษัทอ้อยและน้ำตาลไทยจำกัด หรือบริษัทผู้ส่งออกอื่นถือเป็นผู้ให้บริการ และดำเนินพิธีการส่งออกแทนโรงงานน้ำตาลทราย ตามมาตรา 77/1 (10) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งตัวแทนในการส่งออกดังกล่าวมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากค่าบริการที่ได้รับจากโรงงานน้ำตาลทราย ตามมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร โดยคำนวณภาษีตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร 
         โรงงานน้ำตาลทรายตามวรรคหนึ่ง จะได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 แห่งประมวลรัษฎากร จะต้องมีหลักฐานดังต่อไปนี้พร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้ 
         (1) หลักฐานที่แสดงว่าโรงงานน้ำตาลทรายเป็นเจ้าของโควต้าตามชนิดและปริมาณน้ำตาลทรายที่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายกำหนด 
         (2) หนังสือสัญญาการแต่งตั้งตัวแทน ระหว่างโรงงานน้ำตาลทราย กับบริษัทอ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด และหรือบริษัทผู้ส่งออกอื่น เพื่อทำสัญญาซื้อขายและ ดำเนินการส่งออกแทน 
         (3) คำร้องขอรับหนังสืออนุญาตให้ส่งน้ำตาลทรายออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับชนิดและปริมาณน้ำตาลที่โรงงานน้ำตาลทรายผลิตได้จริง ชนิดและปริมาณน้ำตาลทรายที่ขอส่งออก ตลอดจนชนิดและปริมาณน้ำตาลทรายคงเหลือ 
         (4) หนังสืออนุญาตให้ส่งน้ำตาลทรายตาม (3) ออกนอกราชอาณาจักร 
         (5) ใบอนุญาตให้ส่งน้ำตาลทรายไปนอกราชอาณาจักร ที่ได้ดำเนินการส่งออกเรียบร้อยแล้ว
         (6) หลักฐานการรับมอบน้ำตาลทรายลงเรือ (กรณีส่งออกทางเรือ) หรือบรรทุกรถยนต์ (กรณีส่งออกทางบก) หรือบรรทุกเครื่องบิน (กรณีส่งออกทางอากาศ) ที่ผู้ประกอบการขนส่ง หรือผู้รับมอบอำนาจรับรองชนิดและปริมาณของน้ำตาลทรายที่ส่งออกหรือหนังสือกำกับการขนย้ายน้ำตาลทรายซึ่งจัดทำโดยคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย”  

2. ตามข้อ 6 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 97/2543 เรื่อง การส่งออกสินค้า ซึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับสิทธิเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2543 กรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนนำสินค้าในราชอาณาจักรเข้าไปในเขตปลอดอากร ดังนี้
     “ข้อ 6 กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนนำสินค้าในราชอาณาจักรเข้าไปในเขตอุตสาหกรรมส่งออก ตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (เขตปลอดอากร: Free Zone) ซึ่งถือเป็นการส่งออกตามมาตรา 77/1 (14) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 แห่งประมวลรัษฎากรจะต้องมีหลักฐานดังต่อไปนี้ พร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้ 
         (1) หลักฐานที่แสดงว่าผู้ซื้อในเขตอุตสาหกรรมส่งออกซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียนจริง เช่น Proforma Invoice หรือ Purchase Order หรือ Order Note หรือเอกสารอื่นที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน 
         (2) หลักฐานที่แสดงว่าจะมีการชำระราคาค่าสินค้าตามใบกำกับสินค้า(Invoice) ในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียน เช่น หลักฐานการเปิด L/C (Letter of Credit) หรือหลักฐานการจัดทำ T/T (Telex Transfer) หรือ T/P (Term of Payment) หรือเอกสารที่ระบุว่านำเงินเข้าบัญชีธนาคาร หรือ Bank Statement เป็นต้น 
         (3) หลักฐานสำเนาคำร้องขอนำสินค้าในราชอาณาจักรเข้าไปในเขตอุตสาหกรรมส่งออกตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนดในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียน ซึ่งเจ้าหน้าที่ศุลกากรรับรองแล้ว หรือสำเนาใบขนสินค้าขาออกในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ผ่านพิธีการศุลกากรฉบับที่มีการสลักหลังการตรวจปล่อยสินค้าโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร หรือใบขนสินค้าขาออกฉบับมุมสีน้ำเงิน สำหรับกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ขอใช้สิทธิรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรหรือขอคืนอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร 
         ผู้ประกอบการจดทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ต้องจัดทำใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร และส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อในเขตอุตสาหกรรมส่งออกเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น ตามมาตรา 78 และมาตรา 86 แห่งประมวลรัษฎากร โดยระบุอัตราภาษีร้อยละ 0” 

ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า 
    กรณีตามข้อเท็จจริง บริษัท A เป็นผู้ผลิตน้ำเชื่อมส่งออกอยู่ในเขตปลอดอากร (เขต Free Zone) สั่งซื้อน้ำตาลจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งผู้ขายในประเทศสิงคโปร์ ได้สั่งซื้อน้ำตาลจาก บริษัท B ซึ่งอยู่ในประเทศ โดยบริษัท B ได้ดำเนินพิธีการทางศุลกากรจัดทำใบขนสินค้าขาออกให้กับบริษัท A (เพราะน้ำตาลที่ซื้อ เป็นสินค้าควบคุม อนุญาตให้ขายได้เฉพาะโควต้าส่งออกเท่านั้น) บริษัท A จึงไม่สามารถซื้อจากบริษัท B ได้โดยตรง เนื่องจากไม่มีโควต้าในการซื้อจากบริษัท B ซึ่งถ้าจะมีโควต้า ต้องใช้เงินจ่ายล่วงหน้าจำนวนมาก เช่นนี้ 

1. กรณีการขายสินค้าของบริษัท B ซึ่งเป็นการนำของในราชอาณาจักรเข้าไปในเขตปลอดอากร ซึ่งของนั้นไม่มีสิทธิหรือไม่ได้ใช้สิทธิยกเว้นหรือคืนอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรหรือกฎหมายอื่น โดยดำเนินพิธีการทางศุลกากรจัดทำคำร้องขอนำสินค้าในราชอาณาจักรเข้าไปเขตปลอดอากร (แบบ กศก.122) เพื่อส่งมอบสินค้าให้แก่บริษัท A พร้อมทั้ง แบบ อ.2 (ใบอนุญาตให้ส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (สินค้าน้ำตาลทราย) ถือได้ว่า บริษัท B เป็นผู้ส่งออกน้ำตาล ย่อมได้สิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 0% ตามมาตรา 80/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งจะต้องมีหลักฐานตามข้อ 6 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 97/2543ฯ พร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้

2. กรณีบริษัท A ซื้อนำตาลจากบริษัทแห่งประเทศสิงคโปร์ เมื่อบริษัท A ซึ่งเป็นผู้ประกอบการในประเทศจ่ายเงินค่าซื้อสินค้าให้แก่บริษัทแห่งประเทศสิงคโปร์ บริษัท A ในประเทศมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัทแห่งประเทศสิงคโปร์มีหน้าที่เสียภาษี ตามมาตรา 83/6 (1) แห่งประมวลรัษฎากร โดยยื่น ภ.พ.36 แทนบริษัทแห่งประเทศสิงคโปร์ ตามข้อ 4 วรรคสองของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 97/2543ฯ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ