1. สัญญาเช่า (lease agreement) 1.1 สัญญาเช่า (lease agreement) เป็นสัญญาที่ผู้เป็นเจ้าของให้ผู้เช่าได้ใช้สินทรัพย์ของตน ซี่งเมื่อมองลึกลงไปสัญญาเช่านั้นจะแจกแจงชนิดของสินทรัพย์ได้เป็น 2 ประเภทคือ (1) สินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่น การเช่าที่ดิน หรือสิ่งของอื่นๆ และ (2) สินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ เช่น สัญญาเช่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือคลื่นความถี่วิทยุ สัญญาเช่ามักจะระบุช่วงเวลาเช่า ส่วนใหญ่มักจะเป็นการทำสัญญาแบบเดือนต่อเดือน 1.2 ข้อตกลงทั่วไป สัญญาเช่าเป็นสัญญาทางกฎหมายและบังคับใช้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องภายใต้เงื่อนไขกฎของสัญญา สัญญาเช่าแบบเฉพาะเจาะจง อาจจะมีคำสั่งที่เฉพาะเจาะจงในเรื่องนั้นๆ ขึ้นชนิดและประเภทของสัญญาเช่าที่คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายได้กระทำขึ้น 1.3 องค์ประกอบทั่วไป: (1) ชื่อของผู้ทำสัญญาทั้ง 2 ฝ่าย (2) วันที่เริ่มต้นและระยะเวลาของสัญญา (3) ระบุวัตถุที่เฉพาะเจาะจงของสัญญาเช่า (4) กำหนดเงื่อนไขที่ใช้ในกรณีการต่ออายุหรือไม่ต่ออายุ (5) กำหนดรูปแบบการชำระเงิน (เงินก้อนหรือชำระเป็นงวดๆ) (6) กำหนดบทบัญญัติสำหรับการเช่าสินค้าและการชำระคืน (7) กำหนดและอธิบายเงื่อนไขพิเศษ (ในกรณีที่เป็นสัญญษเช่าเฉพาะเจาะจง) ( 8 ) อาจจะมีเงื่อนไขเฉพาะอื่น ๆ วางอยู่บนคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายเช่น การประกันสินค้าในกรณีสูญเสีย การกำจัดการใช้งานสินค้า ระบุบุคคลที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการบำรุงรักษา 1.4 ประเภทของสัญญาเช่า (1) สัญญาเช่าระยะยาว สัญญาเช่าระยะยาวนั้น เป็นสัญญาเช่าที่มีกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดที่แน่นอน สัญญาเช่าประเภทนี้เมื่อครบกำหนดแล้วสัญญาเช่าจะสิ้นสุดลงทันทีโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า (2) สัญญาเช่าตามช่วงระยะเวลา สัญญาเช่าประเภทนี้ จะกำหนดระยะเวลาแบบปีต่อปี เดือนต่อเดือน หรือสัปดาห์ต่อสัปดาห์ เมื่อใกล้ถึงระยะเวลาที่กำหนดทั้งสองฝ่ายสามารถยกเลิกสัญญาได้ แต่ต้องแจ้งให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้าโดยไม่ก่อให้เกิดภาระผูกพันใดๆ (3) สัญญาเช่าไม่กำหนดระยะเวลา สัญญาเช่าประเภทนี้ เป็นสัญญาที่ทั้งสองฝ่ายสามารถยกเลิกเมื่อไรก็ได้ ไม่มีการกำหนดระยะเวลาที่แน่ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นสำคัญ (4) สัญญาเช่าแบบการผ่อนปรน สัญญาเช่าแบบการผ่อนปรน หมายถึงสัญญาเช่าที่หมดอายุการเช่าแล้วแต่ผู้เช่ายังคงครอบครองสิ่งที่เช่าต่อไป และผู้ให้เช่าก็ไม่ได้ทักท้วงหรือให้คำยินยอมแต่อย่างใด แต่หากผู้ให้เช่าแสดงความยินยอมใช้เช่า ก็จะเป็นการทำสัญญาเช่าแบบระยะยาวหรือตามช่วงระยะเวลาต่อไป อ้างอิง: 1.5 การให้เช่าสังหาริมทรัพย์ ในทางภาษีอากร (1) อยู่ในบังคับที่ต้องดรวเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 (1) แห่งประมวลรัษฎากร (2) กรณีผู้เช่าเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ที่จ่ายค่าเช่าให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 6 (1) และ (2) ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 ในอัตราร้อยละ 5 ของค่าเช่า (3) สัญญาเช่าสังหาริมทรัพย์ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องปิดอากรแสตมป์
2. สัญญาให้บริการใช้ทรัพย์สิน 2.1 สัญญาการให้บริการใช้ทรัพย์สิน ต้องไม่มีการส่งมอบการครอบครองทรัพย์ที่ให้ผู้ใช้บริการใช้ ซึ่งผู้ให้บริการใช้ทรัพย์สินยังคงครอบครองทรัพย์สินนั้นตลอดระยะเวลาที่ให้บริการใช้ทรัพย์สินนั้น 2.2 การให้บริการใช้ทรัพย์สินในทางภาษีอากร (1) เป็นกิจการให้บริการที่อยู่ในข่ายที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 (1) แห่งประมวลรัษฎากร (2) กรณีผู้ใช้บริการเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ที่จ่ายค่าเช่าให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 ในอัตราร้อยละ 3 ของค่าบริการ (3) สัญญาให้บริการใช้ทรัพย์สินไม่อยู่ในบังคับที่ต้องปิดอากรแสตมป์
ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า กรณีตามข้อเท็จจริงข้างต้น การพิจารณาว่า การให้บริการเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆ ในการจัดประชุมของบริษัทฯ จาก Supplier ที่เป็นบุคคลธรรมดา อาทิ เต้นท์ ลำโพง เก้าอี้พลาสติก พัดลมไอน้ำ โต๊ะ นั้น ถือเป็นการเช่าทรัพย์สิน หรือการให้บริการใช้ทรัพย์สิน มีสาระสำคัญประการหนึ่ง คือ มีการส่งมอบการครอบครองอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านั้น หรือไม่ หากตามข้อตกลงระหว่างคู่สัญญาว่า ผู้ให้บริการไม่มีการส่งมอบการครอบครองใดๆ ให้แก่ผู้รับบริการ ตลอดช่วงระยะเวลาที่ใช้ทรัพย์สินนั้น โดยผู้ให้บริการ ยังคงครอบครองทรัพย์สินเหล่านั้นอยู่ตลอดเวลา ดูแลให้สามารถใช้ทรัพย์สินดังกล่าวให้สมประโยชน์แก่ผู้รับบริการ กรณีนี้ ย่อมถือได้ว่า เป็นการให้บริการใช้ทรัพย์สิน บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 ในอัตราร้อยละ 3 ของค่าบริการ ในทางตรงกันข้าม หากตามข้อตกลงได้มีการกำหนดให้มีการส่งมอบการครอบครองอุปกรณ์ต่างๆ ดังกล่าว ในช่วงระยะเวลาที่ใช้ทรัพย์สินนั้น ย่อมถือเป็นการให้เช่าทรัพย์สิน บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 6 (1) และ (2) ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 ในอัตราร้อยละ 5 ของค่าเช่า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์ " |