Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

ค่าความนิยม Goodwill
เรื่อง | ค่าความนิยม Goodwill |
แหล่งที่มา | Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ |
วันที่ | วันที่ถาม 19/02/2023 - วันที่ตอบ 06/04/2023 |
ประเภทภาษี | ภาษีเงินได้นิติบุคคล |
ข้อกฎหมาย | พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) |
ปุจฉา | ค่าความนิยม สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้หรือไม่ ถ้าได้ต้องนำมาคำนวณหรือคิดอย่างไรค่ะ |
วิสัชนา | 1. ค่าความนิยม คืออะไร? ค่า Goodwill สำคัญอย่างไร เขียนโดย Kris Piroj กรกฎาคม 7, 2019 ค่าความนิยม คือ สินทรัพย์ไม่มีตัวตนรูปแบบหนึ่งของกิจการ โดยส่วนมากค่าความนิยมหรือค่า Goodwill คือ สิ่งที่ทำให้กิจการโดดเด่นจนสามารถนำไปใช้เป็นจุดขายที่แบรนด์อื่น ๆ ในธุรกิจเดียวกันไม่มี ซึ่งทำให้ธุรกิจที่มีสินทรัพย์ที่จับต้องได้เท่ากันแต่มีมูลค่าต่างกัน ค่าความนิยม (Goodwill) ที่พบได้บ่อย คือ ชื่อเสียงของแบรนด์ ฐานลูกค้า ความนิยมของแบรนด์ ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ เป็นต้น จะเห็นว่าโดนมากค่า Goodwill หรือค่าความนิยมเป็นสิ่งที่เกิดจากชื่อเสียงที่สะสมมานานนั่นเอง ด้วยความที่ค่าความนิยมหรือค่า Goodwill คือ สินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน (Intangible Asset) ทำให้เป็นสินทรัพย์ที่จะไม่ได้บันทึกไว้ในบัญชีตามปกติ แต่จะแสดงขึ้นมาเป็นค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดการรวมกิจการ ไม่ว่าจะเป็นการ Merger หรือ Acquisition โดยบริษัทที่ทำการรวมกิจการหรือซื้อกิจการจะบันทึกค่า Goodwill หรือ ค่าความนิยมของบริษัทที่ซื้อมาในลักษณะของค่าตัดจำหน่าย (Amortization)ในแต่ละงวดไปเป็นค่าใช้จ่ายจนกว่าจะครบจำนวน นอกจากนี้ ค่า Goodwill ในกรณีของตัวบุคคล จะเป็นเรื่องของชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ และความนิยมในตัวบุคคล ซึ่งในกรณีที่บริษัทมีบุคคลในลักษณะดังกล่าวอยู่และสูญเสียไปก็ทำให้ค่า Goodwill ลดลงได้เช่นกัน อย่างเช่น Steve Jobs ของ Apple ค่าความนิยม (Goodwill) คำนวณจากอะไร? อย่างที่บอกว่าค่าความนิยมหรือค่า Goodwill คือ สินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน แต่เมื่อเกิดการรวมกิจการหรือซื้อกิจการ ค่า Goodwill จะปรากฎขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีการคำนวณเกิดขึ้น โดยวิธีหาค่า Goodwill สามารถทำได้ดังนี้ Goodwill = Purchase Price - Fair Price หรือในภาษาไทยแปลว่า ค่าความนิยม = ราคาที่ซื้อ – ราคาปกติ เพราะเมื่อเกิดการซื้อกิจการจะทำให้เห็นมูลค่าของ Goodwiแl เนื่องจาก ในการซื้อกิจการที่มีค่า Goodwill สูงนั่นหมายความว่าในราคาที่ซื้อจะรวมค่า Goodwill ไปด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทอะไรก็ตามไม่ใช่บริษัทเดียวที่ทำธุรกิจนั้นๆ อยู่บริษัทเดียวบนโลก ดังนั้นในการซื้อกิจการก็จะต้องเปรียบเทียบกับราคาตลาดของบริษัทเดียวกัน (เรียกว่า Fair Price หรือ Market Price) ตัวอย่างค่า Goodwill ของบริษัท สมมติว่า บริษัท GIGร ซื้อบริษัทน้ำอัดลมชื่อบริษัท AAA ซึ่งเป็นบริษัทน้ำอัดลมเจ้าแรกที่คนคุ้นเคยในระดับที่เรียกน้ำอัดลมยี่ห้ออื่นว่า AAA เสียด้วยซ้ำ โดยซื้อมาในมูลค่า 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากว่าบริษัท GIGร ไปซื้อบริษัทน้ำอัดลมบริษัทอื่น บริษัท GIGร จะใช้เงินซื้อบริษัทเหล่านั้นที่ราคา 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ซึ่ง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนี้เองคือราคาตลาดของบริษัทน้ำอัดลมที่ไม่มีความโดดเด่นทั่วไปนั่นเอง ดังนั้น เมื่อแทนเลขลงไปในสมการจะได้เป็น Goodwill = 9,000 - 1,000 = 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะเห็นว่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คือ ค่า Goodwill หรือ ค่าความนิยม ในแบรนด์ AAA นั่นเอง จากตัวอย่างพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ค่าความนิยมหรือค่า Goodwill คือ ค่าความโดนเด่นของบริษัท AAA เมื่อเทียบกับบริษัทน้ำอัดลมทั่วไปที่ควรจะมีค่าแค่ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั่นเอง นอกจากนี้ หลายคนอาจเคยเห็นคำว่า ค่าแห่งกู๊ดวิล ซึ่งคำว่า ค่าแห่งกู๊ดวิล ก็คือค่า Goodwill หรือ ค่าความนิยมที่เราพูดถึงในบทความนี้เช่นกัน 2. ตามมาตรา 65 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 4 (4) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 “มาตรา 4 การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินให้คำนวณหักตามระยะเวลาที่ได้ทรัพย์สินนั้นมาในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีในกรณีที่รอบระยะเวลาใดไม่เต็มสิบสองเดือนให้เฉลี่ยตามส่วนสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีนั้น ทั้งนี้ ไม่เกินอัตราร้อยละของมูลค่าต้นทุนตามประเภทของทรัพย์สิน ดังต่อไปนี้ (4) ต้นทุนเพื่อการได้มาซึ่งสิทธิในกรรมวิธีสูตร กู๊ดวิล เครื่องหมายการค้า สิทธิประกองกิจการตามใบอนุญาต สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น กรณีไม่จำกัดอายุการใช้ ร้อยละ 10 กรณีจำกัดอายุการใช้ ร้อยละ 100 หารด้วยจำนวนปีอายุการใช้ ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า ค่าความนิยม สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ โดยต้องนำมาคำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาตามมาตรา 4 (4) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 ดังกล่าว ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ |