Case study

ภาระภาษีของการขายคาร์บอนเครดิต


เรื่อง ภาระภาษีของการขายคาร์บอนเครดิต
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 13/11/2023
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย
คำถาม

 บริษัทฯ ได้ขายคาร์บอนเครดิต  ขอสอบถามว่า 

1. การขายคาร์บอนเครดิต ถือว่าเป็นการขายสินค้าหรือบริการคะ ในการออกเอกสารต้องออกเอกสารใบกำกับภาษีต้นฉบับให้ลูกค้าทันทีใช่ไหมคะ

2. รายได้ที่เกิดจากขายคาร์บอนเครดิตนี้ถือเป็นรายได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือไม่

คำตอบ


1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม



การขายคาร์บอนเครดิต ถือเป็นการขายสินค้าที่ไม่มีรูปร่าง  ตามมาตรา 78/3(1)   โดยความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาสินค้าไม่มีรูปร่างตามมาตรา 77/2 และมาตรา 78/3(1)แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 189 (พ.ศ. 2534)  ดังนั้นบริษัทต้องออกเอกสารใบกำกับภาษีต้นฉบับให้ลูกค้าเมื่อรับชำระเงิน


มาตรา 78/3 ให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการในกรณีดังต่อไปนี้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
 (1) การขายสินค้าที่ไม่มีรูปร่าง เช่น สิทธิในสิทธิบัตร กู๊ดวิลล์ การขายกระแสไฟฟ้า การขายสินค้าที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน หรือการขายสินค้าบางชนิดที่ตามลักษณะของสินค้าไม่อาจกำหนดได้แน่นอนว่ามีการส่งมอบเมื่อใด



กฎกระทรวง     ฉบับที่ 189 (พ.ศ. 2534)  ออกตามความในประมวลรัษฎากร

ว่าด้วยความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มบางกรณี

ข้อ 2การขายสินค้าที่ไม่มีรูปร่าง เช่น สิทธิในสิทธิบัตร กู๊ดวิลล์ เครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ สัมปทาน ค่าสิทธิ หรือสินค้าที่มีลักษณะทำนองเดียวกันให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาสินค้า เว้นแต่กรณีได้มีการกระทำดังต่อไปนี้เกิดขึ้นก่อนได้รับชำระราคาสินค้าก็ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้น ๆ ด้วย

                      (1) โอนกรรมสิทธิ์สินค้า หรือ

                      (2) ได้ออกใบกำกับภาษี

                      ทั้งนี้ โดยให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำนั้น ๆ แล้วแต่กรณี






2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล


พระราชกฤษฎีกา   (ฉบับที่ 514) พ.ศ. 2554 มาตรา 5 และ มาตรา 4  ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ เป็นเวลาสามรอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน โดยโครงการที่จะได้รับจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด  ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 199)

 

พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 514) พ.ศ. 2554
 ------------------------------------------

มาตรา 3ในพระราชกฤษฎีกานี้
“องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก” หมายความว่า องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2550
      “คณะกรรมการบริหารกลไกการพัฒนาที่สะอาดแห่งสหประชาชาติ” หมายความว่า คณะกรรมการซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินโครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาดภายใต้พิธีสารเกียวโตตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

มาตรา 4ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิในการดำเนินการโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามที่กำหนดในมาตรา 5 ในแต่ละโครงการเฉพาะส่วนที่เกิดจากการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตไม่ว่าจะกระทำในหรือนอกประเทศเป็นเวลาสามรอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนดการยกเว้นภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป และให้เริ่มนับรอบระยะเวลาบัญชีแรก ดังต่อไปนี้

  (1) สำหรับโครงการตามมาตรา 5 (1) เมื่อคณะกรรมการบริหารกลไกการพัฒนาที่สะอาดแห่งสหประชาชาติให้การรับรอง
(2) สำหรับโครงการตามมาตรา 5 (2) เมื่อองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกได้ออกใบรับรองการจำหน่ายคาร์บอนเครดิต
 

         มาตรา 5โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 4 ได้แก่โครงการดังต่อไปนี้
 
(1) โครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาด ซึ่งจำหน่ายคาร์บอนเครดิตประเภท Certified Emission Reductions (CERs) ที่ได้รับการรับรองการดำเนินโครงการจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกก่อนหรือในปี พ.ศ. 2555
 
(2) โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจำหน่ายคาร์บอนเครดิตประเภท Voluntary Emission Reductions (VERs) ที่ได้ขึ้นทะเบียนการดำเนินโครงการจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกก่อนหรือในปี พ.ศ. 2555 มาตรา 6 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศ โดยกำหนดมาตรการทางภาษีเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนดำเนินโครงการดังกล่าว เพื่อทำให้คุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศดีขึ้นและภาครัฐมีฐานข้อมูลปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบบสมัครใจของภาคเอกชน รวมทั้งเพื่อเป็นการสนับสนุนให้มีการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตอันจะเป็นการนำรายได้เข้าประเทศเพิ่มมากขึ้น สมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิในการดำเนินการโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละโครงการ เฉพาะส่วนที่เกิดจากการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตไม่ว่าจะกระทำในหรือนอกประเทศ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้



ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 199)
เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัท
หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
 -----------------------------------------------

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 514) พ.ศ. 2554 อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ดังต่อไปนี้

ข้อ 1ในประกาศนี้
“โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” หมายความว่า โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 514) พ.ศ. 2554
“โครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาด ซึ่งจำหน่ายคาร์บอนเครดิตประเภท Certified Emission Reductions (CERs)” หมายความว่า โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่จำหน่ายใบรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงภายใต้โครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาด ซึ่งออกโดยคณะกรรมการบริหารกลไกการพัฒนาที่สะอาดแห่งสหประชาชาติ โดยคำนวณในรูปของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
“โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจำหน่ายคาร์บอนเครดิตประเภท Voluntary Emission Reductions (VERs)” หมายความว่า โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่จำหน่ายใบรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก ซึ่งไม่เข้าลักษณะเป็นโครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาด โดยคำนวณในรูปของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
“ก๊าซเรือนกระจก” หมายความว่าคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) มีเทน (CH4) ไนตรัสออกไซด์ (N2O) ไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HIFCs) เพอร์ฟลูออโรคาร์บอน (PFCs) และ ซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ (SF6)
                               “คาร์บอนเครดิต” หมายความว่า ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงได้จากโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งคำนวณในรูปของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

ข้อ 2การคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้คำนวณตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องคำนวณกำไรสุทธิของรายได้จากการดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละโครงการแยกต่างหากออกจากรายได้จากการประกอบกิจการอื่นเป็นระยะเวลาสามรอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกันตามที่กำหนดไว้ตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 514) พ.ศ. 2554 หากโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีผลขาดทุนสุทธิ ให้คงผลขาดทุนสุทธิดังกล่าวไว้ในโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกดังกล่าวในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 514) พ.ศ. 2554 เท่านั้น
                               ทั้งนี้ กรณีรายจ่ายใดไม่สามารถแยกกันได้โดยชัดแจ้งว่าเป็นรายจ่ายของรายได้จากการดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือเป็นรายจ่ายของรายได้จากการประกอบกิจการอื่น ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวเฉลี่ยรายจ่ายตามส่วนของรายได้ระหว่างรายได้จากการดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละโครงการ และรายได้จากการประกอบกิจการอื่นในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น

ข้อ 3ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และประสงค์จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 514) พ.ศ. 2554 แยกยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ พร้อมทั้งบัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุนของแต่ละโครงการ สำหรับบัญชีงบดุลของบริษัทดังกล่าว ให้ยื่นพร้อมแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือยื่นพร้อมแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในกิจการอื่นก็ได้ ทั้งนี้ ให้ใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรเดียวกันในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นั้น

ข้อ 4ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป




เรื่อง

ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการขายคาร์บอนเครดิต

แหล่งที่มา

ข้อหารือ กรมสรรพากร

เลขที่หนังสือ

0702/3206

ข้อกฎหมาย

มาตรา 77/1 (9) และมาตรา 77/1 (5) แห่งประมวลรัษฎากร

ข้อหารือ

          องค์การ A (องค์การมหาชน) (องค์การฯ) ได้หารือข้อกฎหมายเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยมีรายละเอียดสรุปได้ว่า องค์การฯ ได้พัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program) หรือโครงการ T-VER ขึ้น เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจกโดยความสมัครใจ ตามที่ประชาคมโลกได้เรียกร้องให้ทุกประเทศร่วมกันแก้ปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งประเทศไทยได้ยื่นข้อเสนอการมีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจกต่อสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศลงร้อยละ 7 และร้อยละ 20 ภายในปี พ.ศ. 2563 และ พ.ศ. 2573 ตามลำดับ โดยประเทศไทยได้นำปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้จากการดำเนินโครงการและผ่านการรับรอง ซึ่งเรียกว่า “คาร์บอนเครดิต” ไปขายในตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจในประเทศ ซึ่งเป็นแรงจูงใจหนึ่งที่จะให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจกองค์การฯ จึงหารือ ดังนี้

          1. ผู้ขายจำเป็นต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายคาร์บอนเครดิตหรือไม่

          2. หากจำเป็นต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม จะจัดให้คาร์บอนเครดิตเป็นทรัพย์สินในหมวดใด และจะต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราเท่าใด

          3. ผู้ขายจะสามารถลดหย่อนหรือยกเว้นการจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายคาร์บอนเครดิตได้หรือไม่ เนื่องจากคาร์บอนเครดิต คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้จากการดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศ ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่ตอบสนองต่อนโยบายของภาครัฐในด้านการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งมูลค่าของคาร์บอนเครดิตที่ขายได้โดยเฉลี่ยต่อปีมีค่าประมาณ 60,000,000 บาท เท่านั้น (คิดจากค่าเฉลี่ยการรับรองคาร์บอนเครดิตประเภท TVERs 300,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่าต่อปีคูณด้วยราคาคาร์บอนเครดิตสูงสุด ซึ่งเป็นข้อมูลจาก 3 โครงการที่ขายได้จริง คือ 30-200 บาท ต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า)

แนววินิจฉัย

     คาร์บอนเครดิตประเภท Voluntary Emission Reduction (VERs) เป็นทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างและอาจมีราคาและถือเอาได้ ไม่ว่าจะมีไว้เพื่อขาย เพื่อใช้ หรือเพื่อการใดๆ เข้าลักษณะเป็นสินค้า ตามมาตรา 77/1 (9) แห่งประมวลรัษฎากร อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ในอัตราร้อยละ 7 ตามมาตรา 77/2 และมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร โดยความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตประเภท VERs เกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาสินค้า เว้นแต่กรณีได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าหรือได้มีการออกใบกำกับภาษีก่อนได้รับชำระราคา แล้วแต่กรณี ตามมาตรา 78/3 (1) แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 2 ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 189 (พ.ศ. 2534) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มบางกรณี ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2534 และหากผู้ขายคาร์บอนเครดิต ประเภท VERsเป็นผู้ประกอบการ ตามมาตรา 77/1 (5) แห่งประมวลรัษฎากร จึงมีสิทธิเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น ตามมาตรา 82/4 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกนั้น ได้กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิในการดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เฉพาะส่วนที่เกิดจากการจำหน่ายคาร์บอนเครดิต ไม่ว่าได้กระทำในหรือนอกประเทศ ทั้งนี้ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 514) พ.ศ. 2554

เลขตู้

81/40636



เรื่อง

ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการจำหน่ายคาร์บอนเครดิต 2

แหล่งที่มา

ข้อหารือ กรมสรรพากร

เลขที่หนังสือ

กค 0702/7934

ประเภทภาษี

ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

ตามมาตรา 77/1(8) มาตรา 77/1(9) มาตรา 77/1(14) มาตรา 80/1(1) มาตรา 77/2 และมาตรา 78/3(1) แห่งประมวลรัษฎากร

ข้อหารือ

     บริษัทฯ ประกอบกิจการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) จากเศษวัสดุเหลือใช้จากธรรมชาติ คือ แกลบ จากการตรวจสอบพบว่า ในกระบวนการผลิตไฟฟ้ามีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศทั้งในแง่ของทรัพยากรสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี จึงได้รับการรับรองจากองค์การบริหารการจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก) เป็นหนึ่งในโครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาด (Clean Development Machanism) เรียกโดยย่อว่า โครงการ CDM เป็นกลไกหนึ่งที่กำหนดขึ้นภายใต้พิธีสารเกียวโตซึ่งเป็นกฎหมายระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) เพื่อช่วยให้ประเทศอุตสาหกรรมซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มภาคผนวกที่ 1 (Annex I countries) สามารถบรรลุพันธกรณีในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในช่วงปี พ.ศ. 2551 - 2555 ให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี พ.ศ. 2533 ประมาณร้อยละ 5 โดยซื้อคาร์บอนเครดิตที่ได้จากการทำโครงการ CDM ในประเทศกลุ่มภาคผนวกที่ 1 (Non Annex I countries) ที่เรียกว่า Certified Emission Reduction) หรือเรียกโดยย่อว่า CERs เพื่อนำไปหักลบปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในต่างประเทศ ความหมายของ CERs หรือคาร์บอนเครดิต คือ ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่โครงการ CDM สามารถลดได้ และได้รับการรับรองจากคณะกรรมการบริหารโครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาด (CDM Executive Board) เรียกโดยย่อว่า CDM EB เป็นสินค้าที่ไม่มีรูปร่าง ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 189 (พ.ศ. 2534) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มบางกรณีขั้นตอนการขายคาร์บอนเครดิต
1. ภายหลังจากบริษัทฯ ได้รับการรับรองให้เป็นผู้ผลิตที่อยู่ภายใต้โครงการ CDM ที่มีสิทธิในการขายคาร์บอนเครดิต (CERs) จาก อบก บริษัทฯ จึงได้ติดต่อและทำสัญญาซื้อขายคาร์บอนเครดิตกับบริษัท CHUBU ELECTRIC POWER CO.,INC ซึ่งเป็นนิติบุคคลในประเทศญี่ปุ่น
2. การซื้อขายคาร์บอนเครดิตจะเป็นการซื้อขายโดยผ่านตลาดกลางที่ UNFCCC Website ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศเยอรมนี โดยมีข้อกำหนดว่า ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องขึ้นทะเบียนและเปิดบัญชีกับ UNFCCC
3. ภายหลังจากการได้รับการรับรองและยืนยันจำนวนคาร์บอนเครดิตจาก CDM EB โดยแจ้งผ่านทาง electronic mail บริษัทฯ ก็จะมีการแจ้งให้ลูกค้าทราบและดำเนินการส่งคำสั่งโอนสินค้าตามขั้นตอนผ่านทางหน้า UNFCCC Website ไปให้ลูกค้าในต่างประเทศ
4. เมื่อดำเนินการส่งคำสั่งโอนสินค้าผ่านทางหน้า UNFCCC Website เรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ จะต้องสั่งพิมพ์ต้นฉบับใบโอนสินค้าพร้อมลายเซ็นผู้มีอำนาจและจัดส่งไปยังสำนักงาน UNFCCC ในประเทศเยอรมนีเพื่อยืนยันว่า บริษัทฯ ต้องการขายและโอนสินค้าให้กับลูกค้าตามข้อมูลที่ได้ดำเนินการผ่านทาง Website นั้น
5. หลังจากส่งต้นฉบับภายในหนึ่งสัปดาห์ทาง UNFCCC ก็จะดำเนินการโอนสินค้าไปยังบัญชีลูกค้าพร้อมส่ง electronic mail แจ้งให้บริษัทฯ ทราบ 6. บริษัทฯ จะแจ้งให้ลูกค้าในต่างประเทศทราบก่อนจะออกใบแจ้งหนี้เพื่อเรียกเก็บเงินจากลูกค้าภายใน 30 วันนับจากวันที่ออกใบแจ้งหนี้ ลูกค้าจะโอนมาให้บริษัทฯ ตามเงื่อนไขสัญญา
 
     บริษัทฯขอทราบว่าความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อใด

แนววินิจฉัย

     การขายคาร์บอนเครดิตให้กับผู้ประกอบการในต่างประเทศเข้าลักษณะการขายสินค้าที่ไม่มีรูปร่างให้กับผู้ประกอบการในต่างประเทศ ตามมาตรา 77/1(8) มาตรา 77/1(9) แห่งประมวลรัษฎากร ถือเป็นการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ตามมาตรา 77/1(14) แห่งประมวลรัษฎากร อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1(1) แห่งประมวลรัษฎากร โดยความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาสินค้าไม่มีรูปร่างตามมาตรา 77/2 และมาตรา 78/3(1)แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 189 (พ.ศ. 2534)

เลขตู้

77/39355



หมายเหตุ: TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น  กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง

หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ